ปฏิบัติการนี้ดำเนินการโดย สำนักงานบริการเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ (Office of Strategic Services - OSS) ซึ่งเป็นหน่วยงานสืบราชการลับของสหรัฐฯ ในช่วงสงคราม (ต่อมาได้พัฒนาเป็น CIA) โดยมีเป้าหมายคือ การทำลายขวัญและกำลังใจของชาวเยอรมัน ผ่านการแพร่กระจายข้อมูลเท็จและการต่อต้านนาซีในรูปแบบที่แนบเนียนที่สุด
.
🎯 เป้าหมายของปฏิบัติการ
เป้าหมายหลักคือการทำให้ชาวเยอรมันรู้สึกว่ารัฐบาลนาซีกำลังล้มเหลว และกำลังปกปิดความจริงเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ รวมทั้งระบบไปรษณีย์ของเยอรมนีไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สามารถไว้ใจได้
.
📰 วิธีการดำเนินการ
ปฏิบัติการนี้ใช้หลักการที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาด โดยอาศัยความเชื่อมั่นที่ชาวเยอรมันมีต่อ ไปรษณีย์ของรัฐ (Reichspost) ซึ่งถือเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือมากในเยอรมนี ได้แก่
.
1. ผลิตจดหมายปลอม (Black Propaganda): ทีมงานของ OSS ในกรุงโรม (ที่ถูกยึดคืนได้แล้ว) ได้พิมพ์เอกสารและจดหมายปลอมหลายแสนฉบับ เนื้อหาเป็นโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านฮิตเลอร์และนาซี โดยใช้รูปแบบที่หลากหลาย เช่น ไปรษณียบัตรและจดหมายข่าวต่อต้านนาซี ธนบัตรปลอม ที่มีคำขวัญต่อต้านนาซี แสตมป์ปลอม ที่ดัดแปลงรูปภาพของฮิตเลอร์ให้ดูน่าขบขันหรือน่ารังเกียจ
.
2. สร้างถุงไปรษณีย์ปลอม: พวกเขาได้สร้างถุงไปรษณีย์เยอรมันปลอม ที่สมจริงอย่างยิ่ง รวมถึงเอกสารกำกับถุงและตราประทับต่าง ๆ ที่ดูเหมือนเป็นของไปรษณีย์เยอรมันจริง ๆ
.
3. การแทรกซึม: OSS จะสืบหาเส้นทางเดินรถไฟไปรษณีย์หลัก ๆ ของเยอรมนีแล้วโจมตีทางอากาศโดยฝ่ายสัมพันธมิตรจะทำการทิ้งระเบิดใส่ตู้รถไฟไปรษณีย์ที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ยึดครอง และหลังจากทิ้งระเบิดแล้ว ทีม OSS จะแอบเข้าไปในพื้นที่ นำเอาถุงไปรษณีย์จริงที่เสียหายออกไป และ แทนที่ด้วยถุงไปรษณีย์ปลอม ที่เต็มไปด้วยจดหมายต่อต้านนาซีที่พิมพ์ไว้
.
📉 ผลลัพธ์ที่ได้
✔️ความน่าเชื่อถือ: รัฐบาลนาซีมักจะพยายามเก็บกู้และซ่อมแซมการขนส่งไปรษณีย์ที่เสียหายให้เร็วที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เยอรมันพบถุงไปรษณีย์ปลอมที่ดูเหมือนมาจากจุดเริ่มต้นจริง ๆ พวกเขาจึง นำจดหมายปลอมเหล่านั้นไปส่งถึงผู้รับตามที่อยู่จริง (ซึ่งมีรายชื่อผู้รับที่เป็นชาวเยอรมันจริง ๆ)
✔️สร้างความสับสน: ชาวเยอรมันที่ได้รับจดหมายเหล่านี้จะเริ่มตั้งคำถามถึงอำนาจของพรรคนาซีและเกิดความสับสนถึงข้อมูลที่ได้รับ
✔️ ความสำเร็จ: ปฏิบัติการนี้ประสบความสำเร็จในการแทรกซึมและแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบที่ เยอรมนีไม่สามารถควบคุมได้ง่าย เพราะมันไหลเวียนผ่านช่องทางที่ชาวบ้านไว้วางใจที่สุดคือระบบไปรษณีย์ของตนเองเอง
.
ปฏิบัติการนี้ถูกเรียกว่า "ปฏิบัติการคอร์นเฟลกส์" (Operation Cornflakes) เนื่องจากเป็น ชื่อรหัส (Code Name) ที่เจ้าหน้าที่ของ OSS ใช้เรียกปฏิบัติการนี้เป็นการภายในทีมงาน เพราะคำว่า "คอร์นเฟลกส์" (Cornflakes) นั้นหมายถึงอาหารเช้าประเภทหนึ่ง ซึ่งชื่อนี้ถูกเลือกมาโดยไม่ได้มีเหตุผลทางการทหารที่ซับซ้อน แต่มีที่มาจากความรู้สึกของเจ้าหน้าที่เอง ได้แก่ความสบายใจและความเรียบง่ายเพราะเจ้าหน้าที่ของ OSS ที่ดูแลปฏิบัติการนี้ รู้สึกว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ค่อนข้าง "ง่ายดาย" หรือ "เป็นกิจวัตรประจำวัน" เหมือนกับการกินอาหารเช้าอย่างคอร์นเฟลกส์ ต่างจากปฏิบัติการสืบราชการลับหรือการต่อสู้ที่ซับซ้อนและเสี่ยงอันตรายอื่น ๆ และความตลกขบขัน (Humor) เพราะการใช้ชื่อรหัสที่ไร้สาระหรือไม่เกี่ยวข้องกับสงครามเลยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหน่วยงานข่าวกรอง เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและสร้างความขบขันในหมู่เจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานภายใต้ความเครียดสูง
ดังนั้น ชื่อ "คอร์นเฟลกส์" จึงเป็นเพียงการเปรียบเทียบเชิงขบขันถึงความเรียบง่ายและเป็นกิจวัตรของภารกิจในการส่งจดหมายปลอมไปทั่วเยอรมนี
.
ปฏิบัติการคอร์นเฟลกส์จึงเป็นตัวอย่างคลาสสิกของสงครามข่าวสารและสงครามจิตวิทยาที่มุ่งเน้นไปที่การกัดเซาะศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลของตนเองครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง
🥣ปฏิบัติการคอร์นเฟลกส์ (Operation Cornflakes) : สงครามข่าวสารยุคสงครามโลก
.
🎯 เป้าหมายของปฏิบัติการ
เป้าหมายหลักคือการทำให้ชาวเยอรมันรู้สึกว่ารัฐบาลนาซีกำลังล้มเหลว และกำลังปกปิดความจริงเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ รวมทั้งระบบไปรษณีย์ของเยอรมนีไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สามารถไว้ใจได้
.
📰 วิธีการดำเนินการ
ปฏิบัติการนี้ใช้หลักการที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาด โดยอาศัยความเชื่อมั่นที่ชาวเยอรมันมีต่อ ไปรษณีย์ของรัฐ (Reichspost) ซึ่งถือเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือมากในเยอรมนี ได้แก่
.
1. ผลิตจดหมายปลอม (Black Propaganda): ทีมงานของ OSS ในกรุงโรม (ที่ถูกยึดคืนได้แล้ว) ได้พิมพ์เอกสารและจดหมายปลอมหลายแสนฉบับ เนื้อหาเป็นโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านฮิตเลอร์และนาซี โดยใช้รูปแบบที่หลากหลาย เช่น ไปรษณียบัตรและจดหมายข่าวต่อต้านนาซี ธนบัตรปลอม ที่มีคำขวัญต่อต้านนาซี แสตมป์ปลอม ที่ดัดแปลงรูปภาพของฮิตเลอร์ให้ดูน่าขบขันหรือน่ารังเกียจ
.
2. สร้างถุงไปรษณีย์ปลอม: พวกเขาได้สร้างถุงไปรษณีย์เยอรมันปลอม ที่สมจริงอย่างยิ่ง รวมถึงเอกสารกำกับถุงและตราประทับต่าง ๆ ที่ดูเหมือนเป็นของไปรษณีย์เยอรมันจริง ๆ
.
