พาส่อง ถามตอบ อะไรที่ผมว่ามันน่าสนใจ ก่อน
ซึ่งเป็นคำถามที่สร้างโดยผมเอง และคำตอบก็มาจากการหาข้อมูลและพยายามเข้าใจของผมเองนะครับ ถ้าผิดถูกยังไงก็อธิบายได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Q : ถ้าหากเรานั่งอยู่บนรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. แปลว่าเรากำลังออกแรงต้านรถที่ระดับ 60 กม./ชม. มั้ย
A : เราออกแรงต้านครับ แต่แค่ในตอนแรก จนแรงที่ออกมันถูกอีกแรงต้านจนเลย threshold ของเรา หรือที่เรียกทางเทคนิคว่า พลังงานศักย์
พูดง่ายๆคือ เมื่อรถเริ่มมีการขยับ เราก็ไม่ได้ออกแรงต้านนั้นอีกต่อไปครับ
ตัวอย่างง่ายๆ คือ การเข็นรถที่เข้าเกียร์ Neutral ในลานจอดรถ แรงๆเราจะออกแรงเยอะมาก จนพอรถขยับเราก็ออกแรงน้อยลงครับ
ตอนที่รถขยับแล้ว เราเพียงออกแรงแค่ให้รถขยับ ออกแรงตามน้ำหนักรถ
แต่ตอนรถยังไม่ขยับ เรายังออกอีกแรงเพิ่มขึ้นมา คือ แรงในการเอาชนะภาวะเกาะหยุดนิ่งของรถ
Q : ถ้าหากเรานั่งอยู่บนรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. แปลว่าเรากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. มั้ย
A : ใช่ครับ เรากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ารถ โดยที่เราไม่ได้ออกแรงอะไรสำหรับการเคลื่อนที่ แรงที่เราออกมีเพียง แรงที่ใช้ในการเกาะติดวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ หรือแรงนั่ง แรงพิงเบาะนั่นเอง
Q : ถ้าหากมียุงบนรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. แล้วยุงบินด้วยความเร็วภาคพื้นดิน 2 กม./ชม. แปลว่ายุงกำลังออกแรง 62 กม./ชม. มั้ย
A : ไม่ครับ เริ่มต้นจากการเกาะอยู่นิ่ง ดังนั้นการเริ่มต้นเป็นเพียง ความเร็วภาคพื้นดิน 0 กม./ชม. พอบินด้วยข้อมูลดังกล่าว ก็จะเป็นการออกแรงเทียบเท่า 2 กม./ชม. บวกลบลมจากแอร์นิดหน่อย เท่านั้น แม้ความเร็วจริงๆจะประมาณ 62 กม./ชม.
ทำให้เห็นภาพง่ายๆ ถ้าคุณเคยวิ่งตามรถ หรือวิ่งข้างถนนที่มีรถวิ่งผ่าน คุณจะเข้าใจว่ามันยากมากถ้าคุณจะทำความเร็วให้เท่ารถ คุณต้องออกแรงเยอะมากๆ แล้วเวลาเดินบนรถเมล์ คุณออกแรงมากเท่านั้นหรอ ก้เปล่านะครับ ถ้ารวมแรงที่ใช้ทรงตัว คุณออกแรงเท่าๆกับการเดินเร็วเพียงแค่นั้นแหละ
บนเครื่องบิน ที่ซึ่งมีความเสถียรต่ำจัดๆ การเดินบนนั้นคือคุณออกแรงเท่าๆกับการเดินบนพื้นปกติครับ
Q : แล้วถ้ายุงอยู่บนรถทรงร้อน (รถที่ไม่เปิดแอร์และหน้าต่าง) ซึ่งมีความเร็วลมปะทะหน้ายุงจากพัดลมและลมภายนอกที่ 3 กม./ชม. กรณียุงออกแรงจนบินไปข้างหน้าได้ด้วยความเร็ว 2 กม./ชม. แปลว่ายุงออกแรงเทียบเท่าการเคลื่อนที่ 5 กม./ชม. ใช่มั้ย
A : ใช่ครับ และมีแนมโน้มจะต่ำกว่านี้อีก จากความแออัดของผู้คนที่นั่ง อุณหภูมิสูงขึ้น อากาศเบาบาง ประสิทธิภาพในการต้านจากมวลอากาศต่ำลง รวมถึงแรงยกที่สร้างได้ง่ายขึ้น
Q : แล้วถ้ายุงอยู่บนรถทรงร้อน ความเร็วเดิม 60 กม./ชม. แล้วเรากำยุงออกไปปล่อยนอกหน้าต่าง ยุงจะถูกผลักไปข้างหลังด้วยความแรงเทียบเท่า 60 กม./ชม. มั้ย
A : ใช่ครับ เพราะการที่รถเคลื่อนที่ มันคือการแหวกกระแสลม ทำให้เกิดมวลอากาศความเร็วประมาณกันห่อหุ้มรอบพาหะแห่งการแหวกนั้นๆ
Q : ข้อก่อนหน้า มันใช่หรอ ? แต่ผมเคยทดลองวิ่งบนลู่วิ่งแล้วกระโดด ผมก็ไม่เห็นจะถูกผลักไปข้างหลังเลยนะ
A : ลองไปกระโดดบนรถหรือมอเตอร์ไซดูสิครับ
การวิ่งบนลู่วิ่ง มันคือ คุณกำลังออกแรงเพื่อเคลื่อนที่ เมื่ออยู่ๆคุณกระโดด มันคือการเอาพลังงานที่ใช้สร้างความเร็วไปแปลงเป็นพลังงานในการยกวัตถุสู้แรงโน้มถ่วง ดังนั้นมันหักล้างกันไปแล้ว และอาจจะมีการออกแรงเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำจากขาของคุณ แต่นั่นก็เพียงทำให้คุณมีพลังสู้แรงโน้มถ่วงมากขึ้น ผลที่ตามมาก็แค่ทำให้กระโดดได้สูงขึ้นไปอีก
ในขณะที่บนยานพาหนะ คุณม่ได้ออกแรงเพื่อเคลื่อนที่ซะหน่อย
นี่คือสิ่งที่ผมเคยสงสัยและหาคำตอบครับ
แต่มันมีอยู่ความสงสัยหนึ่งครับที่ผมหาคำตอบที่ผมยอมรับไม่เจอ
คือ ทำไมการเล่นโทรศัพท์บนยานพาหนะ ถึงทำให้มึนหัวครับ
จริงๆก็หาคำตอบเจอนะครับ ในกูเกิลบอกไว้ว่า
"เวลาสายตาเราจดจ่ออยู่กับหนังสือหรือหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่มีการเคลื่อนที่ ดวงตาจะส่งสัญญาณไปยังสมองบอกว่า ร่างกายไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งขัดแย้งกับสัญญาณจากหูชั้นใน, กล้ามเนื้อ หรือข้อต่อต่างๆ ที่รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวจากการสั่นสะเทือนของรถ ความขัดแย้งของสัญญาณนี้ส่งผลให้เกิดอาการเมารถนั่นเอง"
ก็ดูน่าเชื่อถือดีนะครับ แต่ว่า
ขอโต้แย้งที่ 1 - เล่นโทรศัพท์บนเครื่องบิน ไม่ได้ทำให้มึนซะหน่อย
อาจจะพออธิบายได้ ว่าแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องบิน มันน้อยมาก รวมถึงสิ่งที่นอกเห็นเมื่อมองออกนอกหน้าต่าง มันแทบจะเหมือนๆเดิม จนสมองเราแปรความ ว่าเราไม้ได้เคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่แบบช้ามากๆ
ขอโต้แย้งที่ 2 - เล่นโทรศัพท์บนรถ เราไม่ได้สามารถถือให้มันอยู่นิ่งๆได้ขนาดนั้นซะหน่อย
แขนเราก็ขยับนะครับในความเป็นจริง หรือมันเป็นเพราะพื้ืนที่โฟกัสเรามันน้อยเกินไป แค่หน้าจอค้างๆจนเหมือนเป็นการจำลองว่าหยุดนิ่งให้สมองไปแล้ว
ขอโต้แย้งที่ 3 - ข้อ 2 อาจจะจริง ผมเลยทดลอง ไม่เล่นโทรศัพท์ แต่จ้องไปที่อะไรสักอย่างในรถ ที่ยังคงเงื่อนไขเดิมแบบโทรศัพท์ คือไม่เห็นวิวภายนอกว่ากำลังเคลื่อนที่ ผลคือก็ไม่เห็นจะมึนเลยนะครับ
ทำไมการเล่นโทรศัพท์บนรถ ถึงทำให้มึนหัวครับ + บางคำถามคำตอบเกี่ยวกับความเร็วบนยานพาหนะที่น่าสนใจ
ซึ่งเป็นคำถามที่สร้างโดยผมเอง และคำตอบก็มาจากการหาข้อมูลและพยายามเข้าใจของผมเองนะครับ ถ้าผิดถูกยังไงก็อธิบายได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี่คือสิ่งที่ผมเคยสงสัยและหาคำตอบครับ
แต่มันมีอยู่ความสงสัยหนึ่งครับที่ผมหาคำตอบที่ผมยอมรับไม่เจอ
คือ ทำไมการเล่นโทรศัพท์บนยานพาหนะ ถึงทำให้มึนหัวครับ
จริงๆก็หาคำตอบเจอนะครับ ในกูเกิลบอกไว้ว่า
"เวลาสายตาเราจดจ่ออยู่กับหนังสือหรือหน้าจอโทรศัพท์ที่ไม่มีการเคลื่อนที่ ดวงตาจะส่งสัญญาณไปยังสมองบอกว่า ร่างกายไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งขัดแย้งกับสัญญาณจากหูชั้นใน, กล้ามเนื้อ หรือข้อต่อต่างๆ ที่รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวจากการสั่นสะเทือนของรถ ความขัดแย้งของสัญญาณนี้ส่งผลให้เกิดอาการเมารถนั่นเอง"
ก็ดูน่าเชื่อถือดีนะครับ แต่ว่า
ขอโต้แย้งที่ 1 - เล่นโทรศัพท์บนเครื่องบิน ไม่ได้ทำให้มึนซะหน่อย
อาจจะพออธิบายได้ ว่าแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องบิน มันน้อยมาก รวมถึงสิ่งที่นอกเห็นเมื่อมองออกนอกหน้าต่าง มันแทบจะเหมือนๆเดิม จนสมองเราแปรความ ว่าเราไม้ได้เคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่แบบช้ามากๆ
ขอโต้แย้งที่ 2 - เล่นโทรศัพท์บนรถ เราไม่ได้สามารถถือให้มันอยู่นิ่งๆได้ขนาดนั้นซะหน่อย
แขนเราก็ขยับนะครับในความเป็นจริง หรือมันเป็นเพราะพื้ืนที่โฟกัสเรามันน้อยเกินไป แค่หน้าจอค้างๆจนเหมือนเป็นการจำลองว่าหยุดนิ่งให้สมองไปแล้ว
ขอโต้แย้งที่ 3 - ข้อ 2 อาจจะจริง ผมเลยทดลอง ไม่เล่นโทรศัพท์ แต่จ้องไปที่อะไรสักอย่างในรถ ที่ยังคงเงื่อนไขเดิมแบบโทรศัพท์ คือไม่เห็นวิวภายนอกว่ากำลังเคลื่อนที่ ผลคือก็ไม่เห็นจะมึนเลยนะครับ