ความยุติธรรมของผู้สร้างต่อสิ่งถูกสร้าง

ความยุติธรรมทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงแบ่งสันปันส่วนความยุติธรรมให้กับมนุษย์แต่ละคน ตามความเหมาะสม และความพยายามในการรักษาความยุติธรรมของเขา เราอาจจะเห็นว่า ในโลกใบนี้ มีความไม่ยุติธรรม มีความขัดแย้ง มีการรังแก ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

แต่ถ้าเราเชื่อในอัลลอฮฺ ผู้สร้าง ผู้ทรงบริหารจัดการทุกสิ่งอย่างเป็นระบบ และยุติธรรม เราจะค่อยๆ เห็นถึงการเคลียร์ปัญหาความไม่ยุติธรรมต่างๆ ของพระองค์ ผ่านผู้คน สถานการณ์ต่างๆ เช่น
- จากความเท็จ จะเกิดความจริงเป็นที่ประจักษ์ เช่น ใครถูกใส่ร้าย ความจริงก็เปิดเผย เพื่อนๆ หรือเพื่อนร่วมงานจะปกป้องเขา
- จากความไม่ยุติธรรม ตัดสินคดีผิด ก็มีการตัดสินใหม่อย่างถูกต้อง
- หรือแม้ในโลกนี้ เรื่องบางเรื่องจะไม่ยุติธรรมกับเขาเลย แต่โลกหน้าเขาจะได้รับความยุติธรรมจากพระเจ้าของเขาในวันตัดสินพิพากษา พระองค์จะทรงตัดสินอย่างยุติธรรม และมีความเมตตา

ผู้ที่รู้จักพระองค์ในคุณลักษณะของความยุติธรรมยิ่งของพระองค์ จะไม่ท้อง่ายๆ หากเขาได้รับความเดือดร้อนใดๆ ขอสามารถขอดุอาอ์ ขอความช่วยเหลือได้ พระองค์ทรงตอบรับดุอาอฺของผู้ที่เดือดร้อน แม้เขาจะยังไม่ศรัทธาต่อพระองค์ก็ตาม เราสามารถขอดุอาอฺได้ทุกเรื่อง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แม้ว่าเราจะมองว่ามันเล็กน้อย มันก็ยากสำหรับเราที่จะให้มันง่ายดายอยู่ดี ต้องพึ่งพระองค์ในการช่วยให้ง่ายดาย

พระองค์ทรงยุติธรรมต่อทุกสิ่งถูกสร้าง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เช่น
1. เด็กคนไหนยังไม่บรรลุศาสนภาวะ ก็ได้เข้าสวรรค์
ไม่ว่าเขาจะอยู่ในศาสนาใด หากเขาเสียชีวิตไปก่อนบรรลุศาสนภาวะ เขาก็ได้เข้าสวรรค์ของพระองค์ ผู้ที่อิสลามไปไม่ถึงเขา จะมีบททดสอบความศรัทธาในโลกหน้าแทน เพื่อดูความศรัทธาที่แท้จริงว่า เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์ รู้ว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า รู้ว่าสวรรค์-นรกมีจริง เขาจะทำตามคำสั่งใช้หรือไม่ วัลลอฮุอะอฺลัม

2. ใครอธรรมต่อใคร ก็ต้องชดใช้
เช่น นินนทา ว่าร้าย ความดีของคนอธรรมก็จะตกไปอยู่ที่คนถูกอธรรม จนกว่าจะถูกชดใช้จนหมด เราจึงต้องระวังตัวเองไม่ไปทำร้ายคนอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพื่อจะได้ไม่เสียดายกับความดีที่อุตส่าห์ทำไป แล้วกลายเป็นให้เขาแทน วัลอิยาซุบิลลาฮฺ นั้นคือบทลงโทษในโลกหน้า หากโลกนี้ไม่ได้ขอโทษคู่กรณี หรือขออภัยโทษต่อพระองค์

