ยุทธการปราสาทอิตเตอร์ (Battle of Castle Itter) ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุด ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยครับ มีรายละเอียดที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความไม่น่าเป็นไปได้ ดังนี้
.
🏰 ปราสาทและเชลยศึก "วีไอพี"
ปราสาทอิตเตอร์ ตั้งอยู่ในรัฐทีโรล (Tyrol) ของออสเตรีย ถูกกองกำลัง วัฟเฟน-เอสเอส (Waffen-SS) ยึดไปใช้เป็นเรือนจำพิเศษภายใต้การดูแลของค่ายกักกันดาเคา (Dachau)
.
🕴เชลยศึก
เชลยที่ถูกกักขังที่นี่ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็น บุคคลสำคัญของฝรั่งเศส (French VIPs) ซึ่งนาซีเชื่อว่าอาจมีประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนต่อรองในอนาคต เช่น
🤵♂️เอดัวร์ ดาลาดีเย (Édouard Daladier) อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
🤵♂️ปอล เรย์โน (Paul Reynaud) อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
🤵♂️มอริส กาเมอแล็ง (Maurice Gamelin) อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝรั่งเศส
🤵♂️ฌอง โบรโตรตรา (Jean Borotra) นักเทนนิสชื่อดังระดับโลก
.
🤝 การรวมตัวของฝ่ายตรงข้ามที่คาดไม่ถึง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1945 เพียง 3-5 วันก่อนที่เยอรมนีจะยอมจำนนอย่างเป็นทางการ
.
▶️จุดเริ่มต้น
ผู้บัญชาการและยามเอสเอสที่คุมปราสาทเริ่มทิ้งหน้าที่หนีไป เนื่องจากความพ่ายแพ้ของนาซีชัดเจนแล้ว
.
🫴การขอความช่วยเหลือ
เชลยศึกชาวฝรั่งเศสได้ติดต่อกับ พันตรี โยเซฟ กังเกิล (Major Josef Gangl) นายทหารของกองทัพบกเยอรมัน (Wehrmacht) ที่ต่อต้านนาซี และกำลังพยายามปกป้องเมืองใกล้เคียงจากหน่วยเอสเอสที่คลั่งศาสนา (Fanatical SS)
.
😯พันธมิตรที่แปลกประหลาด
กังเกิลตระหนักว่ากำลังพลของตนไม่พอ จึงตัดสินใจนำทหารที่เหลือและรถถังเชอร์แมนที่ยึดมาได้ 1 คัน ไปขอกำลังเสริมจาก ร้อยเอก จอห์น ซี. "แจ็ค" ลี จูเนียร์ (Captain John C. "Jack" Lee Jr.) หน่วยรถถังของสหรัฐฯ
.
🕺กองกำลังป้องกัน
ลีนำทหารอเมริกันไม่กี่นาย พร้อมด้วยรถถัง "เบอซอตเตน เจนนี้" (Besotten Jenny) มุ่งหน้าไปยังปราสาท และร่วมมือกับทหาร Wehrmacht ของกังเกิล และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ นายทหารวัฟเฟน-เอสเอสที่แปรพักตร์ อีกหนึ่งนายในการป้องกันปราสาท
.
💥 การสู้รบที่ดุเดือด
🕺ฝ่ายโจมตี
กองกำลังวัฟเฟน-เอสเอส (Waffen-SS) ที่ยังคงภักดีต่อฮิตเลอร์ได้ระดมกำลังพลราว 150-200 นาย พร้อมปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน 88 มม. (88mm flak gun) มาโจมตีปราสาทอย่างดุเดือดเพื่อสังหารเชลย
🕺ฝ่ายป้องกัน
ภายในปราสาทมีเพียง ทหารอเมริกัน (ไม่ถึง 20 นาย) + ทหารเยอรมัน Wehrmacht ที่แปรพักตร์ + เชลยศึกฝรั่งเศส (ซึ่งก็ติดอาวุธขึ้นมาต่อสู้ด้วย) ร่วมกันต้านทานการโจมตี
.
😭การเสียสละ
ในระหว่างการสู้รบอันตึงเครียด พันตรี กังเกิล (Major Gangl) ทหารเยอรมันผู้แปรพักตร์ ถูกพลซุ่มยิงของฝ่ายเอสเอสสังหารในขณะที่เขากำลังพยายามปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรี ปอล เรย์โน ซึ่งทำให้เขาเป็น วีรบุรุษชาวออสเตรีย ที่เสียชีวิตในยุทธการนี้เพียงคนเดียวในฝ่ายพันธมิตร
.
🔚ผลลัพธ์
ฝ่ายป้องกันสามารถต้านทานการโจมตีไว้ได้นานพอ จนกระทั่งกำลังเสริมจากกองทัพสหรัฐฯ มาถึง และเข้าทำลายกองกำลังเอสเอสที่เหลือ ทำให้ยุทธการนี้จบลงด้วยการเป็น ชัยชนะของพันธมิตร และเป็นการต่อสู้ครั้งเดียวที่ทหารอเมริกันและทหารเยอรมันสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
.
ยุทธการนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าในช่วงสุดท้ายของสงคราม ความภักดีต่ออุดมการณ์นาซีเริ่มแตกสลาย และศัตรูเก่าก็สามารถร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูร่วมที่ร้ายกาจกว่าได้ครับ
ขอขอบพระคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้แชร์ข้อมูลครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง
ยุทธการเดียวที่ทหารอเมริกันและเยอรมันร่วมมือกันสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 2
.
🏰 ปราสาทและเชลยศึก "วีไอพี"
ปราสาทอิตเตอร์ ตั้งอยู่ในรัฐทีโรล (Tyrol) ของออสเตรีย ถูกกองกำลัง วัฟเฟน-เอสเอส (Waffen-SS) ยึดไปใช้เป็นเรือนจำพิเศษภายใต้การดูแลของค่ายกักกันดาเคา (Dachau)
.
🕴เชลยศึก
เชลยที่ถูกกักขังที่นี่ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็น บุคคลสำคัญของฝรั่งเศส (French VIPs) ซึ่งนาซีเชื่อว่าอาจมีประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนต่อรองในอนาคต เช่น
🤵♂️เอดัวร์ ดาลาดีเย (Édouard Daladier) อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
🤵♂️ปอล เรย์โน (Paul Reynaud) อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
🤵♂️มอริส กาเมอแล็ง (Maurice Gamelin) อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝรั่งเศส
🤵♂️ฌอง โบรโตรตรา (Jean Borotra) นักเทนนิสชื่อดังระดับโลก
.
🤝 การรวมตัวของฝ่ายตรงข้ามที่คาดไม่ถึง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1945 เพียง 3-5 วันก่อนที่เยอรมนีจะยอมจำนนอย่างเป็นทางการ
.
▶️จุดเริ่มต้น
ผู้บัญชาการและยามเอสเอสที่คุมปราสาทเริ่มทิ้งหน้าที่หนีไป เนื่องจากความพ่ายแพ้ของนาซีชัดเจนแล้ว
.
🫴การขอความช่วยเหลือ
เชลยศึกชาวฝรั่งเศสได้ติดต่อกับ พันตรี โยเซฟ กังเกิล (Major Josef Gangl) นายทหารของกองทัพบกเยอรมัน (Wehrmacht) ที่ต่อต้านนาซี และกำลังพยายามปกป้องเมืองใกล้เคียงจากหน่วยเอสเอสที่คลั่งศาสนา (Fanatical SS)
.
😯พันธมิตรที่แปลกประหลาด
กังเกิลตระหนักว่ากำลังพลของตนไม่พอ จึงตัดสินใจนำทหารที่เหลือและรถถังเชอร์แมนที่ยึดมาได้ 1 คัน ไปขอกำลังเสริมจาก ร้อยเอก จอห์น ซี. "แจ็ค" ลี จูเนียร์ (Captain John C. "Jack" Lee Jr.) หน่วยรถถังของสหรัฐฯ
.
🕺กองกำลังป้องกัน
ลีนำทหารอเมริกันไม่กี่นาย พร้อมด้วยรถถัง "เบอซอตเตน เจนนี้" (Besotten Jenny) มุ่งหน้าไปยังปราสาท และร่วมมือกับทหาร Wehrmacht ของกังเกิล และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ นายทหารวัฟเฟน-เอสเอสที่แปรพักตร์ อีกหนึ่งนายในการป้องกันปราสาท
.
💥 การสู้รบที่ดุเดือด
🕺ฝ่ายโจมตี
กองกำลังวัฟเฟน-เอสเอส (Waffen-SS) ที่ยังคงภักดีต่อฮิตเลอร์ได้ระดมกำลังพลราว 150-200 นาย พร้อมปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน 88 มม. (88mm flak gun) มาโจมตีปราสาทอย่างดุเดือดเพื่อสังหารเชลย
🕺ฝ่ายป้องกัน
ภายในปราสาทมีเพียง ทหารอเมริกัน (ไม่ถึง 20 นาย) + ทหารเยอรมัน Wehrmacht ที่แปรพักตร์ + เชลยศึกฝรั่งเศส (ซึ่งก็ติดอาวุธขึ้นมาต่อสู้ด้วย) ร่วมกันต้านทานการโจมตี
.
😭การเสียสละ
ในระหว่างการสู้รบอันตึงเครียด พันตรี กังเกิล (Major Gangl) ทหารเยอรมันผู้แปรพักตร์ ถูกพลซุ่มยิงของฝ่ายเอสเอสสังหารในขณะที่เขากำลังพยายามปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรี ปอล เรย์โน ซึ่งทำให้เขาเป็น วีรบุรุษชาวออสเตรีย ที่เสียชีวิตในยุทธการนี้เพียงคนเดียวในฝ่ายพันธมิตร
.
🔚ผลลัพธ์
ฝ่ายป้องกันสามารถต้านทานการโจมตีไว้ได้นานพอ จนกระทั่งกำลังเสริมจากกองทัพสหรัฐฯ มาถึง และเข้าทำลายกองกำลังเอสเอสที่เหลือ ทำให้ยุทธการนี้จบลงด้วยการเป็น ชัยชนะของพันธมิตร และเป็นการต่อสู้ครั้งเดียวที่ทหารอเมริกันและทหารเยอรมันสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
.
ยุทธการนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าในช่วงสุดท้ายของสงคราม ความภักดีต่ออุดมการณ์นาซีเริ่มแตกสลาย และศัตรูเก่าก็สามารถร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูร่วมที่ร้ายกาจกว่าได้ครับ
ขอขอบพระคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้แชร์ข้อมูลครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง