ฮวน พูฮอล การ์เซีย (Juan Pujol García) คือหนึ่งในสายลับสองหน้า (Double Agent) ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการหลอกล่อกองทัพเยอรมนีในปฏิบัติการปั้นเงา (Operation Fortitude) ที่เราคุยกันไปก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ เขาเริ่มต้นเป็นสายลับของอังกฤษโดยที่อังกฤษไม่รู้ตัว และเขาเป็นผู้สร้างเครือข่ายสายลับที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมาทั้งหมด
.
1. ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
ฮวน พูฮอล การ์เซีย เป็นชาวสเปนที่เกลียดชังทั้งฟาสซิสต์และคอมมิวนิสต์ เขาต้องการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ถูกหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ (MI5) ปฏิเสธถึงสามครั้ง
ด้วยความมุ่งมั่น เขาจึงตัดสินใจเสนอตัวเป็นสายลับให้กับเยอรมนี (Abwehr) แทน โดยตั้งรหัสตัวเองว่า "อาราเบล (Arabel)"
.
2. สร้างเครือข่ายสายลับจากจินตนาการ
เยอรมนีส่งเขาไปลอนดอนเพื่อเริ่มปฏิบัติการ แต่จริง ๆ แล้ว เขาอยู่ที่ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เขาไม่เคยไปอังกฤษเลยในช่วงแรก เขาเริ่มปฏิบัติการสายลับดังต่อไปนี้
🕵️♀️การสร้างหลักฐานปลอม: เขาสร้างรายงานข่าวกรองที่เต็มไปด้วยรายละเอียดปลอม ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยใช้
🗞️ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์: เขาอ่านคู่มือท่องเที่ยวอังกฤษ, หนังสือพิมพ์, และนิตยสารเพื่อรวบรวมข้อมูล
🗞️ข้อมูลสาธารณะ: เขาใช้ข้อมูลที่เปิดเผยทั่วไปเกี่ยวกับอังกฤษ ผสมกับจินตนาการและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริง
🕵️♀️เครือข่ายผี: เขาหลอกลวง Abwehr ว่าเขามีเครือข่ายสายลับที่มีประสิทธิภาพถึง 27 คน กระจายอยู่ทั่วอังกฤษ โดยที่สายลับเหล่านั้น ไม่มีตัวตนจริงเลย พวกเขาเป็นเพียงตัวละครที่เขาสร้างขึ้น โดยมีชื่อ, ภูมิหลัง, และรายงานของตัวเอง
.
3. การเข้าสู่ MI5 และรหัส "Garbo"
ในที่สุด MI5 ก็สังเกตเห็นรายงานข่าวกรองที่แปลกประหลาดที่ Abwehr ได้รับ และตระหนักว่า "อาราเบล" กำลังหลอกล่อเยอรมนีอยู่ พวกเขาจึงดึงตัวฮวน พูฮอล เข้ามาเป็นสายลับสองหน้า และตั้งรหัสเขาว่า "การ์โบ (Garbo)" (ตั้งตามนักแสดงหญิง Greta Garbo เพราะเขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม)
เยอรมนีเชื่อในเครือข่ายปลอมของ Garbo มากถึงขนาด ส่งเงินเดือน และ งบประมาณในการดำเนินงาน มาให้สายลับ "ผี" ทั้ง 27 คนของเขา
.
4. บทบาทสำคัญใน D-Day
📌ภารกิจ Fortitude: Garbo ถูกมอบหมายให้เป็นผู้ส่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดในปฏิบัติการปั้นเงา (Operation Fortitude)
📌การหลอกลวงขั้นสูงสุด: Garbo ส่งรายงานไปยังเยอรมนีซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า กองทัพกลุ่มสหรัฐฯ (FUSAG) กำลังเตรียมการบุกใหญ่ที่ปาดัวลี (Pas de Calais) และการบุกนอร์มังดีเป็นเพียงการเบี่ยงเบน
📌การยืนยัน: หลัง D-Day (6 มิถุนายน 1944) Garbo ส่งข้อความไปถึง Abwehr โดย "เสียใจ" ว่าเขาไม่สามารถส่งข้อมูลได้ทันเวลาเนื่องจาก "การจราจรติดขัด" (เพื่ออ้างความน่าเชื่อถือ) และ ยืนยันอีกครั้ง ว่าการโจมตีจริงจะเกิดขึ้นที่ปาดัวลี
.
5. ผลลัพธ์
ฮิตเลอร์เชื่อ Garbo อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาตัดสินใจ ตรึงกองกำลังสำรองที่ดีที่สุด 2 กองทัพไว้ที่ปาดัวลี เป็นเวลาถึง 7 สัปดาห์หลังการบุกนอร์มังดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ D-Day ประสบความสำเร็จ
.
