[CR] Sunday Brunch ห้องอาหาร Brasserie Europa โรงแรม Siam Kempinski

กระทู้รีวิว
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่านี่เป็นกระทู้รีวิวแรกในพันทิป (จริงๆก็กระทู้แรกเลยแหละ) เอาเป็นว่าผมก็ได้กินอาหารหลากหลายนะครับ ก็เลยอยากจะมาแชร์กันว่าแต่ละที่ดีอย่างไร ด้อยอย่างไร
จริงๆก็เขียนใน facebook ด้วย ชื่อว่า World Food Review ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
ประเดิมแรกสุดเลย ขอเป็นมื้อ Sunday Brunch ในโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ผมพูดคือห้องอาหาร Brasserie Europa ในโรงแรม Siam Kempinski Hotel ตั้งอยู่หลัง Siam Paragon นั่นเอง

แวะมาดูหน้าร้านสักนิด

Sunday Brunch เป็น Longest Sunday Brunch ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ 12:00-17:00 ซึ่งยาวนานถึง 5 ชั่วโมง
เข้ามาถึงโต๊ะแล้ว ดูการจัดวางจานก่อนเลย ดูดีมาก ที่นี่มีราคาสำหรับคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และแบบไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งบนโต๊ะนอกจากอุปกรณ์แล้วก็มีใบเมนูซึ่งบอกราคา drink list และ entree หรืออาหารจานหลักนั่นเอง ซึ่งสั่งได้จากพนักงานได้เลย เดี๋ยวนำมาเสิร์ฟ

สำหรับไลน์อาหารนั้นที่ใกล้ทางเข้าทที่สุดจะเป็นพวก cold cut ถัดมาเป็นสลัด แล้วตามด้วย cold appetizer ที่เป็นอาหารไทยและอาหารยุโรป

ตามมาด้วยชีสและขนมปังหลากหลายชนิด

มาดูชีสกันชัดๆ

ต่อมาจะเห็น seafood on ice ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการกินอาหารทะเลที่นิยมมาก และดึงความหวานของอาหารทะเลได้สูงสุด แต่สารภาพบาปว่ารูปหายร้องไห้
ถัดต่อไปจะเห็นรถเข็นซึ่งทำ crepe suzette และไอศครีม

จากนั้นที่จะเห็นเป็นเคาท์เตอร์ของ foie gras

และตามด้วยโซนซูชิและซาชิมิ

เคาท์เตอร์ต่อมาเป็นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องเพราะเป็นมินิบาร์นั่นเอง
สุดท้ายขอเรียกเป็นห้องขนมหวานซึ่งมีขนมหวานหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเค้ก คุกกี้ โดนัท มูส ขนมไทย และช็อคโกแลตฟาวเท่น รูปมันหายไปไหนเนี่ย OMG
ขอเริ่มสำหรับตัวอาหารเลยนะครับ
เมื่อนั่งรับประทานแล้วพนักงานก็จะเสิร์ฟน้ำให้เลยซึ่งจะเป็นน้ำแร่หรือ sparkling water (น้ำแร่ที่มีก๊าซ แต่ไม่ใช่โซดานะครับ) และก็ไปตักอาหารได้เลย
เริ่มต้นก่อนก็ต้องเป็นสลัดและสลัดที่ผมชอบที่สุดและถือเป็นมาตรฐานที่สุดคือ Caesar salad นั่นเอง แต่ที่นี่มีข้อเสียคือไม่มีถังคลุกซึ่งทำให้การคลุกสลัดให้เข้ากันค่อนข้างยาก ใครชอบกินน้ำสลัดมากหรือน้อยเลือกได้เลย แต่ผมแนะนำให้ใส่น้ำสลัดไม่มากนะครับเพื่อไม่ให้เสียรสชาติของผักไป จากนั้นก็โรยเบคอนกรอบและขนมปังกรอบ ซึ่งที่นี่ก็ขาด mozzarella cheese ก็เลยไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไร

ต่อมาเป็น seafood on ice ซึ่งมีทั้งกุ้ง หอย ปู โดยผมเลือกจะมีกุ้งลอบสเตอร์ ปูสุไว (snow crab) crawfish กุ้ง และก็กรรเชียงปูทะเล กินไม่ยากครับ ที่นี่มีน้ำชาล้างมือให้พร้อมแล้ว น้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่รสไม่จัด แต่ก็ไม่แนะนำให้จิ้มเพราะว่าเสียรสชาติของอาหารทะเลไป

เมื่อกินสักพักก็จะมีเสิร์ฟซุป lobster bisque หรือซุปข้นลอบสเตอร์ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือมะเขือเทศและมันลอบสเตอร์มาเคี่ยวจนข้น รสชาติจะออกหวาน เปรี้ยว และข้นครับ

ซูชิของที่นี่มี 3 หน้าคือมากุโร (ทูน่า) แซลมอน และกุ้ง และซาชิมิมี 4 อย่าง คือ มากุโร แซลมอน ทาโกะ (หนวดหมึกยักษ์) และปูอัด ซึ่งเนื้อปลามีความสดอยู่ ไม่เละ ซึ่งระดับโรงแรมแบบนี้ถือว่าโอเค

appetizer สำคัญของที่นี่อีกตัวคือ foie gras หรือตับห่านที่ถูกขุนเป็นพิเศษ มีรสชาติค่อนข้างมัน หากกินเปล่าๆจะเลี่ยนมาก ปกติต้องกินตัดกับรสเปรี้ยวนิดหน่อย ซึ่งที่นี่ใช้ซอสเชอรี่หวานเปรี้ยวตัด พร้อมกับ shortbread ซึ่งอาจจะดูคล้ายๆ butter cake นั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีอาหารจาก foie gras อีก 3 อย่าง คือ foie gras terrine (มุมซ้ายล่าง) ซึ่งเป็น foie gras บดนั่นเอง รสชาติเค็มมากๆ ถ้าไม่ชอบกินจริงๆอาจจะกินไม่ลง อย่างที่สองคือ foie gras éclair (ด้านบน) ก็คือ eclair (ต้องมีรูปร่างยาวนะครับ ถ้ากลมเขาเรียกว่า profiterole หรือ cream puff หรือ choux cream) สอดไส้ foie gras บด ซึ่งแป้งพาสทรีจะตัดกับตัวไส้ของ foie gras ได้ โดยอาจจะรู้สึกเค็ม และถ้าใครไม่คุ้นเคยหรือติดว่า eclair ต้องไส้หวานอาจจะไม่ชอบ เช่นเดียวกับเมนูสุดท้าย foie gras tart (มุมขวาล่าง) ซึ่งถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงทาร์ตไข่ แต่แทนที่จะเป็นไข่กลับใช้ foie gras บดแทน แต่อันนี้รสเค็มจะน้อยกว่า และน่าจะกินกันได้ง่ายกว่า เพราะอาหารตระกูล tart และ pie ก็มีไส้อาหารคาวอยู่แล้ว

ต่อไปเป็น entree หรืออาหารจานหลัก ซึ่งมีทั้งหมด 6 อย่าง สั่งแล้วรอให้มาเสริ์ฟ โดยเกือบทั้งหมดจะเสิร์ฟบนกระทะทองเหลืองขนาดเล็กๆวางบนเตาไฟ ให้อาหารมีการอุ่นเสมอ แต่ข้อเสียสำหรับพวกเนื้ออาจจะทำให้เกิดการ overcook ได้บ้าง เพราะฉะนั้นแนะนำว่าสั่งมากินทันที
เริ่ม entrée แรกเป็นเนื้อสันใน (tenderloin) ของเนื้อวัวออสเตรเลีย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดและซอส foie gras ซึ่งเนื้อวัวส่วนนี้มีความนุ่มมาก กินกับซอส foie gras ที่มีความมัน จึงเข้าคู่กันได้ดี ผมแนะนำว่าให้กินเนื้อในระดับ medium rare ซึ่งจะได้รสชาติของเนื้อที่ดีที่สุด ยังไม่กระด้างและไม่เหนียวเกินไป แต่คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ชอบเพราะกลัวว่าดิบนั่นเอง (ขอโทษจริงๆ ภาพไม่ชัด เพราะอยากโชว์เตาอุ่นมากไปหน่อย)ร้องไห้

จานที่สองเป็นซึ่โครงแกะ (lamb chop) ซอสมัสตาร์ด เสิร์ฟพร้อม parmesan palenta (มันบดผมสพาร์มีซานนั่นเอง) กลิ่นสาบของเนื้อแกะก็พอมีอยู่บ้าง แต่เนื้อก็นุ่ม (ขออิงเกณฑ์ระดับ medium rare) นะครับ กินเข้ากับ palenta ได้ดี

จานที่สามเป็นปลากะพงแดงย่าง เสิร์ฟพร้อม haricot vert (คล้ายๆกับถั่วแขก) และ salsa มะเขือเทศกับมะกอก (เป็นซอสประเภทหนึ่ง) ซึ่งเนื้อปลาสดมากครับ หนังปลาก็เกรียมนิดๆ ทำให้มีความกรอบหน่อยๆ ไม่คาว

