ญิฮาด (การต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า) กับเป้าหมายที่แท้จริง

การต่อสู้ ยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺ (ญิฮาด) เป็นการต่อสู้อย่างห้าวหาญของนักรบ มีความเป็นสุภาพบุรุษแม้จะอยู่ในสงคราม และหลังสงครามก็ปฏิบัติต่อเชลยศึกป็นอย่างดี ในเนื้อหานี้จะทำให้เข้าใจหลักการต่อสู้ที่ถูกต้องตามหลักการอิสลาม

“และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกรานแท้จริง อัลลอฮฺไม่ทรงชอบบรรดาผู้รุกราน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ 190)

การญิฮาดตามหลักการอิสลาม
1. ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ เมื่อยามจำเป็น
2. ไม่สู้รบกับคนที่ไม่มีลักษณะของนักรบ เช่น เด็ก สตรี คนชรา คนป่วย
3. ปฏิบัติกับเชลยศึกโดยเฉพาะกับสตรีอย่างดี ไม่ทำให้เขาตกใจ และให้เกียรติเช่นเดียวกับการให้เกียรติมุสลิมะห์ คือ ลดสายตาลงต่ำ หากต้องพูดคุยเมื่อยามจำเป็น
4. ไม่ทำลายศพของฝ่ายศัตรู
5. เมื่อมุสลิมชนะ เป็นฝ่ายปกครองดินแดนใด ผู้ปกครองต้องดูแลให้สวัสดิการเช่นเดียวกับคนในประเทศ
6. ไม่มีการบังคับให้นับถือศาสนาอิสลาม แต่การญิฮาดจำเป็นต้องเกิดขึ้นเมื่อเกิดความวุ่นวายและถูกรุกราน
7. มุสลิมไม่รบกับมุสลิม จะเข้าร่วมรบ เช็คก่อนว่าฝ่ายตรงข้ามคือใคร
(สรุปเนื้อหาจากยูทูบ ในตัฟซีรซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะห์ที่ 190-193)

“และจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าการก่อความวุ่นวาย จะไม่ปรากฏขึ้น และจนกว่าการอิบาดะฮฺ ทั้งหลายจะเป็นสิทธิของอัลลอฮฺเท่านั้น แต่ถ้าพวกเขายุติ ก็ย่อมไม่มีการเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ นอกจากแก่บรรดาผู้อธรรมเท่านั้น” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ 193)


- - -
ญิฮาด..หลักการรบตามแบบท่านนบี (หะดีษ) 
บุร็อยด๊ะฮฺ เล่าว่า : เมื่อใดก็ตามที่ท่านรอซูลุลลอฮฺแต่งตั้งผู้ใดให้เป็นผู้นำกองทัพหรือหน่วยทหาร ท่านจะกำชับเขาเป็นพิเศษว่า จงเกรงกลัวอัลลอฮฺและปฏิบัติต่อมุสลิมที่อยู่กับเขาด้วยดี ท่านจะกล่าวว่า “จงต่อสู้ด้วยพระนามของอัลลอฮฺและในหนทางของอัลลอฮฺ จงต่อสู้บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺ จงบุกเข้าไป แต่จงอย่าขโมย จงอย่าทรยศ อย่าทำลายศพ และอย่าฆ่าเด็ก” (ส่วนหนึ่งจากหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 1731)

ห้ามฆ่าผู้หญิงและเด็ก
อับดุลลอฮฺ บินอุมัรฺ เล่าว่า : ในการบุกจู่โจมครั้งหนึ่งมีคนพบว่าผู้หญิงถูกฆ่า ดังนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺจึงสั่งห้ามฆ่าผู้หญิงและเด็ก 
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 3015 และมุสลิม เลขที่ 1744)

วัยที่ได้รับอนุญาตให้ทำการต่อสู้
อิบนุอุมัรฺ เล่าว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺได้เรียกฉันไปพบในวันแห่งสงครามอุฮุด ตอนนี้ฉันอายุ 14 ปี และท่านไม่อนุญาตให้ฉันเข้าไปมีส่วนในการรบ แต่ท่านได้เรียกฉันไปพบในวันแห่งสงครามสนามเพลาะเมื่อฉันอายุ 15 ปีและท่านได้อนุญาตให้ฉันเข้าร่วมรบ 
(หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 2664 และมุสลิม เลขที่ 1868)


