== กุ้ง ปู ปลา แช่แข็งแล้วเปื่อยยุ่ย ==
ป้องกันยังไงดี ไม่ใช้คำว่าแก้นะ เพราะว่า ถ้ามันเสียไปแล้ว แก้ไม่ได้
เคยมั้ยกินอาหารตามร้าน เจอ กุ้ง ปู ปลา โดยเฉพาะกุ้ง ที่เนื้อมันไม่สดเด้ง แต่ ออกไปทางยุ่ย เปื่อยๆ คล้ายแป้ง หรือตับเละไม่อร่อย
สาเหตุ ที่อาหารแช่แข็ง โดนเฉพาะกั้ง กุ้ง ปู เสียหาย ทานแล้วรู้สึกเปื่อยยุ่ย คล้ายแป้ง หรือ ตับบด
ส่วนใหญ่ เกิดจาการ ฟรีสและ ละลายกลับ ทำได้ไม่ดี ไม่ถูกวิธี
ทำให้ เนื้อสัตว์นั้นเสียหาย เนื่องจากเกิดเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่ในเซลไปทำลายเซล และ เมื่อละลายออกโดยเฉพาะถ้าไม่ถูกวิธี ก็ยิ่งมีการทำลายเนื้อเยื่อทำให้เปื่อยยุ่ยไม่อร่อย ขึ้นไปอีก
การจัดเก็บที่ดี แนะนำให้ ห่อซีลให้สนิทไม่ให้ความชื้นเสียออก และ ฟรีส ด้วยความเย็นจัด ให้มากสุด เช่นเกิน -35
หรือ ถ้าเป็นร้านอาหาร ดีๆ ถ้าเป็นพวกปลาที่ใช้ทำซาซิมิเกรดดี นี่ ควรลงไปถึง -60 กันเลย
ความเย็นที่ต่ำมากจะทำเนื้อสัตว์เย็นลงเร็วน้ำในเซลเปลี่ยนเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ทำลายเนื้อปลาน้อยกว่า การแช่แข็งที่ช้าๆ ซึ่งเกิดเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่กว่า
แต่ถ้าตามบ้าน เราไม่มี เย็นขนาด -35
ก็เอาเย็นสุดที่ช่องแช่แข็งเรามี เช่นของผม ที่ปกติ เป็นคนชอบ กินอาหาร
แต่อยู่บ้านนอก หาซื้อทานยากเลยต้องตุน ต้องใช้ตู้เย็นและตู้แช่ รวมกัน 6-7 ตู้สำหรับ สามคนในบ้าน 55555555

แต่ตู้แช่แข็งเฉพาะ สองตู้เล็ก นี่ ความเย็นตั้งสูงสุดได้แค่ -25

หรือพวกตู้เย็นสี่ประตู ที่มีตู้แช่แข็งได้เย็นสุดแยก ก็ได้ราวๆ -25 ส่วนช่องตู้เย็นธรรมดาผมจะเซ็ทไว้ราวๆ 4-5C
ส่วนถ้าพวกมีช่อง Smart Myzone ก็จะตั้งไว้ราวๆ 0 ถึง 1 ไว้เก็บอาหาร ที่เตรียม ไม่เก็บนานมาก ไม่ต้องการให้แข็ง พร้อมนำมาปรุง
ช่องแช่ ระดับ -24 ถึง -25 พวกนี้ก็พอใช้ได้ แต่จะเย็นช้าหน่อย
สังเกุตว่า ระยะหลังผมเปลี่ยนจาก Hitachi mitsu และ Electrolux มาเป็น Haier หมด ผมว่ามันสวย และ ถูกดี คุณภาพ ก็ดี
การแช่ อาจจะต้องให้ อาหาร ไม่เบียดกันเกิน เพื่อให้เย็นลงอย่างรวดเร็วทีสุด ลดการสร้างเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่ในเซล และทำลายเนื้อสัตวให้มากที่สุด
ส่วนตอนละลายกลับ นี่ ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญ และ ทำเสียของกันมาเยอะ
หลายคน Defrost หรือ ละลายเร็ว โดยใช้ ความร้อน เช่นน้ำร้อนราด หรือ ไมโครเวฟละลาย พวกนี้บางทีข้างนอก เนื้อสุกแล้ว แต่ข้างในยังไม่ละลาย
หรือ วางไว้ข้างนอกที่อุณหภูมิสูง โดยไม่ได้ซีล จะเสียความชื้น และ แบ็คทีเรียเติบโตได้
วิธีละลายที่ดีสุดคือ แนะนำให้ แช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา อุณหภูมิ ประมา 2-4 องศา (อุณหภูมิช่องแช่ปกติ) โดยอยู่ในซีล ให้มันค่อยละลายๆช้าๆ ข้ามวัน
และ อีกข้อที่สำคัญคือ ถ้าแช่แช็งอาหารจำนวนมาก ควรแบ่ง ซีลให้พอดี เป็น ขนาด Portion ตามจำนวนที่ต้องการทาน หรือ ใช้แต่ล่ะครั้ง
เวลาจะนำมาละลาย จะได้ หยิบออกละลายออกมาใช้ได้ง่ายเป็นครั้งๆ
และไม่เหลือ ให้ต้องกับเอาไปฟรีสใหม่ ซึ่งทำให้เนื้อเสียหายเพิ่ม
ตู้เย็นผม ทุกตัวที่ ตั้งความเย็นช่องแช่แข็งแยกได้ เลยตั้งไว้ ต่ำสุด -24 และ -25 หมด
ยกเว้นตู้ที่ใช้ที่ครัว ที่คอนโด
ที่แช่แต่ของที่ทานเล่นทั่วไป หรือ ไอซครีม

อันนั้น ช่องแช่แข็ง จะตั้งแค่ -16 ถึง -19 เท่านั้น
ที่มาบอก แชร์กัน เพราะว่าตัวเองก็เคยเจอปัญหา แบบนี้ และ เจอตามร้านบ่อยๆ
ล่าสุดก็เจอกับกุ้ง Langoustine ในร้านหรูมื้อนึง และคอมเพลนแจ้งร้านเค้าไป

เลยเอามาบอกกันต่อ จะได้กินของอร่อยๆ กัน [img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t8a/3/16/1f642.png[/img]
== แลกเปลี่ยน เทคนิคการถนอมอาหารแช่แข็ง ทำยังไงให้กุ้งสดเด้ง ==
ป้องกันยังไงดี ไม่ใช้คำว่าแก้นะ เพราะว่า ถ้ามันเสียไปแล้ว แก้ไม่ได้
เคยมั้ยกินอาหารตามร้าน เจอ กุ้ง ปู ปลา โดยเฉพาะกุ้ง ที่เนื้อมันไม่สดเด้ง แต่ ออกไปทางยุ่ย เปื่อยๆ คล้ายแป้ง หรือตับเละไม่อร่อย
สาเหตุ ที่อาหารแช่แข็ง โดนเฉพาะกั้ง กุ้ง ปู เสียหาย ทานแล้วรู้สึกเปื่อยยุ่ย คล้ายแป้ง หรือ ตับบด
ส่วนใหญ่ เกิดจาการ ฟรีสและ ละลายกลับ ทำได้ไม่ดี ไม่ถูกวิธี
ทำให้ เนื้อสัตว์นั้นเสียหาย เนื่องจากเกิดเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่ในเซลไปทำลายเซล และ เมื่อละลายออกโดยเฉพาะถ้าไม่ถูกวิธี ก็ยิ่งมีการทำลายเนื้อเยื่อทำให้เปื่อยยุ่ยไม่อร่อย ขึ้นไปอีก
การจัดเก็บที่ดี แนะนำให้ ห่อซีลให้สนิทไม่ให้ความชื้นเสียออก และ ฟรีส ด้วยความเย็นจัด ให้มากสุด เช่นเกิน -35
หรือ ถ้าเป็นร้านอาหาร ดีๆ ถ้าเป็นพวกปลาที่ใช้ทำซาซิมิเกรดดี นี่ ควรลงไปถึง -60 กันเลย
ความเย็นที่ต่ำมากจะทำเนื้อสัตว์เย็นลงเร็วน้ำในเซลเปลี่ยนเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ทำลายเนื้อปลาน้อยกว่า การแช่แข็งที่ช้าๆ ซึ่งเกิดเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่กว่า
แต่ถ้าตามบ้าน เราไม่มี เย็นขนาด -35
ก็เอาเย็นสุดที่ช่องแช่แข็งเรามี เช่นของผม ที่ปกติ เป็นคนชอบ กินอาหาร
แต่อยู่บ้านนอก หาซื้อทานยากเลยต้องตุน ต้องใช้ตู้เย็นและตู้แช่ รวมกัน 6-7 ตู้สำหรับ สามคนในบ้าน 55555555
แต่ตู้แช่แข็งเฉพาะ สองตู้เล็ก นี่ ความเย็นตั้งสูงสุดได้แค่ -25
หรือพวกตู้เย็นสี่ประตู ที่มีตู้แช่แข็งได้เย็นสุดแยก ก็ได้ราวๆ -25 ส่วนช่องตู้เย็นธรรมดาผมจะเซ็ทไว้ราวๆ 4-5C
ส่วนถ้าพวกมีช่อง Smart Myzone ก็จะตั้งไว้ราวๆ 0 ถึง 1 ไว้เก็บอาหาร ที่เตรียม ไม่เก็บนานมาก ไม่ต้องการให้แข็ง พร้อมนำมาปรุง
ช่องแช่ ระดับ -24 ถึง -25 พวกนี้ก็พอใช้ได้ แต่จะเย็นช้าหน่อย
สังเกุตว่า ระยะหลังผมเปลี่ยนจาก Hitachi mitsu และ Electrolux มาเป็น Haier หมด ผมว่ามันสวย และ ถูกดี คุณภาพ ก็ดี
การแช่ อาจจะต้องให้ อาหาร ไม่เบียดกันเกิน เพื่อให้เย็นลงอย่างรวดเร็วทีสุด ลดการสร้างเกล็ดน้ำแข็งขนาดใหญ่ในเซล และทำลายเนื้อสัตวให้มากที่สุด
ส่วนตอนละลายกลับ นี่ ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญ และ ทำเสียของกันมาเยอะ
หลายคน Defrost หรือ ละลายเร็ว โดยใช้ ความร้อน เช่นน้ำร้อนราด หรือ ไมโครเวฟละลาย พวกนี้บางทีข้างนอก เนื้อสุกแล้ว แต่ข้างในยังไม่ละลาย
หรือ วางไว้ข้างนอกที่อุณหภูมิสูง โดยไม่ได้ซีล จะเสียความชื้น และ แบ็คทีเรียเติบโตได้
วิธีละลายที่ดีสุดคือ แนะนำให้ แช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา อุณหภูมิ ประมา 2-4 องศา (อุณหภูมิช่องแช่ปกติ) โดยอยู่ในซีล ให้มันค่อยละลายๆช้าๆ ข้ามวัน
และ อีกข้อที่สำคัญคือ ถ้าแช่แช็งอาหารจำนวนมาก ควรแบ่ง ซีลให้พอดี เป็น ขนาด Portion ตามจำนวนที่ต้องการทาน หรือ ใช้แต่ล่ะครั้ง
เวลาจะนำมาละลาย จะได้ หยิบออกละลายออกมาใช้ได้ง่ายเป็นครั้งๆ
และไม่เหลือ ให้ต้องกับเอาไปฟรีสใหม่ ซึ่งทำให้เนื้อเสียหายเพิ่ม
ตู้เย็นผม ทุกตัวที่ ตั้งความเย็นช่องแช่แข็งแยกได้ เลยตั้งไว้ ต่ำสุด -24 และ -25 หมด
ยกเว้นตู้ที่ใช้ที่ครัว ที่คอนโด
ที่แช่แต่ของที่ทานเล่นทั่วไป หรือ ไอซครีม
อันนั้น ช่องแช่แข็ง จะตั้งแค่ -16 ถึง -19 เท่านั้น
ที่มาบอก แชร์กัน เพราะว่าตัวเองก็เคยเจอปัญหา แบบนี้ และ เจอตามร้านบ่อยๆ
ล่าสุดก็เจอกับกุ้ง Langoustine ในร้านหรูมื้อนึง และคอมเพลนแจ้งร้านเค้าไป
เลยเอามาบอกกันต่อ จะได้กินของอร่อยๆ กัน [img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t8a/3/16/1f642.png[/img]