ยิ่งอยู่ยิ่งเมิน ยิ่งนานยิ่งงง

กระทู้สนทนา
แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องทำประชาพิจารณ์
แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เข้าข่ายล้มการปกครอง

ทางราชการ “และ”กับ “หรือ” มีความหมายต่างกัน
ทางการเมือง “และ”กับ “หรือ” มีความหมายเดียวกัน

เป็นอาจารย์สอนทำกับข้าวออกทีวี เป็นลูกจ้าง
เป็นอาจารย์สอนกฎหมายออกวิทยุ เป็นการให้ความรู้

ตีความตามพจนานุกรม ถอดถอนนายกฯ
ตีความตามรัฐธรรมนูญอังกฤษ รับคำร้อง

ยุบพรรค ตามดุลยพินิจของตลก.
ไม่ยุบพรรค ตามดุลยพินิจของผู้พิพากษา

ยุบพรรคหนึ่ง เร่งรีบจนน่าใจหาย
ยุบอีกพรรค เชื่องช้าจนหมดอายุความ

ตอนเป็นประธานศาลก็สุกเอาเผากิน
ตอนเป็นอดีตประธานก็ชี้รัฐบาลทำผิดกฎหมายแล้วสองเรื่อง

วินิจฉัยยุบพรรค ไม่ต้องรอจำเลยเบิกความครบ
วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ต้องรอศาลอื่นตัดสินก่อน

ยกคำร้องของนายบวรเรื่องที่มาของ สว.
แต่รับคำร้องของนายสมเจตน์เรื่องที่มาของ สว.

คุณเรืองไกร ยื่นฟ้อง พรรคหนึ่ง เป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
คุณเรืองไกร ยื่นฟ้อง อีกพรรคหนึ่ง เงิบหงายเงิบหงาย

ร่วมกันช่วยเหลือพรรคการเมืองไม่ให้ถูกยุบ ไม่ผิด
คนเอาความจริงมาตีแผ่ กลับต้องไปขอโทษ

อัยการสูงสุดที่ต้องทำหน้าที่ตามมาตรา 68 ไม่ต้องทำงาน
เพราะมีแต่คนยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง

ใช้เงินหลวงเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ถูกด่า
ใช้เงินหลวงส่งลูกไปเรียนหนังสือต่างประเทศ แค่คืนเงิน

องค์กรอิสระมีหน้าที่คัดเลือก สว.จากการสรรหา
สว.มีหน้าที่ถอดถอนองค์กรอิสระ

แก้ไขรัฐธรรมนูญสมัยอภิสิทธิ์ มาตรา 154 ไม่สามารถแย้งการแก้รัฐธรรมนูญได้
แก้ไขรัฐธรรมนูญสมัยยิ่งลักษณ์ ต้องรอให้ศาลวินิจฉัยตามมาตรา 154 ก่อนทูลเกล้า

เคยไม่รับคำร้องสมัยอภิสิทธิ์ เพราะศาลชี้ว่า แก้รัฐธรรมนูญมีศักดิ์สูงกว่ากฎหมายทั่วไป
ตอนนี้กลับรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ สว.

ขอนายกฯพระราชทาน ม.7 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เกรงระคายเคือง
ทูลเกล้าตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ กลายเป็นเรื่องไม่บังควร

ศาลรัฐธรรมนูญก้าวก่ายการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารได้
แต่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารห้ามกดดันศาล

รับคำร้อง พรบ.รายจ่ายปี 2557 ที่องค์กรมีส่วนได้ส่วนเสีย
ทั้งๆที่มันเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน

การแก้ที่มาของ สว.ให้ยึดโยงกับอำนาจของประชาชน
อาจกลายเป็นการล้มการปกครองไปเสียฉิบ

สว.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
กลับสนับสนุนให้มี สว.จากการลากตั้ง

พรรคการเมืองจากการเลือกตั้งจากประชาชนแท้ๆ
กลับเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญมากกว่าระบบรัฐสภา

คิดผิดเสมอมาว่า ในสภามีการโหวตแค่ 3 วาระ
ที่แท้ยังมีวาระ 4 ที่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่บอก

ศาลรัฐธรรมนูญควรจะเป็นองค์กรที่จะคลี่คลายวิกฤติทางการเมือง
กลับกลายเป็นสร้างวิกฤติให้เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐสภาเสียเอง

คราวก่อน ตลก.เคยใช้ดุลยพินิจยุบพรรคเพื่อแก้วิกฤติให้กับการเมือง
คราวนี้ คงไม่ใช้ดุลยพินิจในการล้มรัฐบาลเพื่อให้การเมืองเข้าสู่วิกฤติกระมัง

และสุดท้ายแล้ว รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
หรือศาลรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดกันแน่ เมินตึ๊บเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่