ประเพณีทางเหนือถ้าเป็นเทศกาล ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ก็จะมีการจัดเตรียมอาหารคาวหวาน
เพื่อไปทำบุญ ตักบาตร ที่วัด ก็เหมือนกับภาคอื่น ๆ ทั่วไป
อาหารคาวที่นิยมทำในเทศกาลงานบุญ ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น อย่างที่สล่าปู่อยู่เป็นหลักเลยที่นิยม
ก็คือแกงฮังเล แทบจะทุกบ้านในวันโกน ซึ่งทางเหนือเรียก "วันดา" จะมีการห่อขนมจ๊อก (ขนมเทียน)
และก็แกงฮังเล ซึ่งจะแกงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความจำเป็นใช้ของแต่ละบ้าน
ปีนี้สล่าปู่แกงน้อย ด้วยเหตุว่ากลัวใจตัวเอง สั่งหมูไว้ตั้งแต่เมื่อวาน 2 ก.ก. จากเจ้าประจำ เมื่อเช้าไปเอา
ต้องสั่ง + เพิ่มอีก 1ก.ก. ด้วยเหตุหลานชายมาจาก กทม.มาเยี่ยม วันหยุดยาว กะจะแพ๊คกล่องให้ไปกินสัก 1 ก.ก.
มาดูกันดีกว่าว่าวิธีทำแกงฮังเล ซึ่งแต่ละที่อาจไม่เหมือนกัน มีแตกต่างกันบ้างเล็ก ๆ น้อย อย่างของสล่าปู่
ก็เป็นประเภทครูพักลักจำ เอาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เวลาเขามีงาน เช่นงานศพ ก็จะไปช่วยเขาทำพร้อมสังเกต
การทำของเขา มีการนำมาปรับบ้างเล็กน้อยตามแบบที่เราชอบ
หมูใช้หมูสามชั้นทั้งหมด เป็นสามชั้นส่วนท้อง หรือพวกเราเรียกว่า สามชั้นบาง ซึ่งตรงนี้หนังจะนุ่มและมีมันน้อย
แกงฮังเลได้อร่อยเด็ดขาดไปเลย
ล้างสะอาดแล้วมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ขาดประมาณ นิ้วคูณนิ้ว
เตรียมหมัก เครื่องหมักก็ได้แก่ ขมิ้นผง ผงเครื่องแกงฮังเล
น้ำพริก วันนี้ใช้น้ำพริกสำเร็จ 15 บาท เพราะคนขายบอกว่า โลละ 5 บาท ของเรา 3 โล
ก็ 15 บาท (งงไหม) ที่สล่าเคยทำ น้ำพริกใช้แค่ หอมแดง กระเทียม พริกแห้งเม็ดใหญ่
กะปิ แต่ถ้าเป็นสูตรอื่นอาจจะแตกต่างกันไป
น้ำพริก 15 บาท เอามาเพิ่มหอมแดง เพื่อหวังความหวานและความข้นของน้ำแกง
อันนี้รู้แล้วเฉยไว้ อย่าบอกใครเดี๋ยวโดนพวกอนุรักษ์ด่าเอา น้ำมันหอย กับซีอิ๊วขาว
สล่าเคยใช้ มันไม่ทำให้กลิ่นรสฮังเลเปลี่ยนไป แถมยังได้อาศัยสีดำมาแต่งสีโดยไม่ต้องใช้
ซีอิ้วดำอีกต่างหาก
เติมน้ำลงไปนิดหนึ่งแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง (วันนี้เวลามีเยอะ เพราะลงมือแต่เช้า)
กระทะทองเหลืองมีอยู่แล้ว ใช้เข้าไป ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากจะช่วยให้รักษาความร้อน
ตอนแกงได้คงที่
เปิดไฟกลางยืนคน ไม่ให้ติดก้นกระทะ คนด้วยความใจเย็น
เกือบครึ่งชั่วโมงได้ เหมือนกับผัดน้ำพริกแกงไปในตัว น้ำพริกหอม เนื้อหมูหด เติมน้ำลงไป
เปิดไฟอ่อน ปล่อยให้อ่อมไปช้า ๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ตอนเปื่อยหมูจะเข้าเนื้อได้ดีกว่าแกงไฟแรง
เตรียมเครื่องประกอบ ที่จะทำให้ฮังเลอร่อย
ขิงซอยฝอย เอามาคั้นน้ำเกลือ
ล้างน้ำให้สะอาดและหมดเค็ม พักไว้
น้ำอ้อย ปรุงหวาน
มะขามเปียกคั้นเอาน้ำ ปรุงเปรี้ยว สิ่งที่ต้องเตรียมยังมีอีกคือกระทียมกับหอมแดงปอกเปลือก
ฝ่ายแกะเปลือกยังไม่ส่งเข้ามา เลยไม่ได้ถ่ายรูป
น้ำแกงแห้งก็เติมน้ำเพิ่มไปอีก
เสริมความนุ่มธรรมชาติ ด้วยนี่เลยครับ ไม่บอกปล่อยให้เป็นปริศนา อย่าเยอะเดี๋ยวนุ่มจนเละ
แกงต่อไปจนหมูนุ่มและเข้าเนื้อได้ที่ เริ่มปรุงครับ กระเทียมแกะเปลือก ลงไปก่อน
ตามด้วยหอมแดง
ปรุงหวานด้วยน้ำอ้อย
เปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก
รอหอมแดงสุก สังเกตดูถ้าสุกเนื้อหัวหอมจะใส เป็นอันใช้ได้ ใส่ขิงซอยลงไป
ปิดท้ายปรุงกลิ่นเพิ่มด้วยผงฮังเลอีก 1 ซอง
ผมเปลี่ยนหม้อ เทลงหม้อสแตนเลส เคยมีคนบอกว่าแกงรสเปรี้ยวไม่ควรแช่ในกระทะทองเหลือง
ผิดถูกประการใด ใครทราบช่วยบอกหน่อยครับ
ดูโฉมที่อยู่ในหม้อ หลังจากปรุงรสและกลิ่นเป็นที่น่าพอใจแล้ว
ไม่มีใครจะตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานได้ดีกว่าคนทำ จัดให้ตัวเองถ้วยเล็ก ๆ 1 ถ้วย
แค่เห็นรูป ผมคงไม่ต้องบอกว่าผลการประเมินผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่านควรอยูในระดับไหน
(ฮ่า ๆ ไม่ได้โม้)
ขอบคุณมากครับที่ติดตามอย่างยาวนานมาจนถึงบรรทัดนี้
ช่วงเข้าพรรษาเรามาร่วมใจกัน ลด ละ เลิก
อะไรก็ตามที่ไม่เป็นมงคลต่อชีวิตและสุขภาพกันดีไหมครับ
สวัสดีครับ
เอาแกงฮังเล เข้าพรรษา มาแบ่งกันชม
เพื่อไปทำบุญ ตักบาตร ที่วัด ก็เหมือนกับภาคอื่น ๆ ทั่วไป
อาหารคาวที่นิยมทำในเทศกาลงานบุญ ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น อย่างที่สล่าปู่อยู่เป็นหลักเลยที่นิยม
ก็คือแกงฮังเล แทบจะทุกบ้านในวันโกน ซึ่งทางเหนือเรียก "วันดา" จะมีการห่อขนมจ๊อก (ขนมเทียน)
และก็แกงฮังเล ซึ่งจะแกงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความจำเป็นใช้ของแต่ละบ้าน
ปีนี้สล่าปู่แกงน้อย ด้วยเหตุว่ากลัวใจตัวเอง สั่งหมูไว้ตั้งแต่เมื่อวาน 2 ก.ก. จากเจ้าประจำ เมื่อเช้าไปเอา
ต้องสั่ง + เพิ่มอีก 1ก.ก. ด้วยเหตุหลานชายมาจาก กทม.มาเยี่ยม วันหยุดยาว กะจะแพ๊คกล่องให้ไปกินสัก 1 ก.ก.
มาดูกันดีกว่าว่าวิธีทำแกงฮังเล ซึ่งแต่ละที่อาจไม่เหมือนกัน มีแตกต่างกันบ้างเล็ก ๆ น้อย อย่างของสล่าปู่
ก็เป็นประเภทครูพักลักจำ เอาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เวลาเขามีงาน เช่นงานศพ ก็จะไปช่วยเขาทำพร้อมสังเกต
การทำของเขา มีการนำมาปรับบ้างเล็กน้อยตามแบบที่เราชอบ
หมูใช้หมูสามชั้นทั้งหมด เป็นสามชั้นส่วนท้อง หรือพวกเราเรียกว่า สามชั้นบาง ซึ่งตรงนี้หนังจะนุ่มและมีมันน้อย
แกงฮังเลได้อร่อยเด็ดขาดไปเลย
ล้างสะอาดแล้วมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ขาดประมาณ นิ้วคูณนิ้ว
เตรียมหมัก เครื่องหมักก็ได้แก่ ขมิ้นผง ผงเครื่องแกงฮังเล
น้ำพริก วันนี้ใช้น้ำพริกสำเร็จ 15 บาท เพราะคนขายบอกว่า โลละ 5 บาท ของเรา 3 โล
ก็ 15 บาท (งงไหม) ที่สล่าเคยทำ น้ำพริกใช้แค่ หอมแดง กระเทียม พริกแห้งเม็ดใหญ่
กะปิ แต่ถ้าเป็นสูตรอื่นอาจจะแตกต่างกันไป
น้ำพริก 15 บาท เอามาเพิ่มหอมแดง เพื่อหวังความหวานและความข้นของน้ำแกง
อันนี้รู้แล้วเฉยไว้ อย่าบอกใครเดี๋ยวโดนพวกอนุรักษ์ด่าเอา น้ำมันหอย กับซีอิ๊วขาว
สล่าเคยใช้ มันไม่ทำให้กลิ่นรสฮังเลเปลี่ยนไป แถมยังได้อาศัยสีดำมาแต่งสีโดยไม่ต้องใช้
ซีอิ้วดำอีกต่างหาก
เติมน้ำลงไปนิดหนึ่งแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง (วันนี้เวลามีเยอะ เพราะลงมือแต่เช้า)
กระทะทองเหลืองมีอยู่แล้ว ใช้เข้าไป ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากจะช่วยให้รักษาความร้อน
ตอนแกงได้คงที่
เปิดไฟกลางยืนคน ไม่ให้ติดก้นกระทะ คนด้วยความใจเย็น
เกือบครึ่งชั่วโมงได้ เหมือนกับผัดน้ำพริกแกงไปในตัว น้ำพริกหอม เนื้อหมูหด เติมน้ำลงไป
เปิดไฟอ่อน ปล่อยให้อ่อมไปช้า ๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ตอนเปื่อยหมูจะเข้าเนื้อได้ดีกว่าแกงไฟแรง
เตรียมเครื่องประกอบ ที่จะทำให้ฮังเลอร่อย
ขิงซอยฝอย เอามาคั้นน้ำเกลือ
ล้างน้ำให้สะอาดและหมดเค็ม พักไว้
น้ำอ้อย ปรุงหวาน
มะขามเปียกคั้นเอาน้ำ ปรุงเปรี้ยว สิ่งที่ต้องเตรียมยังมีอีกคือกระทียมกับหอมแดงปอกเปลือก
ฝ่ายแกะเปลือกยังไม่ส่งเข้ามา เลยไม่ได้ถ่ายรูป
น้ำแกงแห้งก็เติมน้ำเพิ่มไปอีก
เสริมความนุ่มธรรมชาติ ด้วยนี่เลยครับ ไม่บอกปล่อยให้เป็นปริศนา อย่าเยอะเดี๋ยวนุ่มจนเละ
แกงต่อไปจนหมูนุ่มและเข้าเนื้อได้ที่ เริ่มปรุงครับ กระเทียมแกะเปลือก ลงไปก่อน
ตามด้วยหอมแดง
ปรุงหวานด้วยน้ำอ้อย
เปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก
รอหอมแดงสุก สังเกตดูถ้าสุกเนื้อหัวหอมจะใส เป็นอันใช้ได้ ใส่ขิงซอยลงไป
ปิดท้ายปรุงกลิ่นเพิ่มด้วยผงฮังเลอีก 1 ซอง
ผมเปลี่ยนหม้อ เทลงหม้อสแตนเลส เคยมีคนบอกว่าแกงรสเปรี้ยวไม่ควรแช่ในกระทะทองเหลือง
ผิดถูกประการใด ใครทราบช่วยบอกหน่อยครับ
ดูโฉมที่อยู่ในหม้อ หลังจากปรุงรสและกลิ่นเป็นที่น่าพอใจแล้ว
ไม่มีใครจะตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานได้ดีกว่าคนทำ จัดให้ตัวเองถ้วยเล็ก ๆ 1 ถ้วย
แค่เห็นรูป ผมคงไม่ต้องบอกว่าผลการประเมินผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่านควรอยูในระดับไหน
(ฮ่า ๆ ไม่ได้โม้)
ขอบคุณมากครับที่ติดตามอย่างยาวนานมาจนถึงบรรทัดนี้
ช่วงเข้าพรรษาเรามาร่วมใจกัน ลด ละ เลิก
อะไรก็ตามที่ไม่เป็นมงคลต่อชีวิตและสุขภาพกันดีไหมครับ
สวัสดีครับ