ปฏิบัติการเนื้อสับ (Operation Mincemeat) ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการลวงโลก (Deception) ที่แปลกและประสบความสำเร็จอย่างงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์สงคราม โดยมีเป้าหมายคือการทำให้กองทัพเยอรมนีเชื่อว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะโจมตีที่อื่น แทนที่จะเป็นซิซิลี (Sicily)
.
1. เป้าหมาย: ซ่อนการบุกซิซิลี
ในปี 1943 ฝ่ายสัมพันธมิตรวางแผนที่จะบุกยุโรปโดยเริ่มที่เกาะ ซิซิลี (Operation Husky) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แต่ก็เดาได้ง่าย จึงจำเป็นต้องทำให้เยอรมนีเชื่อว่าการโจมตีหลักจะเกิดขึ้นที่กรีซและซาร์ดิเนีย เพื่อดึงกำลังพลของเยอรมนีออกจากซิซิลี
.
2. สร้าง "คนตาย" ที่เป็นวีรบุรุษ
หน่วยข่าวกรองของอังกฤษ (MI5) ได้วางแผนที่จะสร้างศพปลอม เพื่อให้ศพนั้นดูเหมือนเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของอังกฤษที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเล
พวกเขาสร้างตัวตนให้กับศพนี้ชื่อว่า พันตรี วิลเลียม มาร์ติน (Major William Martin)
ศพถูกใส่กระเป๋าที่มีเอกสารส่วนตัวที่สมจริงอย่างยิ่ง เช่น ตั๋วเข้าชมละคร, บิลค่าที่พัก, จดหมายรักจากคู่หมั้น, และแม้กระทั่งบัตรประจำตัวทหาร
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศพถูกล่ามโซ่กับกระเป๋าเอกสารลับที่มีจดหมายปลอม จากนายพลระดับสูงของอังกฤษถึงนายพลอีกคน โดยระบุอย่างชัดเจนว่าการโจมตีจะมุ่งไปที่กรีซและซาร์ดิเนีย โดยมีการกล่าวถึงซิซิลีเพียงเล็กน้อยในฐานะ "การโจมตีเบี่ยงเบนความสนใจ"
.
3. การปล่อยศพและการหลอกลวง
ศพของพันตรีมาร์ติน (ซึ่งเป็นศพของคนจรจัดที่เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม) ถูกนำขึ้นเรือดำน้ำของอังกฤษ และปล่อยลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งฮูเอลวา (Huelva) ประเทศสเปน (ซึ่งเป็นกลางแต่มีสายลับเยอรมนีหนาแน่น)
ชาวประมงสเปนค้นพบศพและศพก็ถูกส่งมอบให้กับทางการสเปน ซึ่งพวกเขาทราบดีว่าเอกสารลับอาจมีคุณค่า
สเปนได้ส่งเอกสารลับที่ถูกล่ามโซ่นี้ไปให้สายลับเยอรมนี (Abwehr) ที่ประจำอยู่ในพื้นที่ สายลับเยอรมนีได้ถ่ายรูปเอกสารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว (ก่อนที่จะส่งศพและเอกสารคืนให้อังกฤษ) และเชื่อในเนื้อหาของเอกสารนั้นอย่างสมบูรณ์
.
4. ผลลัพธ์: ชัยชนะในซิซิลี
เยอรมนีตกหลุมพรางและได้ย้ายกองกำลังสำรองที่สำคัญ รวมถึงเรือ U-boat หลายลำไปยังกรีซและซาร์ดิเนีย เพื่อรอการโจมตีที่นั่น
เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรบุกซิซิลีในเดือนกรกฎาคม 1943 (Operation Husky) การป้องกันของเยอรมนีในซิซิลีจึงเบาบางกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก ทำให้การโจมตีประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ปฏิบัติการเนื้อสับ (Operation Mincemeat) จึงเป็นการหลอกลวงที่ใช้ความตายมาเป็นเครื่องมือในการช่วยชีวิตผู้คนนับพันครับ
สำหรับชื่อปฏิบัติการเนื้อสับ (Operation Mincemeat) ซึ่งทำให้ชวนสงสัยว่ามีที่มาอย่างไรนั้นถูกตั้งขึ้นโดย อีเวน มอนทากู (Ewen Montagu) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของอังกฤษ (MI5) ที่รับผิดชอบในการพัฒนากลยุทธ์และตัวตนปลอมของศพครับ
สาเหตุที่เลือกชื่อนี้มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและที่มาของแนวคิดดังต่อไปนี้
.
1. มาจากบันทึก "Trout Memo" ซึ่งเป็นแนวคิดเบื้องต้นในการใช้ศพทหารเพื่อหลอกลวงศัตรู ซึ่งถูกบันทึกไว้ในเอกสารลับที่ชื่อว่า "Trout Memo" (บันทึกปลาเทราต์) ในปี 1939 เขียนโดย พลเรือตรี จอห์น กอดฟรีย์ (John Godfrey) และผู้ช่วยของเขา
🐟บันทึกนั้นเปรียบเทียบการล่อเหยื่อตกปลากับกลยุทธ์ทางทหาร โดยระบุว่าการล่อหลอกศัตรูให้ตกหลุมพรางก็เหมือนกับการล่อปลา
🐟ในบันทึกมีรายการวิธีการหลอกล่อศัตรู ซึ่งมีรายการหนึ่งระบุถึงการทิ้ง "เหยื่อ" ที่เป็นเอกสารลับไปกับศพที่จมน้ำตาย
.
2. การตั้งชื่อรหัสที่ธรรมดาและไม่น่าสนใจ เพราะในการปฏิบัติการลับสุดยอด การใช้ชื่อรหัสที่ไม่เกี่ยวข้องกันหรือดูเป็นเรื่องตลกขบขัน/ธรรมดาเป็นเรื่องปกติ เพื่ออำพรางความสำคัญที่แท้จริงของภารกิจ
.
3. การอ้างอิงถึงเมนูอาหารชื่อ "Mincemeat" (เนื้อสับ) เป็นชื่อรหัสที่ถูกเลือกจากรายการชื่อรหัสที่เป็นไปได้ของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งในภาษาอังกฤษ มักจะหมายถึงส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ผลไม้ และไขมันที่ใช้ทำพาย (Mince Pie)
.
ดังนั้น ชื่อ "Operation Mincemeat" จึงเป็นชื่อรหัสที่ถูกเลือกจากรายชื่อที่กำหนดไว้ โดยมีความเกี่ยวพันกับการเปรียบเทียบกลยุทธ์ทางทหารกับการตกปลา และถูกนำมาใช้เพื่อเป็นชื่อรหัสที่ดูธรรมดาที่สุดสำหรับปฏิบัติการลวงโลกที่ใช้ "ศพ" เป็นเครื่องมือหลักครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง 
👻 ชายผู้ไม่เคยมีตัวตนแต่หลอกนาซีเยอรมนีสำเร็จอย่างงดงาม: ปฏิบัติการเนื้อสับ (Operation Mincemeat)
.
1. เป้าหมาย: ซ่อนการบุกซิซิลี
ในปี 1943 ฝ่ายสัมพันธมิตรวางแผนที่จะบุกยุโรปโดยเริ่มที่เกาะ ซิซิลี (Operation Husky) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ แต่ก็เดาได้ง่าย จึงจำเป็นต้องทำให้เยอรมนีเชื่อว่าการโจมตีหลักจะเกิดขึ้นที่กรีซและซาร์ดิเนีย เพื่อดึงกำลังพลของเยอรมนีออกจากซิซิลี
.
2. สร้าง "คนตาย" ที่เป็นวีรบุรุษ
หน่วยข่าวกรองของอังกฤษ (MI5) ได้วางแผนที่จะสร้างศพปลอม เพื่อให้ศพนั้นดูเหมือนเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของอังกฤษที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเล
พวกเขาสร้างตัวตนให้กับศพนี้ชื่อว่า พันตรี วิลเลียม มาร์ติน (Major William Martin)
ศพถูกใส่กระเป๋าที่มีเอกสารส่วนตัวที่สมจริงอย่างยิ่ง เช่น ตั๋วเข้าชมละคร, บิลค่าที่พัก, จดหมายรักจากคู่หมั้น, และแม้กระทั่งบัตรประจำตัวทหาร
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศพถูกล่ามโซ่กับกระเป๋าเอกสารลับที่มีจดหมายปลอม จากนายพลระดับสูงของอังกฤษถึงนายพลอีกคน โดยระบุอย่างชัดเจนว่าการโจมตีจะมุ่งไปที่กรีซและซาร์ดิเนีย โดยมีการกล่าวถึงซิซิลีเพียงเล็กน้อยในฐานะ "การโจมตีเบี่ยงเบนความสนใจ"
.
3. การปล่อยศพและการหลอกลวง
ศพของพันตรีมาร์ติน (ซึ่งเป็นศพของคนจรจัดที่เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม) ถูกนำขึ้นเรือดำน้ำของอังกฤษ และปล่อยลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งฮูเอลวา (Huelva) ประเทศสเปน (ซึ่งเป็นกลางแต่มีสายลับเยอรมนีหนาแน่น)
ชาวประมงสเปนค้นพบศพและศพก็ถูกส่งมอบให้กับทางการสเปน ซึ่งพวกเขาทราบดีว่าเอกสารลับอาจมีคุณค่า
สเปนได้ส่งเอกสารลับที่ถูกล่ามโซ่นี้ไปให้สายลับเยอรมนี (Abwehr) ที่ประจำอยู่ในพื้นที่ สายลับเยอรมนีได้ถ่ายรูปเอกสารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว (ก่อนที่จะส่งศพและเอกสารคืนให้อังกฤษ) และเชื่อในเนื้อหาของเอกสารนั้นอย่างสมบูรณ์
.
4. ผลลัพธ์: ชัยชนะในซิซิลี
เยอรมนีตกหลุมพรางและได้ย้ายกองกำลังสำรองที่สำคัญ รวมถึงเรือ U-boat หลายลำไปยังกรีซและซาร์ดิเนีย เพื่อรอการโจมตีที่นั่น
เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรบุกซิซิลีในเดือนกรกฎาคม 1943 (Operation Husky) การป้องกันของเยอรมนีในซิซิลีจึงเบาบางกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก ทำให้การโจมตีประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ปฏิบัติการเนื้อสับ (Operation Mincemeat) จึงเป็นการหลอกลวงที่ใช้ความตายมาเป็นเครื่องมือในการช่วยชีวิตผู้คนนับพันครับ
สำหรับชื่อปฏิบัติการเนื้อสับ (Operation Mincemeat) ซึ่งทำให้ชวนสงสัยว่ามีที่มาอย่างไรนั้นถูกตั้งขึ้นโดย อีเวน มอนทากู (Ewen Montagu) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของอังกฤษ (MI5) ที่รับผิดชอบในการพัฒนากลยุทธ์และตัวตนปลอมของศพครับ
สาเหตุที่เลือกชื่อนี้มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและที่มาของแนวคิดดังต่อไปนี้
.
1. มาจากบันทึก "Trout Memo" ซึ่งเป็นแนวคิดเบื้องต้นในการใช้ศพทหารเพื่อหลอกลวงศัตรู ซึ่งถูกบันทึกไว้ในเอกสารลับที่ชื่อว่า "Trout Memo" (บันทึกปลาเทราต์) ในปี 1939 เขียนโดย พลเรือตรี จอห์น กอดฟรีย์ (John Godfrey) และผู้ช่วยของเขา
🐟บันทึกนั้นเปรียบเทียบการล่อเหยื่อตกปลากับกลยุทธ์ทางทหาร โดยระบุว่าการล่อหลอกศัตรูให้ตกหลุมพรางก็เหมือนกับการล่อปลา
🐟ในบันทึกมีรายการวิธีการหลอกล่อศัตรู ซึ่งมีรายการหนึ่งระบุถึงการทิ้ง "เหยื่อ" ที่เป็นเอกสารลับไปกับศพที่จมน้ำตาย
.
2. การตั้งชื่อรหัสที่ธรรมดาและไม่น่าสนใจ เพราะในการปฏิบัติการลับสุดยอด การใช้ชื่อรหัสที่ไม่เกี่ยวข้องกันหรือดูเป็นเรื่องตลกขบขัน/ธรรมดาเป็นเรื่องปกติ เพื่ออำพรางความสำคัญที่แท้จริงของภารกิจ
.
3. การอ้างอิงถึงเมนูอาหารชื่อ "Mincemeat" (เนื้อสับ) เป็นชื่อรหัสที่ถูกเลือกจากรายการชื่อรหัสที่เป็นไปได้ของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งในภาษาอังกฤษ มักจะหมายถึงส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ผลไม้ และไขมันที่ใช้ทำพาย (Mince Pie)
.
ดังนั้น ชื่อ "Operation Mincemeat" จึงเป็นชื่อรหัสที่ถูกเลือกจากรายชื่อที่กำหนดไว้ โดยมีความเกี่ยวพันกับการเปรียบเทียบกลยุทธ์ทางทหารกับการตกปลา และถูกนำมาใช้เพื่อเป็นชื่อรหัสที่ดูธรรมดาที่สุดสำหรับปฏิบัติการลวงโลกที่ใช้ "ศพ" เป็นเครื่องมือหลักครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง