อาการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน (Motion sickness) เกิดจากความสับสนของระบบประสาทสัมผัสในร่างกาย โดยเฉพาะระหว่างสายตากับหูชั้นในที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัว ร่างกายจะแสดงอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัว เพื่อตอบสนองต่อความไม่สอดคล้องกันของข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสต่าง ๆ ซึ่งสามารถจัดการและป้องกันอาการเหล่านี้ได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยา
สาเหตุของอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
สาเหตุหลักของอาการเมาจากการเคลื่อนไหว (Motion sickness) คือการที่สมองได้รับข้อมูลเกี่ยวกับท่าทางและการเคลื่อนไหวที่ไม่ตรงกันจากแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน ได้แก่
หูชั้นใน (Inner ear) : ทำหน้าที่รับรู้การเคลื่อนไหวและการทรงตัว เมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น การนั่งรถที่โคลงเคลงหรือเรือที่โยก สมองจะได้รับสัญญาณว่ามีการเคลื่อนที่เกิดขึ้น
สายตา (Vision) : ในขณะเดียวกัน หากคุณมองไปที่วัตถุภายในยานพาหนะที่อยู่นิ่ง เช่น อ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์ สายตาจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่าร่างกายกำลังอยู่นิ่ง
ระบบรับความรู้สึกอื่นๆ (Proprioceptors) : เช่น กล้ามเนื้อและข้อต่อ ก็อาจส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันได้
เมื่อสมองได้รับข้อมูลที่ขัดแย้งกันนี้ สมองจะเกิดความสับสนและตีความว่าร่างกายอาจได้รับสารพิษหรือเกิดความผิดปกติขึ้น จึงกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มึนหัว และหน้าซีด เพื่อพยายามกำจัด "สิ่งที่เข้าใจผิดว่าเป็นสารพิษ" ออกจากร่างกาย
วิธีการแก้ไขและป้องกัน
สามารถแบ่งวิธีจัดการอาการออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ การป้องกันล่วงหน้าและการบรรเทาอาการขณะเดินทาง
การป้องกันก่อนออกเดินทาง
- เลือกที่นั่งที่มั่นคง : เลือกที่นั่งบริเวณที่การเคลื่อนไหวน้อยที่สุด เช่น นั่งเบาะหน้าในรถยนต์, บริเวณกลางลำเรือ, หรือบริเวณปีกเครื่องบิน
- พักผ่อนให้เพียงพอ : ควรนอนหลับให้เต็มอิ่มก่อนการเดินทาง
- หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก : ควรงดอาหารมื้อหนัก อาหารรสจัด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและระหว่างการเดินทาง
- ใช้ยาป้องกัน : หากทราบว่ามีแนวโน้มจะเมาได้ง่าย ควรรับประทานยาแก้เมารถ เช่น Dimenhydrinate (ไดเมนไฮดริเนต) หรือ Meclizine (เมคลิซีน) ก่อนออกเดินทางประมาณ 30 นาที ควรระวังผลข้างเคียงเรื่องอาการง่วงซึมหลังรับประทาน
การบรรเทาอาการขณะเดินทาง
- มองออกไปไกลๆ : พยายามมองไปยังขอบฟ้าหรือวัตถุที่อยู่นอกยานพาหนะ เพื่อให้สายตาและหูชั้นในได้รับรู้การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน
- หลีกเลี่ยงการอ่านหรือเล่นโทรศัพท์ : การจ้องมองวัตถุใกล้ตัวภายในยานพาหนะจะทำให้อาการแย่ลง
- หายใจลึกๆ : หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- หาอากาศถ่ายเท : เปิดหน้าต่างรถ หรือไปอยู่ในบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์
- หลับตาพักผ่อน : หากไม่สามารถมองออกไปข้างนอกได้ การหลับตาจะช่วยตัดสัญญาณภาพที่ขัดแย้งออกไปได้
- ทานของว่างเบาๆ : อย่าปล่อยให้ท้องว่าง แต่ควรทานของว่างเบาๆ เช่น แครกเกอร์ หรือจิบน้ำเปล่าทีละน้อย
โดยปกติแล้ว อาการเมาจากการเคลื่อนไหวจะค่อย ๆ บรรเทาลงและหายไปเองหลังจากหยุดการเคลื่อนไหวแล้วประมาณ 20 นาที หรืออาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมงในกรณีที่มีอาการรุนแรง หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, Wikipedia, Gemini
บทความความรู้รอบตัวย้อนหลัง
https://pantip.com/profile/933113/topics
ความรู้รอบตัว - EP16 : เมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน เกิดจากอะไรกันแน่ จะแก้อย่างไร
สาเหตุของอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
สาเหตุหลักของอาการเมาจากการเคลื่อนไหว (Motion sickness) คือการที่สมองได้รับข้อมูลเกี่ยวกับท่าทางและการเคลื่อนไหวที่ไม่ตรงกันจากแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน ได้แก่
หูชั้นใน (Inner ear) : ทำหน้าที่รับรู้การเคลื่อนไหวและการทรงตัว เมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น การนั่งรถที่โคลงเคลงหรือเรือที่โยก สมองจะได้รับสัญญาณว่ามีการเคลื่อนที่เกิดขึ้น
สายตา (Vision) : ในขณะเดียวกัน หากคุณมองไปที่วัตถุภายในยานพาหนะที่อยู่นิ่ง เช่น อ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์ สายตาจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่าร่างกายกำลังอยู่นิ่ง
ระบบรับความรู้สึกอื่นๆ (Proprioceptors) : เช่น กล้ามเนื้อและข้อต่อ ก็อาจส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันได้
เมื่อสมองได้รับข้อมูลที่ขัดแย้งกันนี้ สมองจะเกิดความสับสนและตีความว่าร่างกายอาจได้รับสารพิษหรือเกิดความผิดปกติขึ้น จึงกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มึนหัว และหน้าซีด เพื่อพยายามกำจัด "สิ่งที่เข้าใจผิดว่าเป็นสารพิษ" ออกจากร่างกาย
วิธีการแก้ไขและป้องกัน
สามารถแบ่งวิธีจัดการอาการออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ การป้องกันล่วงหน้าและการบรรเทาอาการขณะเดินทาง
การป้องกันก่อนออกเดินทาง
- เลือกที่นั่งที่มั่นคง : เลือกที่นั่งบริเวณที่การเคลื่อนไหวน้อยที่สุด เช่น นั่งเบาะหน้าในรถยนต์, บริเวณกลางลำเรือ, หรือบริเวณปีกเครื่องบิน
- พักผ่อนให้เพียงพอ : ควรนอนหลับให้เต็มอิ่มก่อนการเดินทาง
- หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก : ควรงดอาหารมื้อหนัก อาหารรสจัด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและระหว่างการเดินทาง
- ใช้ยาป้องกัน : หากทราบว่ามีแนวโน้มจะเมาได้ง่าย ควรรับประทานยาแก้เมารถ เช่น Dimenhydrinate (ไดเมนไฮดริเนต) หรือ Meclizine (เมคลิซีน) ก่อนออกเดินทางประมาณ 30 นาที ควรระวังผลข้างเคียงเรื่องอาการง่วงซึมหลังรับประทาน
การบรรเทาอาการขณะเดินทาง
- มองออกไปไกลๆ : พยายามมองไปยังขอบฟ้าหรือวัตถุที่อยู่นอกยานพาหนะ เพื่อให้สายตาและหูชั้นในได้รับรู้การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน
- หลีกเลี่ยงการอ่านหรือเล่นโทรศัพท์ : การจ้องมองวัตถุใกล้ตัวภายในยานพาหนะจะทำให้อาการแย่ลง
- หายใจลึกๆ : หายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- หาอากาศถ่ายเท : เปิดหน้าต่างรถ หรือไปอยู่ในบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์
- หลับตาพักผ่อน : หากไม่สามารถมองออกไปข้างนอกได้ การหลับตาจะช่วยตัดสัญญาณภาพที่ขัดแย้งออกไปได้
- ทานของว่างเบาๆ : อย่าปล่อยให้ท้องว่าง แต่ควรทานของว่างเบาๆ เช่น แครกเกอร์ หรือจิบน้ำเปล่าทีละน้อย
โดยปกติแล้ว อาการเมาจากการเคลื่อนไหวจะค่อย ๆ บรรเทาลงและหายไปเองหลังจากหยุดการเคลื่อนไหวแล้วประมาณ 20 นาที หรืออาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมงในกรณีที่มีอาการรุนแรง หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, Wikipedia, Gemini
บทความความรู้รอบตัวย้อนหลัง
https://pantip.com/profile/933113/topics