ตอนที่ 14 จุดจบของจักรวรรดินิยม ค.ศ.1900-1909

ศตวรรษที่ 20 เปิดฉากขึ้นด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งสิ่งประดิษฐ์ การขนส่ง และการสื่อสาร เหตุการณ์ในซีกโลกหนึ่ง ส่งผลสะเทือนถึงอีกซีกโลกหนึ่งภายในระยะเวลาที่สั้นลงเรื่อยๆ

แต่สําหรับทวีปยุโรป การแข่งขันสร้างจักรวรรดิที่มากเกินพอดีทำให้มหาอำนาจในยุโรปต้องกระทบกระทั่งกันหลายต่อหลายครั้ง ความสำเร็จด้านอุตสาหกรรมที่พาโลกก้าวไปข้างหน้ากลับทิ้งรอยร้าวเอาไว้ คือ ความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างชนชั้นปกครองกับแรงงานนำมาสู่การเคลื่อนไหวของกลุ่มสังคมนิยม ที่ได้รับอิทธิพลจากงานเขียน
ของนักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน ชื่อว่า “คาร์ล มากซ์” ที่ปลุกระดมให้มวลชนก้าวขึ้นมาปกครองแทนที่ผู้นำในระบอบเดิม

ความเชื่อนี้จะสั่นคลอนความมั่นคงของจักรวรรดิเก่าแก่และพาจักรวรรดิเหล่านั้นมาพบกับจุดจบ..
ความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและการแพทย์
ทำให้ประชากรโลกเพิ่มจนถึง 1,700 ล้านคนในปี ค.ศ. 1900 โดยประเทศที่มีประชากรมากที่สุด 5 อันดับแรก คือจักรวรรดิจีน 400 ล้านคน
อินเดีย (บริติชราช) 294 ล้านคน
จักรวรรดิรัสเซีย 120 ล้านคน
สหรัฐอเมริกา 76 ล้านคน
จักรวรรดิเยอรมัน 56 ล้านคน

สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นดินแดนแห่งนักประดิษฐ์ยังคงต่อยอดนวัตกรรมจากศตวรรษที่แล้ว

เฮนรี ฟอร์ด อดีตวิศวกรผู้หลงใหลในรถยนต์
ได้ลาออกจากการทำงานในบริษัทของทอมัส แอลวา เอดิสัน มาเพื่อก่อตั้งบริษัทรถยนต์ของตัวเอง
หลังจากผ่านความล้มเหลวมา 2 ครั้ง ฟอร์ดได้ก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ในปี ค.ศ. 1903

เขาได้นำระบบสายพานมาใช้ในการผลิตรถยนต์ โดยให้อุปกรณ์ไหลไปตามสายพาน และให้คนงานประกอบรถยนต์ทีละส่วน ด้วยระบบการผลิตนี้ ทำให้เขาสามารถออกแบบรถยนต์ที่มีราคาถูกและ
ทนทานจนรถยนต์ของฟอร์ดได้รับความนิยมไปทั่วสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ Ford Model T ที่นับเป็นการปฏิวัติการเดินทางของมนุษย์

เมื่อรถยนต์ราคาถูกลง จึงค่อยๆ เข้ามาแทนที่รถม้าในที่สุดรถยนต์ทำให้ผู้คนเดินทางไปในทุกทีที่อยากไป แต่สําหรับการเดินทางระยะไกล
รถยนต์ยังคงใช้เวลานานมาก

วิลเบอร์ และ ออร์วิล สองพี่น้องตระกูลไรต์
ทั้ง 2 คน เปิดร้านซ่อมจักรยาน แต่มีความใฝ่ฝันที่จะประดิษฐ์สิ่งที่ลอยอยู่บนฟ้าและสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้มาโดยตลอด จากความใฝ่ฝัน 2 พี่น้องได้ทดลองประดิษฐ์จักรยานขนาดใหญ่ที่มีปีก โดยติดเครื่องยนต์ แต่ในช่วงแรกยังบินไม่ได้
จนกระทั่ง ค.ศ. 1900 ทั้งคู่ตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกของโลก ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องร่อน แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมทิศทางได้

ต่อมาได้เพิ่มหางเสือเพื่อควบคุมทิศทาง เพิ่มที่นั่ง ทำให้เครื่องบินสามารถบินได้ระยะทางไกลยิ่งขึ้น
จนในปี ค.ศ. 1909 เมื่อ ออร์วิล สามารถบินผ่านช่องแคบอังกฤษจึงได้จดสิทธิบัตรเป็นผู้พัฒนาเครื่องบินลำแรกของโลกเป็นผลสำเร็จ แล้วทั้งรถยนต์และเครื่องบิน ก็พลิกโฉมการเดินทางและการขนส่งของมนุษย์ไปตลอดกาล

ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาเจริญก้าวหน้า ฝั่งทวีปเอเชีย การปฏิรูปเมจิ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเรียนรู้ ซึมซับ และปรับความรู้ของชาวตะวันตกให้เหมาะสมกับตัวเองส่งนักศึกษาไปเรียนต่อในยุโรป จ้างผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกมาช่วยวางรากฐานอุตสาหกรรม แปลตำราต่างประเทศเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อให้ชาวญี่ปุ่น
สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้

แล้วญี่ปุ่นก็กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม เป็นมหาอำนาจแห่งเอเชียด้วยแสนยานุภาพทางการทหารที่ไม่มีใครเทียบได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ญี่ปุ่นซึมซับมาจากตะวันตกก็คือ ลัทธิจักรวรรดินิยม

ญี่ปุ่นกำลังเริ่มสร้างจักรวรรดิของตัวเอง
ด้วยการทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ทั้งจีน และชาติตะวันตกอย่างรัสเซีย..

จักรวรรดิจีนกำลังเข้าสู่จุดตกต่ำ เมื่อพ่ายแพ้สงครามแล้วต้องยกเกาะไต้หวันให้แก่ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1895 ความอ่อนแอของราชสำนักชิงทำให้ชาติตะวันตกเข้ามารุกล้ำทางวัฒนธรรมและการค้า
จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีน จนเกิดเป็นกบฏนักมวยในปี ค.ศ. 1900

อย่างไรก็ตาม กบฏก็ถูกกองทหารอเมริกัน ญี่ปุ่น และชาติยุโรปปราบปรามอย่างหนัก และกลับกลายเป็นเครื่องมือให้ชาติเหล่านี้บีบบังคับราชสำนักชิงให้ยอมรับการประจำการของกองกำลังต่างชาติบนผืนแผ่นดินตัวเอง

จักรวรรดิจีนระส่ำระสายอย่างหนัก พระนางซูสีไทเฮาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1908 ทิ้งชะตากรรมของจักรวรรดิที่ยืนยงมากว่า 4,000 ปีไว้กับจักรพรรดิผู้มีพระชนมายุไม่ถึง 3 พรรษา พระนามว่า ปูยี

สถานการณ์ของจักรวรรดิรัสเซียก็ไม่ต่างอะไรกับจีนนัก..

จักรวรรดิกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 11 ไทม์โซนแห่งนี้ถูกปกครองอยู่ภายใต้ซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ

แม้จะมีความพยายามในการปฏิวัติอุตสาหกรรมในรัสเซีย แต่ระบอบการปกครองที่ล้าหลังและเต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน ทำให้แรงงานไม่พอใจ ความคิดในการปฏิวัติจึงแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว

พระเจ้าซาร์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1904 โดยมีข้ออ้างเรื่องดินแดนแมนจูเรียและเกาหลี แต่รัสเซียก็พ่ายแพ้ญี่ปุ่นอย่างหมดท่า กลุ่มคนงานพยายามรวมตัวประท้วงเพื่อถวายฎีกาให้พระเจ้าซาร์ทรงปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ผู้ประท้วง
กว่า 100 คนกลับถูกสังหาร

ภาวะข้าวยากหมากแพงของรัสเซียในปี ค.ศ. 1907 กลายเป็นตัวเร่งที่พาราชวงศ์โรมานอฟที่ปกครองจักรวรรดิรัสเซียมากว่า 400 ปีใกล้พบกับจุดจบ

ฝั่งทวีปยุโรปในเวลานั้น ไม่มีประเทศไหนจะยิ่งใหญ่กว่า “จักรวรรดิเยอรมัน”

การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในยุโรป สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าจักรวรรดิเดิมอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส เมื่อการล่าอาณานิคมดำเนินมาถึงจุดสูงสุด ความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิหน้าใหม่ กับจักรวรรดิเดิมเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ในทวีปแอฟริกา เยอรมันมีปัญหากับฝรั่งเศสบ่อยครั้ง

ส่วนในตะวันออกกลาง เยอรมันมีปัญหากับอังกฤษ
ในขณะที่ดินแดนในยุโรปเอง ก็สร้างปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนระหว่างเยอรมัน กับฝรั่งเศส และรัสเซีย

ท้ายที่สุด อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ได้ร่วมกันตั้งเป็นกลุ่มสัญญาไตรภาคี (Triple Entente) ส่วนจักรวรรดิเยอรมัน ได้ดึงประเทศเพื่อนบ้าน อย่างจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี
รวมทั้งเป็นกลุ่มสัญญาไตรพันธมิตร (Triple Alliance) เพื่อต่อต้านทั้ง 2 ฝ่าย ต่างสะสมกำลังอาวุธ และแสนยานุภาพทางทหาร เพื่อรอวันที่ความขัดแย้งจะถูกจุดชนวนและในที่สุดก็บานปลาย กลายเป็นสงครามที่ใหญ่สุดอย่างที่โลกไม่เคยเจอ
มาก่อน

สงครามนี้จึงถูกเรียกว่า สงครามโลก..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่