Garbo เป็นสายลับเพียงคนเดียวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับ เหรียญเกียรติยศสูงสุด จากทั้งอังกฤษ (MBE) และเยอรมนี (Iron Cross) ในช่วงสงครามเดียวกัน ถือเป็นที่สุดของนักปฏิบัติการลวงโลกครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง
🕵️♀️สายลับสองหน้า "ฮวน พูฮอล การ์เซีย" และแผนการลวงโลก (Garbo, The Double Agent)
.
1. ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
ฮวน พูฮอล การ์เซีย เป็นชาวสเปนที่เกลียดชังทั้งฟาสซิสต์และคอมมิวนิสต์ เขาต้องการช่วยฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ถูกหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ (MI5) ปฏิเสธถึงสามครั้ง
ด้วยความมุ่งมั่น เขาจึงตัดสินใจเสนอตัวเป็นสายลับให้กับเยอรมนี (Abwehr) แทน โดยตั้งรหัสตัวเองว่า "อาราเบล (Arabel)"
.
2. สร้างเครือข่ายสายลับจากจินตนาการ
เยอรมนีส่งเขาไปลอนดอนเพื่อเริ่มปฏิบัติการ แต่จริง ๆ แล้ว เขาอยู่ที่ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เขาไม่เคยไปอังกฤษเลยในช่วงแรก เขาเริ่มปฏิบัติการสายลับดังต่อไปนี้
🕵️♀️การสร้างหลักฐานปลอม: เขาสร้างรายงานข่าวกรองที่เต็มไปด้วยรายละเอียดปลอม ๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยใช้
🗞️ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์: เขาอ่านคู่มือท่องเที่ยวอังกฤษ, หนังสือพิมพ์, และนิตยสารเพื่อรวบรวมข้อมูล
🗞️ข้อมูลสาธารณะ: เขาใช้ข้อมูลที่เปิดเผยทั่วไปเกี่ยวกับอังกฤษ ผสมกับจินตนาการและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเล็กน้อยเพื่อให้ดูสมจริง
🕵️♀️เครือข่ายผี: เขาหลอกลวง Abwehr ว่าเขามีเครือข่ายสายลับที่มีประสิทธิภาพถึง 27 คน กระจายอยู่ทั่วอังกฤษ โดยที่สายลับเหล่านั้น ไม่มีตัวตนจริงเลย พวกเขาเป็นเพียงตัวละครที่เขาสร้างขึ้น โดยมีชื่อ, ภูมิหลัง, และรายงานของตัวเอง
.
3. การเข้าสู่ MI5 และรหัส "Garbo"
ในที่สุด MI5 ก็สังเกตเห็นรายงานข่าวกรองที่แปลกประหลาดที่ Abwehr ได้รับ และตระหนักว่า "อาราเบล" กำลังหลอกล่อเยอรมนีอยู่ พวกเขาจึงดึงตัวฮวน พูฮอล เข้ามาเป็นสายลับสองหน้า และตั้งรหัสเขาว่า "การ์โบ (Garbo)" (ตั้งตามนักแสดงหญิง Greta Garbo เพราะเขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม)
เยอรมนีเชื่อในเครือข่ายปลอมของ Garbo มากถึงขนาด ส่งเงินเดือน และ งบประมาณในการดำเนินงาน มาให้สายลับ "ผี" ทั้ง 27 คนของเขา
.
4. บทบาทสำคัญใน D-Day
📌ภารกิจ Fortitude: Garbo ถูกมอบหมายให้เป็นผู้ส่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดในปฏิบัติการปั้นเงา (Operation Fortitude)
📌การหลอกลวงขั้นสูงสุด: Garbo ส่งรายงานไปยังเยอรมนีซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า กองทัพกลุ่มสหรัฐฯ (FUSAG) กำลังเตรียมการบุกใหญ่ที่ปาดัวลี (Pas de Calais) และการบุกนอร์มังดีเป็นเพียงการเบี่ยงเบน
📌การยืนยัน: หลัง D-Day (6 มิถุนายน 1944) Garbo ส่งข้อความไปถึง Abwehr โดย "เสียใจ" ว่าเขาไม่สามารถส่งข้อมูลได้ทันเวลาเนื่องจาก "การจราจรติดขัด" (เพื่ออ้างความน่าเชื่อถือ) และ ยืนยันอีกครั้ง ว่าการโจมตีจริงจะเกิดขึ้นที่ปาดัวลี
.
5. ผลลัพธ์
ฮิตเลอร์เชื่อ Garbo อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาตัดสินใจ ตรึงกองกำลังสำรองที่ดีที่สุด 2 กองทัพไว้ที่ปาดัวลี เป็นเวลาถึง 7 สัปดาห์หลังการบุกนอร์มังดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ D-Day ประสบความสำเร็จ
.
Garbo เป็นสายลับเพียงคนเดียวในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับ เหรียญเกียรติยศสูงสุด จากทั้งอังกฤษ (MBE) และเยอรมนี (Iron Cross) ในช่วงสงครามเดียวกัน ถือเป็นที่สุดของนักปฏิบัติการลวงโลกครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง