ดิฉันเริ่มเดินสลับวิ่งมาห้าเดือนกว่าเกือบหกเดือนแล้วค่ะ (ออกตัวก่อนว่าแก่แล้ว-ลดช้า)
โดยเริ่มจากหลังวันไปลานพระรูป(5 ธันวาคม)กับเพื่อนๆ ขากลับรถแท๊กซี่หายาก เดินตามกันทั้งกลุ่มจากหน้าพระที่นั่งอนันต์ฯถึงบ้านเพื่อนที่ราชเทวี
ร่างกายไม่เคยเดินมากอย่างนี้มาก่อน รู้สึกปวดไปทั้งตัว

วันรุ่งขึ้นก็ใช้วิธีแก้ขัดแบบไม่มีความรู้งูๆปลาๆ คือออกไปเดินซ้ำตอนเช้ามืดเพื่อให้อาการปวดเมื่อยมันหาย คิดเอาเองว่าัมันแก้กัน
และก็ติดใจตื่นขึ้นมาเดินต่อเนื่องแทบจะทุกวัน เอ๊ะ .. เราก็ทำได้นี่นา

(เพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่คนที่ลดด้วยกันเคยเล่าว่าตื่นเช้าตีสี่กว่า ขับรถไปโปโลคลับครึ่งชั่วโมงเพื่อไปออกกำลังกาย คิดในใจ...ชั้นแค่เดินข้ามถนนไปสนามเทนนิสในหมู่บ้าน สบายกว่าเยอะ ทำไมไม่ทำ!! )
...ช่วงนั้นหน้าหนาว อากาศใกล้รุ่งเป็นใจเย็นสบายสดชื่น น่าเดินมาก
พอวันปีใหม่ขณะฉลองกับเพื่อนๆ ดันไปหลวมตัวทำสัญญาใจกับเพื่อนอีกคนในกลุ่มว่าปีนี้เราจะผอมๆๆๆ (น้ำหนักสองคนพอๆกัน) เราจะควบคุมพฤติกรรมของกันและกัน
ที่จริงไม่อยากสัญญาเพราะกลัวทำไม่ได้เลิกกลางคัน อับอายค่ะ
เอาแล้ว...เดือนแรกเพื่อนใช้วิธีอดอาหาร หิวมาก็อัดผักผลไม้ ทานข้าวมื้อเดียวต่อวันตอนสายๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย
ผลคือเดือนเดียวเพื่อนลดไปประมาณห้ากิโล !
ส่วนดิฉันใช้วิธีเดินแกว่งแขน เดินธรรมดาไม่ได้เดินเร็ว วันละ 1 ชั่วโมงสิบนาที (สิบนาทีคือเพื่อชดเชยหยุดดื่มน้ำบ้างหยุดดูหมาแมวแถวนั้นบ้างอะไรบ้าง)
ยังไม่กล้าวิ่งเพราะเคยเจ็บเข่าเมื่อปีก่อนจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และใจร้อนไม่เจียม
ผล..เดือนแรกน้ำหนักไม่ลดเลย....แม้แต่ขีดเดียวค่ะ !!
แต่ประโยชน์ที่ได้ในเดือนแรกคือมีความสุขมากกก ตื่นตีห้าเพื่อออกไปเดิน หัวค่ำก็รีบนอนอยากให้เช้าไวๆ เคยคุยไลน์-เฟสกับเพื่อนถึงเที่ยงคืน-ตีหนึ่งก็แอบหนีไปนอนตอนสี่ทุ่ม และเดินทุกวันแทบไม่หยุดพักนอกจากไปต่างจังหวัดหรือไปงานที่กลับมาดึกเกินไปนอนไม่พอ
เมื่อเดินเสร็จแล้วกลับบ้านกล้ามเนื้อตึงๆ ล้านิดๆ แต่รู้สึกมีความสุข ขณะเดินฟังเพลงเอาความรู้สึกไปจับที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่กำลังเคลื่อนไหว ก็มีความสุขอีกนั่นแหละ รู้สึกเบิกบาน โลกสว่าง
เข้าเดือนที่สอง เพื่อนโชว์เอวกางเกงที่หลวมไปประมาณ 2-3 นิ้ว ดิฉันมองด้วยความอิจฉา

แต่เพื่อนคนอื่นๆก็ให้กำลังใจว่า น้ำหนักไม่ลดแต่ก็ดูเฟิร์มขึ้นนะ ! (โดนหลอกหรือเปล่าไม่ทราบ)
สำหรับอาหารดิฉันไม่ได้งดชัดๆ เพราะมีความสุขที่ได้ไปทานที่นั่นที่นี่กับกลุ่มเพื่อนที่ชอบตระเวณหาของอร่อยอยู่ แต่ลดปริมาณแป้งลงบ้าง ก็นะ... คนอ้วนก็ชอบอยู่แล้วของหวานของมันของทอด

(และขออนุญาตเพื่อนทุกคนว่า ขอชั้นมีความสุขสองอย่างไปพร้อมๆกันนะ คือความสุขที่ได้กิน และความสุขที่ได้เดิน ขอสองอย่างเลย)
ส่วนเพื่อนที่ลดด้วยกัน ก็ได้รับความเห็นใจจากเพื่อนคนอื่นๆว่าเธออยู่บ้านหิวซ่ก อดอยากยากจน เมื่อไปร้านก็ปล่อยให้เธอทานได้เต็มที่ไม่ว่ากัน
สองเดือนแรกนี้คือตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างเดียว ไม่มีการหาข้อมูลหรือวอร์มอัพ คูลดาวน์ ออกไปเดิน เดินเสร็จก็กลับบ้าน
เดือนที่สองดิฉันลดไป 1 กิโล... ดิใจแต่ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะเด้งขึ้นมาีที่เดิมเมื่อไหร่
เดือนที่สาม เพื่อนที่อดอาหารเริ่มลดได้ช้าลง นน.เริ่มหนืดอยู่ที่เดิม
ดิฉันซื้อแอลคาร์นิทีนมาทานก่อนออกไปเดินครึ่งชั่วโมง (แต่ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างทาน/ไม่ทาน)
เคยทานนมกล่องก็รู้สึกผะอืดผะอมมีลมตีในท้องคล้ายท้องเสีย ทานกาแฟก็ขับปัสสาวะไวเกิน เดี๋ยววิ่งไม่เสร็จต้องวิ่งเข้าห้องน้ำก่อน

ที่รู้สึกเข้ากับร่างกายคือกล้วยหอมครึ่งลูกก่อนครึ่งชั่วโมง รู้สึกว่าทนถึกขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ทานก็ได้ ปรกติดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว
เดือนนี้เริ่มหัดวิ่งเหยาะๆ (เดินมากกว่าวิ่ง) เพราะมีหลายท่านที่ออกกำลังรอบเช้ามืดเหมือนกันวิ่งโชว์ ดูแล้วคันเท้า ก็แอบๆวิ่งบ้าง
เริ่มเข้าห้องสวนลุมกลุ่มเดินเพื่อสุขภาพ เริ่มหัดวอร์มอัพ คูลดาวน์ เข้าไปดูวิธีการวิ่งที่ถูกต้องในยูทูป
เข้าใจแล้วว่าปีก่อนเจ็บเข่าเพราะวิ่งเอาปลายเท้าลง เริ่มพักกล้ามเนื้อ 1-2 วันใน 1 อาทิตย์ (นานมากกว่านั้นกลัวความขี้เกียจมาเยือน)
ผล.. ลดไปอีก 1 กก.
เดือนที่สี่ เพื่อนเริ่มท้อแท้ที่น้ำหนักไม่ค่อยลงทั้งที่อดจนหิวมาก ไม่สามารถอดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ไปช็อปกันดิฉันลองกางเกงไซส์เท่ากับเพื่อนแล้ว(เป็นร้านทั่วๆไปที่คว้าตัวนั้นตัวนี้ไปลองกันทั้งกลุ่ม) เพื่อนงง ดิฉันก็งง
เดือนนี้หัดเต้นฮูลาฮูป ครั้งแรกยังหมุนไม่ครบวงก็หล่นตุ้บ เอ๊ย.. ใครว่ามันเหมือนจักรยานไงเคยขี่ได้ตอนเด็กก็จะขี่ได้อีก

ผ่านไปวันสองวันหมุนได้มากสุด 4-5 รอบก็หล่น เอวช้ำกันไป แถมไปโทษเจ้าห่วงอันนั้นอีกว่าใส่น้ำมาไม่บาล๊านซ์ ทำให้ห่วงตกไว 555

สุดท้ายก็หมุนได้ค่ะ หมุนครึ่งชั่วโมงยืนดูหนังดูข่าวไป แต่ไม่ทุกวัน
ครบเดือนนี้ลดไปอีก 1 กก. ตามมาตรฐานของร่างกาย
เดือนที่ห้าถึงปัจจุบัน เริ่มเห็นผลชัดเจนกับวิธีลดของเพื่อนและของดิฉัน โดยเฉพาะการทานอาหาร เพื่อนจะดูหิว และอยากทานมาก ทานนานจนคนอื่นเลิกแล้วก็ยังทานอยู่ นน.เพื่อนขึ้นมา 2 กก. แถมเจ้าตัวเริ่มถอดใจท้อใจกับการอดอาหารแบบเดิม
ดิฉันเองก็ยังไม่ได้ผอมเพรียว ยังอ้วนอยู่ ยังต้องลดต่อไป แต่รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น เดินขึ้นสะพานลอยเคยหอบหายใจไม่ทันหัวใจแทบจะเต้นออกมานอกซี่โครง

ตอนนี้ก็แค่เหนื่อยแต่ไม่หอบ
เอวลดไปจากเดิม 2 1/2 นิ้ว แทบไม่เชื่อ ดีใจมาก นน.รวมๆลดไป 5 กก.
นิสัยดิฉันไม่ติดกับเวทเทรนนิ่งค่ะ คงพอใจและทำแบบนี้ต่อไป แค่ลดช้าแต่ไม่เด้งขึ้นมาอีกก็พอใจแล้ว

จึงมาเล่าสู่กันฟัง ท่านที่เริ่มก็อย่าเพิ่งท้อถอย อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ลดได้ไว ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน มีปัจจัยหลายอย่างเกี่ยวข้องกัน มันต้องมีผลดีเสมอในการออกกำลังกาย

แค่ออกไปเดินหรือวิ่งได้ตามที่ตั้งใจ มันก็หอบความภูมิใจกลับบ้านมาด้วยแล้ว จงภูมิใจที่ตัวเรามีวินัยและอดทน

ดิฉันเปิดอ่านกลุ่มวิ่งเพื่อสุขภาพทุกวัน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากทุกท่านที่ตั้งใจตอบแม้บางครั้งคำถามจะซ้ำๆกัน (เช่นคำถามเรื่องรองเท้าวิ่ง)

ขอบคุณที่ให้ความรู้สึกว่าเราเดินไปด้วยกันเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ
6 เดือนกับการเดิน+วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก
โดยเริ่มจากหลังวันไปลานพระรูป(5 ธันวาคม)กับเพื่อนๆ ขากลับรถแท๊กซี่หายาก เดินตามกันทั้งกลุ่มจากหน้าพระที่นั่งอนันต์ฯถึงบ้านเพื่อนที่ราชเทวี
ร่างกายไม่เคยเดินมากอย่างนี้มาก่อน รู้สึกปวดไปทั้งตัว
และก็ติดใจตื่นขึ้นมาเดินต่อเนื่องแทบจะทุกวัน เอ๊ะ .. เราก็ทำได้นี่นา
(เพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่คนที่ลดด้วยกันเคยเล่าว่าตื่นเช้าตีสี่กว่า ขับรถไปโปโลคลับครึ่งชั่วโมงเพื่อไปออกกำลังกาย คิดในใจ...ชั้นแค่เดินข้ามถนนไปสนามเทนนิสในหมู่บ้าน สบายกว่าเยอะ ทำไมไม่ทำ!! )
...ช่วงนั้นหน้าหนาว อากาศใกล้รุ่งเป็นใจเย็นสบายสดชื่น น่าเดินมาก
พอวันปีใหม่ขณะฉลองกับเพื่อนๆ ดันไปหลวมตัวทำสัญญาใจกับเพื่อนอีกคนในกลุ่มว่าปีนี้เราจะผอมๆๆๆ (น้ำหนักสองคนพอๆกัน) เราจะควบคุมพฤติกรรมของกันและกัน
ที่จริงไม่อยากสัญญาเพราะกลัวทำไม่ได้เลิกกลางคัน อับอายค่ะ
เอาแล้ว...เดือนแรกเพื่อนใช้วิธีอดอาหาร หิวมาก็อัดผักผลไม้ ทานข้าวมื้อเดียวต่อวันตอนสายๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย
ผลคือเดือนเดียวเพื่อนลดไปประมาณห้ากิโล !
ส่วนดิฉันใช้วิธีเดินแกว่งแขน เดินธรรมดาไม่ได้เดินเร็ว วันละ 1 ชั่วโมงสิบนาที (สิบนาทีคือเพื่อชดเชยหยุดดื่มน้ำบ้างหยุดดูหมาแมวแถวนั้นบ้างอะไรบ้าง)
ยังไม่กล้าวิ่งเพราะเคยเจ็บเข่าเมื่อปีก่อนจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และใจร้อนไม่เจียม
ผล..เดือนแรกน้ำหนักไม่ลดเลย....แม้แต่ขีดเดียวค่ะ !!
แต่ประโยชน์ที่ได้ในเดือนแรกคือมีความสุขมากกก ตื่นตีห้าเพื่อออกไปเดิน หัวค่ำก็รีบนอนอยากให้เช้าไวๆ เคยคุยไลน์-เฟสกับเพื่อนถึงเที่ยงคืน-ตีหนึ่งก็แอบหนีไปนอนตอนสี่ทุ่ม และเดินทุกวันแทบไม่หยุดพักนอกจากไปต่างจังหวัดหรือไปงานที่กลับมาดึกเกินไปนอนไม่พอ
เมื่อเดินเสร็จแล้วกลับบ้านกล้ามเนื้อตึงๆ ล้านิดๆ แต่รู้สึกมีความสุข ขณะเดินฟังเพลงเอาความรู้สึกไปจับที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่กำลังเคลื่อนไหว ก็มีความสุขอีกนั่นแหละ รู้สึกเบิกบาน โลกสว่าง
เข้าเดือนที่สอง เพื่อนโชว์เอวกางเกงที่หลวมไปประมาณ 2-3 นิ้ว ดิฉันมองด้วยความอิจฉา
สำหรับอาหารดิฉันไม่ได้งดชัดๆ เพราะมีความสุขที่ได้ไปทานที่นั่นที่นี่กับกลุ่มเพื่อนที่ชอบตระเวณหาของอร่อยอยู่ แต่ลดปริมาณแป้งลงบ้าง ก็นะ... คนอ้วนก็ชอบอยู่แล้วของหวานของมันของทอด
(และขออนุญาตเพื่อนทุกคนว่า ขอชั้นมีความสุขสองอย่างไปพร้อมๆกันนะ คือความสุขที่ได้กิน และความสุขที่ได้เดิน ขอสองอย่างเลย)
ส่วนเพื่อนที่ลดด้วยกัน ก็ได้รับความเห็นใจจากเพื่อนคนอื่นๆว่าเธออยู่บ้านหิวซ่ก อดอยากยากจน เมื่อไปร้านก็ปล่อยให้เธอทานได้เต็มที่ไม่ว่ากัน
สองเดือนแรกนี้คือตั้งหน้าตั้งตาเดินอย่างเดียว ไม่มีการหาข้อมูลหรือวอร์มอัพ คูลดาวน์ ออกไปเดิน เดินเสร็จก็กลับบ้าน
เดือนที่สองดิฉันลดไป 1 กิโล... ดิใจแต่ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะเด้งขึ้นมาีที่เดิมเมื่อไหร่
เดือนที่สาม เพื่อนที่อดอาหารเริ่มลดได้ช้าลง นน.เริ่มหนืดอยู่ที่เดิม
ดิฉันซื้อแอลคาร์นิทีนมาทานก่อนออกไปเดินครึ่งชั่วโมง (แต่ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างทาน/ไม่ทาน)
เคยทานนมกล่องก็รู้สึกผะอืดผะอมมีลมตีในท้องคล้ายท้องเสีย ทานกาแฟก็ขับปัสสาวะไวเกิน เดี๋ยววิ่งไม่เสร็จต้องวิ่งเข้าห้องน้ำก่อน
เดือนนี้เริ่มหัดวิ่งเหยาะๆ (เดินมากกว่าวิ่ง) เพราะมีหลายท่านที่ออกกำลังรอบเช้ามืดเหมือนกันวิ่งโชว์ ดูแล้วคันเท้า ก็แอบๆวิ่งบ้าง
เริ่มเข้าห้องสวนลุมกลุ่มเดินเพื่อสุขภาพ เริ่มหัดวอร์มอัพ คูลดาวน์ เข้าไปดูวิธีการวิ่งที่ถูกต้องในยูทูป
เข้าใจแล้วว่าปีก่อนเจ็บเข่าเพราะวิ่งเอาปลายเท้าลง เริ่มพักกล้ามเนื้อ 1-2 วันใน 1 อาทิตย์ (นานมากกว่านั้นกลัวความขี้เกียจมาเยือน)
ผล.. ลดไปอีก 1 กก.
เดือนที่สี่ เพื่อนเริ่มท้อแท้ที่น้ำหนักไม่ค่อยลงทั้งที่อดจนหิวมาก ไม่สามารถอดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ไปช็อปกันดิฉันลองกางเกงไซส์เท่ากับเพื่อนแล้ว(เป็นร้านทั่วๆไปที่คว้าตัวนั้นตัวนี้ไปลองกันทั้งกลุ่ม) เพื่อนงง ดิฉันก็งง
เดือนนี้หัดเต้นฮูลาฮูป ครั้งแรกยังหมุนไม่ครบวงก็หล่นตุ้บ เอ๊ย.. ใครว่ามันเหมือนจักรยานไงเคยขี่ได้ตอนเด็กก็จะขี่ได้อีก
ผ่านไปวันสองวันหมุนได้มากสุด 4-5 รอบก็หล่น เอวช้ำกันไป แถมไปโทษเจ้าห่วงอันนั้นอีกว่าใส่น้ำมาไม่บาล๊านซ์ ทำให้ห่วงตกไว 555
สุดท้ายก็หมุนได้ค่ะ หมุนครึ่งชั่วโมงยืนดูหนังดูข่าวไป แต่ไม่ทุกวัน
ครบเดือนนี้ลดไปอีก 1 กก. ตามมาตรฐานของร่างกาย
เดือนที่ห้าถึงปัจจุบัน เริ่มเห็นผลชัดเจนกับวิธีลดของเพื่อนและของดิฉัน โดยเฉพาะการทานอาหาร เพื่อนจะดูหิว และอยากทานมาก ทานนานจนคนอื่นเลิกแล้วก็ยังทานอยู่ นน.เพื่อนขึ้นมา 2 กก. แถมเจ้าตัวเริ่มถอดใจท้อใจกับการอดอาหารแบบเดิม
ดิฉันเองก็ยังไม่ได้ผอมเพรียว ยังอ้วนอยู่ ยังต้องลดต่อไป แต่รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น เดินขึ้นสะพานลอยเคยหอบหายใจไม่ทันหัวใจแทบจะเต้นออกมานอกซี่โครง
เอวลดไปจากเดิม 2 1/2 นิ้ว แทบไม่เชื่อ ดีใจมาก นน.รวมๆลดไป 5 กก.
นิสัยดิฉันไม่ติดกับเวทเทรนนิ่งค่ะ คงพอใจและทำแบบนี้ต่อไป แค่ลดช้าแต่ไม่เด้งขึ้นมาอีกก็พอใจแล้ว
จึงมาเล่าสู่กันฟัง ท่านที่เริ่มก็อย่าเพิ่งท้อถอย อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ลดได้ไว ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน มีปัจจัยหลายอย่างเกี่ยวข้องกัน มันต้องมีผลดีเสมอในการออกกำลังกาย
แค่ออกไปเดินหรือวิ่งได้ตามที่ตั้งใจ มันก็หอบความภูมิใจกลับบ้านมาด้วยแล้ว จงภูมิใจที่ตัวเรามีวินัยและอดทน
ดิฉันเปิดอ่านกลุ่มวิ่งเพื่อสุขภาพทุกวัน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากทุกท่านที่ตั้งใจตอบแม้บางครั้งคำถามจะซ้ำๆกัน (เช่นคำถามเรื่องรองเท้าวิ่ง)
ขอบคุณที่ให้ความรู้สึกว่าเราเดินไปด้วยกันเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