สมมุติว่าผมเป็นครูผู้สอนประวัติศาสตร์ผมจะออกข้อสอบวัดความรู้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาดังนี้
คำถามมี 5 ข้อ เกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์เยอรมันนีในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ข้อ1และ2 ถามความรู้,ความจำ,ความเข้าใจและการวิเคราะห์ ให้ข้อละ 3 คะแนน , ส่วนข้อ 3และ4ถามความรู้,ความจำและความเข้าใจ ให้ข้อละ 2คะแนน
ที่มา:เนื่องจากการเรียนประวัติศาสตร์แบบท่องจำเหมือนนกแก้วนกขุนทองนั้นน่าเบื่อใครก็รู้ทำไมไม่มีใครคิดแตกต่างเช่นศึกษาจากข้อผิดพลาดในประวัติศาสตร์และหากไม่มีข้อผิดพลาดเช่นว่านั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร  ตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ในการเรียนในโรงเรียนเสนาธิการ ในสมัยนั้นเชื่อกันว่ากองทัพเวียดนามจะบุกเมืองไทยแน่นอน เนื่องจากรบชนะเวียดนามใต้มีอาวุธที่อเมริกาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ความเชื่อกระแสหลักคือเวียดนามต้องบุกไทยแน่นอนและอาจพ่ายแพ้เหมือนเวียดนามใต้ แต่มีนักเรียนเสนาธิการคนหนึ่งคิดสวนกระแส เมื่อได้วิเคราะห์สถานการณ์แล้วสรุปว่า เวียดนามจะไม่บุกไทยเนื่องจากไม่พร้อม(หลายสาเหตุเช่นทหารเบื่อหน่ายไม่อยากสู้รบต่อไป) เขาเกือบไม่สำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนเฉียดฉิว แต่ท้ายที่สุดข้อสรุปของเขาเป็นจริงในปัจจุบัน นี่เป็นตัวอย่างของการกล้าคิดต่าง การตอบจึงมีอิสะอย่างมากมายแล้วแต่จะหยิบยกแง่มุมใดมาเขียนพร้อมกับยกเหตุผลประกอป การตอบข้อสอบก็ให้สมมุติในทำนองว่า หากเยอรมันนีได้ความรู้หรือเทคโนโลยีเช่น สามารถพัฒนาเฮลิคอปเตอร์ใช้งานได้ก่อน หรือเยอรมันนีพัฒนาเรืออู ที่ดำน้ำได้นานกว่า และเงียบกว่าอย่างนี้เป็นต้น โฉมหน้าสงครามจะเปลี่ยนไปอย่างไร และในความเป็นจริงเทคโนโลยีทางการทหารของเยอรมัน"เหนือกว่า"ในหลายๆอย่างแม้แต่ของอเมริกันยังสู้ไม่ได้ เอาที่เห็นกลายเป็นตำนานก็ได้แก่รถโฟล์คเต่านั่นอย่างไรครองตำแหน่งยอดรถที่ผลิตมากที่สุดในโลกยังไม่มีทาบได้ ทีนี้คงพอเข้าใจความคิดรวบยอด ต่อไปนี้คือข้อ หนึ่ง

1.ให้อธิบายความรู้และเทคโนโลยีในปัจจุบันที่อาจทำให้เยอรมันนีได้เปรียบในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยให้อธิบายอย่างพิศดารทั้งในภาพรวม(ยุทธศาสตร์)และในส่วนย่อย(ยุทธวิธี)พร้อมกับยกตัวอย่าง (3คะแนน)