4. ความผิดบาปที่ทำไป ต้องชำระความผิดด้วย
เมื่อมีการขออภัยโทษต่อพระองค์แล้ว ก็จะมีการชำระความผิด ไม่ใช่ขออภัยโทษแล้วก็แล้วไป เช่น
- คนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ก็จะได้รับโทษ หรือจ่ายค่าชดเชยแทนให้แก่ญาติผู้ตาย หากญาติอภัยให้
- เจอบททดสอบเพื่อลบล้างความผิด บางครั้งอาจจะเจอเรื่องในแบบเดียวกับความผิดที่เราทำ เพื่อจะได้เข็ดไม่กล้าทำอีก เช่น ไปใส่ร้ายคนอื่น ว่าเขาเหมารวมจังหวัด ก็จะถูกว่าเหมารวมในนามจังหวัดด้วย
- มีการเจ็บป่วยจากการทำผิดในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หูอื้อ หูอักเสบ เพราะฟังสิ่งต้องห้าม หรือเป็นโรคเกี่ยวกับตา เพราะดูสิ่งต้องห้าม หรือการสูบบุหรี่ ทำให้เป็นโรคสโตรก มืออ่อนแรง หรือปวดขา เจ็บเข่า เท้ามีแผล เนื่องจากเดินไปในที่ที่ต้องห้าม แต่งกายไม่เรียบร้อย
- หากไม่อยากป่วยหรือได้รับบททดสอบหนัก ก็จะมีวิธีลบความผิดอื่น เช่น การบริจาคเป็นการลบล้างความผิดและรักษาโรค ซึ่งดีขึ้นเร็ว อินชาอัลลอฮฺ นอกจากนี้ก็ต้องทำความดีชดเชย ปรับปรุงแก้ไขความผิดที่เคยทำ เช่น เคยโพสต์ว่าใครไป ก็ไปลบให้หมด เป็นต้น

3. บทลงโทษมีความยุติธรรม
การจะลงโทษใครในโลกนี้ที่เป็นไปตามกฎหมายอิสลาม ซึ่งตรงกับอัลกุรอานได้ระบุไว้ ผู้ทำผิดจะต้องยอมรับในความผิดนั้น และมีการสอบสวนและสืบสวนหาหลักฐาน-พยานให้แน่ชัด และคนที่ลงโทษได้ ก็จะต้องถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่นั้นโดยเฉพาะ ไม่ใช่ใครก็ลงโทษใครได้ เช่น การทำซินา (ผิดประเวณี) คนที่ทำผิดจะมีการยอมรับ และมีพยานชัดเจน จึงจะลงโทษได้ ซึ่งบทลงโทษนั้นเหมาะสมตามลักษณะของความผิดนั้น การทำซินาเป็นความผิดที่ใช้ร่างกายไปในทางที่ผิด การลงโทษจึงโดนที่ร่างกาย และจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง เพียงกำหนดบทลงโทษคนก็กลัวไม่กล้าทำผิดแล้ว หรือถ้ายังกล้าที่จะทำผิด เมื่อมีผู้ใดถูกลงโทษจริง ก็จะไม่มีใครกล้าทำแล้ว มีบทลงโทษที่ชัดเจน ทำให้สังคมปลอดภัย เช่นที่ ซาอุดิอาระเบีย คนค้าขายก็พักไปละหมาดได้ โดยไม่ต้องล็อคร้านเลย

4. สร้างมนุษย์ มีคู่มือ ตัวอย่าง พร้อม
พระองค์สร้างมนุษย์มา ไม่ได้ให้ทำอะไรเอง หรือต้องลองผิดลองถูก เสี่ยงต่อการทำผิดบาป และปัญหาตามมา แต่พระองค์ให้ทุกอย่างมาครบ บอกหมดอะไรคือบุญ คือบาป คือสิ่งที่ต้องห้าม คือสิ่งที่ดี
- มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่แท้จริง มาพร้อมกับมนุษย์คนแรกของโลก
- มีศาสดาเป็นตัวอย่างและเผยแพร่คำสอน แนวทางการใช้ชีวิต มีตั้งแต่มนุษย์คนแรกของโลกเรื่อยมา 100,000 กว่าคน และมีศาสนทูตคนสุดท้ายคือนบีมุฮัมมัด บันทึกเป็นหะดีษ ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และปฏิบัติตามง่าย มีครบถ้วนโดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ปรัชญา คำคมที่อื่นใด เพราะคำสอนของนบีไม่ได้คิดเอง มาจากพระเจ้าดำริให้
- มีคัมภีร์เป็นคู่มือชีวิต อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้าย ที่บริสุทธิ์ ไม่มีการบิดเบือน สมบูรณ์ครบถ้วนในหลักคำสอน และเล่าถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ การสร้าง เหตุการณ์ปัจจุบันและอนาคต ในนั้นบอกชัดเจนว่า อะไรคือสิ่งต้องห้าม ไม่ดีกับมนุษย์ มีบทลงโทษ ทำแล้วเกิดความเสียหายกับชีวิตเขาและคนอื่นเดือดร้อน อะไรควรทำ ทำแล้วได้บุญ มีชีวิตที่ดีในโลกนี้และโลกหน้า ชีวิตของผู้ศรัทธาที่เรียนรู้อัลกุรอานและหะดีษ และทำตามคำสั่งใช้ ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งห้าม จึงมีชีวิตที่ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้ หรือรู้แต่ไม่ได้ทำ
- มีดุอาอฺ (วิงวอน ขอพร) เวลามีปัญหาเดือดร้อน อยากได้อะไร ไม่อยากเจออะไร ขอได้หมด แม้ว่าเราจะมองว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็กสำหรับพระองค์ แต่ไม่ได้เล็กน้อยสำหรับเราเลย พระองค์ทรงเฝ้าดูแลและคอยตอบรับการขอพรของมนุษย์ทุกคน เพราะเราทำเองไม่ได้ทั้งหมด และไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าอัลลอฮฺไม่ให้ แม้กระทั่งลมหายใจ เราก็ไม่สามารถเรียกลมหายใจได้ หากเราเสียชีวิต นบีมุฮัมมัดยังขอดุอาอฺตอนที่เชือกรองเท้าขาดเลย หากชีวิตเรามีปัญหาวุ่นวาย แก้ไม่จบสักที ลองทบทวนดีๆ เราได้ขอดุอาอฺต่อพระองค์บ่อยแค่ไหน หรือพึ่งพระองค์เป็นลำดับแรกหรือไม่