3. การแทรกซึม: OSS จะสืบหาเส้นทางเดินรถไฟไปรษณีย์หลัก ๆ ของเยอรมนีแล้วโจมตีทางอากาศโดยฝ่ายสัมพันธมิตรจะทำการทิ้งระเบิดใส่ตู้รถไฟไปรษณีย์ที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ยึดครอง และหลังจากทิ้งระเบิดแล้ว ทีม OSS จะแอบเข้าไปในพื้นที่ นำเอาถุงไปรษณีย์จริงที่เสียหายออกไป และ แทนที่ด้วยถุงไปรษณีย์ปลอม ที่เต็มไปด้วยจดหมายต่อต้านนาซีที่พิมพ์ไว้
.
📉 ผลลัพธ์ที่ได้
✔️ความน่าเชื่อถือ: รัฐบาลนาซีมักจะพยายามเก็บกู้และซ่อมแซมการขนส่งไปรษณีย์ที่เสียหายให้เร็วที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เยอรมันพบถุงไปรษณีย์ปลอมที่ดูเหมือนมาจากจุดเริ่มต้นจริง ๆ พวกเขาจึง นำจดหมายปลอมเหล่านั้นไปส่งถึงผู้รับตามที่อยู่จริง (ซึ่งมีรายชื่อผู้รับที่เป็นชาวเยอรมันจริง ๆ)
✔️สร้างความสับสน: ชาวเยอรมันที่ได้รับจดหมายเหล่านี้จะเริ่มตั้งคำถามถึงอำนาจของพรรคนาซีและเกิดความสับสนถึงข้อมูลที่ได้รับ
✔️ ความสำเร็จ: ปฏิบัติการนี้ประสบความสำเร็จในการแทรกซึมและแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบที่ เยอรมนีไม่สามารถควบคุมได้ง่าย เพราะมันไหลเวียนผ่านช่องทางที่ชาวบ้านไว้วางใจที่สุดคือระบบไปรษณีย์ของตนเองเอง
.
ปฏิบัติการนี้ถูกเรียกว่า "ปฏิบัติการคอร์นเฟลกส์" (Operation Cornflakes) เนื่องจากเป็น ชื่อรหัส (Code Name) ที่เจ้าหน้าที่ของ OSS ใช้เรียกปฏิบัติการนี้เป็นการภายในทีมงาน เพราะคำว่า "คอร์นเฟลกส์" (Cornflakes) นั้นหมายถึงอาหารเช้าประเภทหนึ่ง ซึ่งชื่อนี้ถูกเลือกมาโดยไม่ได้มีเหตุผลทางการทหารที่ซับซ้อน แต่มีที่มาจากความรู้สึกของเจ้าหน้าที่เอง ได้แก่ความสบายใจและความเรียบง่ายเพราะเจ้าหน้าที่ของ OSS ที่ดูแลปฏิบัติการนี้ รู้สึกว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ค่อนข้าง "ง่ายดาย" หรือ "เป็นกิจวัตรประจำวัน" เหมือนกับการกินอาหารเช้าอย่างคอร์นเฟลกส์ ต่างจากปฏิบัติการสืบราชการลับหรือการต่อสู้ที่ซับซ้อนและเสี่ยงอันตรายอื่น ๆ และความตลกขบขัน (Humor) เพราะการใช้ชื่อรหัสที่ไร้สาระหรือไม่เกี่ยวข้องกับสงครามเลยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหน่วยงานข่าวกรอง เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและสร้างความขบขันในหมู่เจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานภายใต้ความเครียดสูง
ดังนั้น ชื่อ "คอร์นเฟลกส์" จึงเป็นเพียงการเปรียบเทียบเชิงขบขันถึงความเรียบง่ายและเป็นกิจวัตรของภารกิจในการส่งจดหมายปลอมไปทั่วเยอรมนี
.
ปฏิบัติการคอร์นเฟลกส์จึงเป็นตัวอย่างคลาสสิกของสงครามข่าวสารและสงครามจิตวิทยาที่มุ่งเน้นไปที่การกัดเซาะศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลของตนเองครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง