วันก่อนดูรายการโทรทัศน์ Barefoot Contessa เห็นเค้าทำบิสกิตไชฟ์ ดูแล้วไม่น่ายาก ว่าแล้วก็เกิดกระตือรือร้นอยากจะทำขึ้นมา ทั้งๆที่แทบไม่เคยทำขนมอบมาก่อนเลยในชีวิต นอกจากช่วยน้องสาวเทโน่นนี่ใส่เครื่องผสม (ชอบยืนดูเวลาเครื่องมันกวนส่วนผสมให้เข้ากัน เพลินดี) และที่ทำครั้งล่าสุดก็เมื่อปีใหม่ เค้กอินทผลัมและวอลนัท ซึ่งออกมากินได้ แต่หน้าตาอย่าเห็นเลยดีกว่า น่าเกลียดจนไม่กล้าเอาให้ใครดู วันนี้ขอลองกับอาหารไม่หวานอย่างแรกที่จะทำในเตาอบ ผิดๆ ถูกๆ เอาตามมีตามเกิดเข้าว่า กูรูเห็นแล้วก็อย่าเพิ่งส่ายหน้านะจ๊ะ
สูตรเต็มๆมาจากเว็บนี้จ้า
http://www.foodnetwork.com/recipes/ina-garten/chive-biscuits-recipe/index.html
ส่วนผสมที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ (โปรดสังเกตว่าถ่ายรูปก็ยังถ่ายไม่ครบทุกอย่างเลย)
แป้ง self-raising 2 ถ้วย
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนชา
เนยสด 120 กรัม
นม+ครีม 3/4 ถ้วย
ไชฟ์สดสับ 1/2 ถ้วย ไชฟ์นั้นเป็นผัก/สมุนไพรหน้าตาคล้ายต้นหอมแต่เล็กกว่าเยอะ สีเขียวๆ เป็นท่อยาวๆ บางที่บอกว่าเป็นประเภทเดียวกับ Parsley อีกที่บอกว่ามันคือกุยช่ายฝรั่ง ก็ไม่รู้คืออะไร รู้แต่ว่าเราชอบเอามาใส่แทนกุ้ยช่ายเวลาทำผัดไทยกิน
ไข่ สำหรับผสมน้ำทาหน้า หน้าขนมนะไม่ใช่หน้าคน
เริ่มแรก ผสมแป้ง เกลือ น้ำตาลเข้าด้วยกัน ตามด้วยเนยสดแช่เย็นหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า
ตามสูตรเขาบอกว่าให้ผสมด้วยโหมดความเร็วต่ำ แต่เครื่องผสมแบบมือถือที่มีอยู่ มันไม่มีโหมดปั่นช้าง่ะ เลือกกดเบอร์หนึ่งก็ยังปั่นเร็วยังกะเลื่อยไฟฟ้า ณ จุดนี้ขอบอกว่าห้องครัวงี้ยังกะนาร์เนีย ขาวโพลนสวยงามแบบไม่ต้องเดินลอดตู้เสื้อผ้ากันเลยทีเดียว อะมันมีอยู่เท่านี้ก็ใช้มันปายย
พอตีผสมจนเนยสดเหลือเป็นแค่เม็ดเล็กๆแล้ว ก็เทนม+ครีมลงไปผสมให้เข้ากันต่อ หน้าตา ณ ขณะนี้ เป็นแบบนี้
เละเทะเหลือจะกล่าว แต่อย่างน้อยมันก็เหนียวแบบเนียนๆ คือดึงแล้วมันหลุดติดมือเป็นก้อนแบบดินน้ำมัน อย่างที่เราเห็นในทีวี แล้วเราก็มองเห็นตรงก้นๆชามว่า มันเหลือเศษแป้งที่เครื่องผสมคงตีไม่โดนเต็มเลย อย่ากระนั้นเลย เสียดายของ เทครีมลงไปตีเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า นั่นแลคือเหตุการณ์เมื่อหายนะบังเกิด คราวนี้แป้งแบบว่าเหนียว เหนียววววว หนืดดดดด ติดมือ ติดชาม ติดตะกร้อตี ตีไปสักพักมันจะเกาะตัวเหนียวจนตะกร้อแทบไม่หมุน นรกมากช่วงนี้ ต้องคอยแกะคอยปาด ทุกอย่างในครัวตอนนี้มีเศษแป้งติดกระเด็นเต็มไปหมด ยังกะงานแอ็บสแตร็ก