ต่อมาเป็นซี่โครงหมูซอสบาร์บีคิวเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบ รสชาติหวานและเนื้อหมูนุ่มมาก เวลาหั่น เนื้อหลุดออกมาได้ง่าย สุกกำลังดีเลยครับ (อันนี้ well done อย่างเดียวนะครับ หมูไม่สุกห้ามกินครับ อันตราย) เป็นอาหารหลักจานเดียวที่ไม่ว่างบนเตาอุ่น

จานที่ 5 เป็น risotto เห็ดกับไส้กรอกเสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ซึ่งตัวใหญ่มาก risotto เป็นการนำข้าวของอิตาลีมาเคี่ยวในน้ำซอสจนสุก ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะถ้าใส่น้ำมากเกินไปก็จะเละ ถ้าน้อยเกินไปก็จะไม่สุก ซึ่งสำหรับที่นี่ผมว่ามันเป็นเม็ดสวย มีเนื้อสัมผัสให้เคี้ยวแต่ไม่แข็ง แต่ไส้กรอกรสชาติเค็มมากๆ ทำเอาเสียรสไปเลย

สุดท้ายเป็น gnocchi สด (ถ้าพูดง่ายที่สุดก็เป็นพาสต้าประเภทหนึ่ง มีลักษณะคล้ายๆครองแครง) ผัดกับซอสปูและมะเขือเทศเชอรี่ ซึ่งมีรสหวานเปรี้ยวของซอสและมะเขือเทศ แต่ gnocchi เละไปหน่อย

ต่อไปเป็นของหวานครับ เริ่มด้วย crepe suzette หรือเครปต้มในซอสส้มผสมกับเหล้า Grand Marnier (เหล้ากลิ่นส้ม) ที่ระเหยแอลกอฮอล์ไปแล้ว ส้มและเปลือกส้มและเลมอน กินพร้อมกับไอศครีม ซึ่งที่นี่มีวานิลลา ชาเขียว และสตรอเบอร์รี่ ซึ่งผมเลือกวานิลลา กินแล้วมีรสขมนิดหน่อย เปรี้ยวนิดหน่อย ตัดกับความหวานของไอศครีมได้ดี

เมื่อกินของหวานก็มีการเสิร์ฟโยเกิร์ตด้วย ซึ่งที่ผมเลือกคือมะม่วงโยเกิร์ต รสชาติเน้นไปทางเปรี้ยวมาก มีความหวานแทรกค่อนข้างน้อย คาดว่ามะม่วงที่นำมาใช้ไม่ค่อยหวาน

นอกจากนี้ยังมีของหวานหลากหลายชนิดทั้ง macaron, chocolate truffle, crème brulee, cheesecake, mousse และอื่นๆ ซึ่งรสชาติไม่หวานมากเกินไป อร่อยดีครับ ส่วนใหญ่จะออกทางเยอรมัน เพราะเชฟที่นี่เป็นชาวเยอรมัน


ถ้าให้สรุปร้านนี้ถือว่าราคาค่อนข้างแพง ไม่ค่อยหลากหลายมากแต่ถือว่าเหมาะสมกับคุณภาพของอาหาร การบริการดีมาก เว้นแต่มีช่วงหนึ่งพนักงานจะหายไปไหนก็ไม่ทราบ อันนี้เป็นจุดตายเลยสำหรับโรงแรมระดับห้าดาว ต้องแก้ไขหน่อย และส่วนของหวานหลายเมนูไม่ติดป้าย ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกว่าอะไร สำหรับอาหารเท่าที่ผมลองไปนั่งกิน 3 ชั่วโมงกว่า (กินไปพักไปนะครับ) อาหารไม่ขาดเลย ถือว่าโอเคเลยครับ
ถ้าแนะนำให้ไปชิมไหม ก็คงแนะนำให้กับคนที่สามารถไปได้ ติดตรงราคาเนี่ยแหละ

เนื่องจากมีคนมาต่อว่าผมเรื่องไม่ยอมบอกราคา จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ไม่ชอบมองว่าของสมราคา ผมเชื่อว่าของดีคือดี ไม่ดีคือไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ไม่ใช่ว่ารวยหรืออะไร บางที่ผมก็เก็บเงินเป็นเดือนๆกว่าจะได้ไปชิมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมขออนุญาตครึ่งทางละกัน ระบุราคาที่น่าจะทำให้คาดการณ์กันได้ สำหรับราคาที่นี่เป็น 2,XXX บาท
ชื่อสินค้า:   Sunday Brunch Buffet, Brasserie Europa, Siam Kempinski
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่