5. ผู้รับอิสลามใหม่ ผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว ความผิดหายไป ความดียังคงอยู่
- พระองค์ทรงอภัย ลบล้างความผิดที่ผ่านมาให้
- พระองค์ให้โอกาสมนุษย์ได้ศึกษาสัจธรรม ได้เรียนรู้หลักคำสอน และปรับปรุงตัวเอง
- ไม่ตัดสินอดีต/ปัจจุบันของเขา ให้ดูที่บั้นปลายชีวิตของเขา ใครเป็นชาวสวรรค์ เขาจะได้เป็นผู้ศรัทธาและได้ทำความดีก่อนตาย อินชาอัลลอฮฺ
- ส่วนผู้ใดเสียชีวิตไปในฐานะผู้ไม่ศรัทธาต่อพระองค์ เขาจะได้การตอบแทนความดีในโลกนี้จนหมด ไม่มีเหลือไปโลกหน้า มีแต่การลงโทษ วัลอิยาซุบิลลาฮฺ

อัลลอฮฺทรงบอกความจริงในสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด ผ่านดำรัสของพระองค์ (อัลกุรอาน) ผ่านศาสนทูตของพระองค์ (หะดีษ) ว่า พระเจ้ามีจริง มีองค์เดียว ดังนั้นจึงต้องเคารพภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียว ไม่มีใครมาเทียบเคียง/ตั้งภาคี ไม่ต้องมีตัวแทน แต่พอเวลาผ่านไป มนุษย์ก็ไปเคารพสิ่งอื่น ขอพรต่อสิ่งอื่นซึ่งไม่สามารถให้อะไรเขาได้ การไม่ศรัทธาต่อพระองค์ จะได้เข้าสวรรค์ของพระองค์ได้อย่างไร หรือการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์จะมีชีวิตที่ดีในโลกนี้และโลกหน้าได้อย่างไร  

6. แม้แต่สัตว์ที่ทำร้ายกัน ถ้าในโลกนี้ยังไม่เคลียร์ โลกหน้า พระองค์ก็จะทรงเคลียร์ให้ในวันพิพากษา (วันกิยามะฮฺ-วันฟื้นคืนชีพ) หลังวันสิ้นโลก

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ปากกาถูกยกเว้นจากสามประเภท คือ จากผู้หลับจนเขาตื่น จากเด็กจนเขาฝันเปียก(บรรลุศาสนภาวะ) และจากคนบ้าจนกระทั่งเขามีสติ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อบูดาวูด เลขที่ 4403)

นักวิชาการได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ภาระหน้าที่ทางศาสนาถูกยกเว้นสำหรับพวกเขา และการกระทำของพวกเขาที่เป็นบาปจะไม่ถูกบันทึก แต่การกระทำที่ดีจะถูกบันทึกสำหรับเด็กเล็ก ยกเว้นสำหรับคนวิกลจริตและคนหลับ เพราะทั้งสองอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างถูกต้องเนื่องจากขาดความรู้สึกตัว

- - -

ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ในวันกิยามะฮฺ พวกท่านจะต้องคืนสิทธิต่างๆ แก่เจ้าของสิทธิอย่างแน่นอน แม้กระทั่งแกะไม่มีเขาก็จะได้เอาคืนสิ่งที่แกะมีเขาได้เคยทำกับมันไว้” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2582)

ในวันกิยามะฮฺ (วันฟื้นคืนชีพ) นอกจากจะมีการตัดสินพิพากษามนุษย์แล้ว ยังมีการตัดสินสำหรับสัตว์ที่มีการอธรรมต่อกันด้วย หลังจากเคลียร์แล้ว สัตว์ก็จะกลายเป็นฝุ่นดิน แต่มนุษย์นั้นจะได้รับผลตอบแทนในสวรรค์-นรก วัลอิยาซุบิลลาฮฺ ขอพระองค์ทรงคุ้มครองให้เราห่างไกลจากการลงโทษในกุโบรและในนรกด้วยเถิด

วัลลอฮุอะอฺลัม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่