ที่ร้ายกว่านั้นคือ พอผสมรวมกันเป็นก้อนได้ในที่สุด ถึงจะนึกขึ้นได้ว่า ลืมใส่ไชฟ์ ฮ่าๆๆๆๆๆ บ้าไปเลย ก็ต้องปล้ำกับมันต่อ ไอเดียสุดหรูที่จินตนาการไว้ว่าจะใส่สติลตันชีสนิด เม็ดฟักทองบดหน่อย ก็ต้องโยนทิ้ง เพราะแค่จะใส่ไชฟ์ยังทรมาน บ.ซ. ขนาดนี้ ไม่มีอารมณ์แล้วล่ะฮ่า
ต่อมา เค้าบอกให้โรยแป้งบนเคาน์เตอร์ (เช็ดแล้วนะ) แล้วแหมะไอ้ก้อนแป้งเนี่ยลงไปคลึง (อย่าลืมทามือด้วยแป้งเช่นกัน) แล้วแผ่เป็นแผ่นหนาประมาณ 3/4 นิ้ว ตอนนี้แป้งกลับมาดูดีอีกครั้ง ถ้าไม่มองความรกทางด้านหลัง
ไอ้ไม้นวดแป้งสำหรับคลึงเราก็ไม่มี พอดีมองไปเห็นแก้วค็อกเทลทรงตรงๆ แหม้มันช่างเหมาะเหม็งในการเอามาใช้แทนจริงๆ หะแรกคิดว่าจะเอาขวดเปล่ามาใช้ซะแล้ว ที่สำคัญไอ้แก้วนี้มันใช้เป็นพิมพ์กดได้อีกด้วย ใช้พิมพ์ขนาดสองนิ้วครึ่งกำลังดีสำหรับคนที่มีอุปกรณ์เพียบพร้อมจ้ะ
ว่าแล้วก็แหกสูตรเขาต่อ ในสูตรเขาบอกให้ปูถาดด้วยกระดาษอบ ซึ่งเราก็ไม่มี ก็เลยวางมันลงไปทั้งยังงั้นแหละ ใครจะทำไม ตีไข่ผสมน้ำเปล่าหนึ่งช้อนโต๊ะ แล้วทาหน้าขนมพอวาวๆ
ตามสูตรเขาว่าให้อบที่ 400 F (Gas mark 6) ประมาณ 20-22 นาที แต่ชะรอยเตาอบบ้านเรามันจะอุณหภูมิไม่สม่ำเสมอ เพราะเป็นเตาเก่ารุ่นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สามเห็นจะได้ พอเปิดดูหลังผ่านไป 25 นาที มันก็แค่นวลๆ เหมือนยังไม่สุก เราก็เอ้ารอต่อไป 40 นาทีผ่านไปเปิดออกดูอีก มันเป็นสีน้ำตาลทองสวยงามแล้ว (อาจจะน้ำตาลเกินไปด้วยซ้ำ แปลว่าไหม้นั่นเอง) แต่พอลองบิชิ้นทดลองดูก็พบว่าข้างในมันยังไม่ค่อยแห้ง จะเอาเข้าไปอบต่อก็คิดว่ามันต้องไหม้แน่ๆ ก็เลยพอเท่านั้น สันนิษฐานว่าเป็นเพราะใส่ครีมเยอะไปนั่นเอง
ถึงเวลาชิม แหมมันช่างน่าปลื้มใจ กินขนมที่ทำเอง โดยรวมหอมมันและเค็มนิดๆ เหมาะสำหรับเอาไว้ทานกับซุปมาก แต่เนื้อในยังไม่ค่อยโปร่งและแห้ง แต่แน่นไปนิด ไม่เป็นไรคราวหน้าค่อยเอาใหม่แล้วกันเนาะ
กินกับชีสสติลตันก็อร่อยนะจ๊ะ
ประเด็นของกระทู้นี้ คิดว่าคงไม่กล้าบอกว่าเอามาอวด เพราะไม่มีจุดไหนให้อวดได้เลยนอกจากอบออกมาแล้วกินได้ โหะๆ ใครมีข้อแนะนำอะไร เชิญได้เลยนะจ๊ะ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยจ้า
Chive biscuits สูตรมือใหม่ ลืมมั่ง เกินมั่ง กินได้ก็ทิ้ง กินไม่ได้ก็ทิ้งปายยย
สูตรเต็มๆมาจากเว็บนี้จ้า http://www.foodnetwork.com/recipes/ina-garten/chive-biscuits-recipe/index.html
ส่วนผสมที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ (โปรดสังเกตว่าถ่ายรูปก็ยังถ่ายไม่ครบทุกอย่างเลย)
แป้ง self-raising 2 ถ้วย
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนชา
เนยสด 120 กรัม
นม+ครีม 3/4 ถ้วย
ไชฟ์สดสับ 1/2 ถ้วย ไชฟ์นั้นเป็นผัก/สมุนไพรหน้าตาคล้ายต้นหอมแต่เล็กกว่าเยอะ สีเขียวๆ เป็นท่อยาวๆ บางที่บอกว่าเป็นประเภทเดียวกับ Parsley อีกที่บอกว่ามันคือกุยช่ายฝรั่ง ก็ไม่รู้คืออะไร รู้แต่ว่าเราชอบเอามาใส่แทนกุ้ยช่ายเวลาทำผัดไทยกิน
ไข่ สำหรับผสมน้ำทาหน้า หน้าขนมนะไม่ใช่หน้าคน
เริ่มแรก ผสมแป้ง เกลือ น้ำตาลเข้าด้วยกัน ตามด้วยเนยสดแช่เย็นหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า
ตามสูตรเขาบอกว่าให้ผสมด้วยโหมดความเร็วต่ำ แต่เครื่องผสมแบบมือถือที่มีอยู่ มันไม่มีโหมดปั่นช้าง่ะ เลือกกดเบอร์หนึ่งก็ยังปั่นเร็วยังกะเลื่อยไฟฟ้า ณ จุดนี้ขอบอกว่าห้องครัวงี้ยังกะนาร์เนีย ขาวโพลนสวยงามแบบไม่ต้องเดินลอดตู้เสื้อผ้ากันเลยทีเดียว อะมันมีอยู่เท่านี้ก็ใช้มันปายย
พอตีผสมจนเนยสดเหลือเป็นแค่เม็ดเล็กๆแล้ว ก็เทนม+ครีมลงไปผสมให้เข้ากันต่อ หน้าตา ณ ขณะนี้ เป็นแบบนี้
เละเทะเหลือจะกล่าว แต่อย่างน้อยมันก็เหนียวแบบเนียนๆ คือดึงแล้วมันหลุดติดมือเป็นก้อนแบบดินน้ำมัน อย่างที่เราเห็นในทีวี แล้วเราก็มองเห็นตรงก้นๆชามว่า มันเหลือเศษแป้งที่เครื่องผสมคงตีไม่โดนเต็มเลย อย่ากระนั้นเลย เสียดายของ เทครีมลงไปตีเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า นั่นแลคือเหตุการณ์เมื่อหายนะบังเกิด คราวนี้แป้งแบบว่าเหนียว เหนียววววว หนืดดดดด ติดมือ ติดชาม ติดตะกร้อตี ตีไปสักพักมันจะเกาะตัวเหนียวจนตะกร้อแทบไม่หมุน นรกมากช่วงนี้ ต้องคอยแกะคอยปาด ทุกอย่างในครัวตอนนี้มีเศษแป้งติดกระเด็นเต็มไปหมด ยังกะงานแอ็บสแตร็ก
ที่ร้ายกว่านั้นคือ พอผสมรวมกันเป็นก้อนได้ในที่สุด ถึงจะนึกขึ้นได้ว่า ลืมใส่ไชฟ์ ฮ่าๆๆๆๆๆ บ้าไปเลย ก็ต้องปล้ำกับมันต่อ ไอเดียสุดหรูที่จินตนาการไว้ว่าจะใส่สติลตันชีสนิด เม็ดฟักทองบดหน่อย ก็ต้องโยนทิ้ง เพราะแค่จะใส่ไชฟ์ยังทรมาน บ.ซ. ขนาดนี้ ไม่มีอารมณ์แล้วล่ะฮ่า
ต่อมา เค้าบอกให้โรยแป้งบนเคาน์เตอร์ (เช็ดแล้วนะ) แล้วแหมะไอ้ก้อนแป้งเนี่ยลงไปคลึง (อย่าลืมทามือด้วยแป้งเช่นกัน) แล้วแผ่เป็นแผ่นหนาประมาณ 3/4 นิ้ว ตอนนี้แป้งกลับมาดูดีอีกครั้ง ถ้าไม่มองความรกทางด้านหลัง
ไอ้ไม้นวดแป้งสำหรับคลึงเราก็ไม่มี พอดีมองไปเห็นแก้วค็อกเทลทรงตรงๆ แหม้มันช่างเหมาะเหม็งในการเอามาใช้แทนจริงๆ หะแรกคิดว่าจะเอาขวดเปล่ามาใช้ซะแล้ว ที่สำคัญไอ้แก้วนี้มันใช้เป็นพิมพ์กดได้อีกด้วย ใช้พิมพ์ขนาดสองนิ้วครึ่งกำลังดีสำหรับคนที่มีอุปกรณ์เพียบพร้อมจ้ะ
ว่าแล้วก็แหกสูตรเขาต่อ ในสูตรเขาบอกให้ปูถาดด้วยกระดาษอบ ซึ่งเราก็ไม่มี ก็เลยวางมันลงไปทั้งยังงั้นแหละ ใครจะทำไม ตีไข่ผสมน้ำเปล่าหนึ่งช้อนโต๊ะ แล้วทาหน้าขนมพอวาวๆ
ตามสูตรเขาว่าให้อบที่ 400 F (Gas mark 6) ประมาณ 20-22 นาที แต่ชะรอยเตาอบบ้านเรามันจะอุณหภูมิไม่สม่ำเสมอ เพราะเป็นเตาเก่ารุ่นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สามเห็นจะได้ พอเปิดดูหลังผ่านไป 25 นาที มันก็แค่นวลๆ เหมือนยังไม่สุก เราก็เอ้ารอต่อไป 40 นาทีผ่านไปเปิดออกดูอีก มันเป็นสีน้ำตาลทองสวยงามแล้ว (อาจจะน้ำตาลเกินไปด้วยซ้ำ แปลว่าไหม้นั่นเอง) แต่พอลองบิชิ้นทดลองดูก็พบว่าข้างในมันยังไม่ค่อยแห้ง จะเอาเข้าไปอบต่อก็คิดว่ามันต้องไหม้แน่ๆ ก็เลยพอเท่านั้น สันนิษฐานว่าเป็นเพราะใส่ครีมเยอะไปนั่นเอง
ถึงเวลาชิม แหมมันช่างน่าปลื้มใจ กินขนมที่ทำเอง โดยรวมหอมมันและเค็มนิดๆ เหมาะสำหรับเอาไว้ทานกับซุปมาก แต่เนื้อในยังไม่ค่อยโปร่งและแห้ง แต่แน่นไปนิด ไม่เป็นไรคราวหน้าค่อยเอาใหม่แล้วกันเนาะ
กินกับชีสสติลตันก็อร่อยนะจ๊ะ
ประเด็นของกระทู้นี้ คิดว่าคงไม่กล้าบอกว่าเอามาอวด เพราะไม่มีจุดไหนให้อวดได้เลยนอกจากอบออกมาแล้วกินได้ โหะๆ ใครมีข้อแนะนำอะไร เชิญได้เลยนะจ๊ะ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยจ้า