- - -
ผลบุญของผู้ที่ตายชะฮีด วิญญาณของบรรดาชะฮีด และประเภทของผู้เป็นชะฮีด 
1. ผลบุญของผู้ที่ตายชะฮีด (ผู้พลีชีพ)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “สำหรับชะฮีดนั้น ณ ที่อัลลอฮฺมีความพิเศษหกประการ : เขาจะได้รับการอภัยในตอนที่เลือดหยดแรกหลั่งออกมา และเขาจะได้เห็นที่นั่งของเขาในสวนสวรรค์ และเขาจะได้รับการปกป้องให้รอดพ้นจากการลงโทษในหลุมศพ และเขาจะปลอดภัยจากความตื่นตระหนกอันยิ่งใหญ่ และจะถูกสวมไว้บนศีรษะของเขาซึ่งมงกุฎอันยิ่งใหญ่ที่ซึ่งทับทิมของมันนั้นดีกว่าดุนยาและสิ่งที่มีอยู่ในดุนยา และเขาจะได้แต่งงานกับภรรยาเจ็ดสิบสองคนจากฮูรุลอีน และเขาจะได้รับอนุญาตให้ทำการอนุเคราะห์คนเจ็ดสิบคนจากญาติใกล้ชิดของเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัตติรมิซีย์ เลขที่ 1663)


2. วิญญาณของบรรดาชะฮีด
– รายงานหะดีษ จากจากมัสรูก : เราได้ถามอับดุลลอฮฺ บินมัสอู๊ด เกี่ยวกับอายะฮฺที่กล่าวว่า “และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮฺนั้นตาย มิได้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขา ในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ” (อัลกุรอาน 3:169) เขากล่าวว่า: เราก็เคยถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับความหมายของอายะฮฺนี้ และท่านได้กล่าวว่า “วิญญาณของพวกเขา (หมายถึงบรรดาชะฮีด) จะอยู่ในร่างนกสีเขียว และพักอยู่ในโคมที่แขวนเรียงรายอยู่ใต้อัรชฺ (บัลลังก์ของอัลลอฮฺ) โดยพวกเขาโบยบินอย่างอิสระในสรวงสวรรค์ตามที่พวกเขาประสงค์ แล้วก็กลับไปยังโคมเหล่านั้นตามเดิม จากนั้นพระผู้อภิบาลของพวกเขาก็ทรงปรากฏให้พวกเขาเห็น แล้วตรัสถามพวกเขาว่า ‘พวกเจ้าต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?’ พวกเขาตอบว่า “พวกเราจะอยากได้สิ่งใดอีกเล่า? ในเมื่อขณะนี้พวกเราก็อยู่ในสวรรค์อย่างมีอิสระตามที่พวกเราต้องการ” แล้วพระองค์ก็ตรัสเช่นนี้สามครั้ง เมื่อพวกเขาเห็นว่าพวกเขาจะยังคงถูกถามเช่นนี้อยู่ต่อไป พวกเขาก็กล่าวว่า: “โอ้ ผู้ทรงอภิบาลของเรา ได้โปรดให้วิญญาณของเรากลับเข้าร่าง เพื่อเราจะได้กลับไปถูกฆ่าตายในหนทางของพระองค์อีกครั้งเถิด” เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก พระองค์ก็ทรงหยุดถาม” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 1887)


3. ประเภทของผู้เป็นชะฮีด
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ในขณะที่คนผู้หนึ่งกำลังเดินอยู่ เขาเห็นกิ่งไม้ที่มีหนามกิ่งหนึ่งและเขาเอามันออกไปจากทาง อัลลอฮฺทรงชื่นชมการงานของเขาและให้อภัยเขาสำหรับสิ่งนั้น” และท่านได้กล่าวว่า “ผู้เป็นชะฮีดมีห้าประการ คือ ผู้ที่ตายด้วยโรคระบาด ผู้ที่ตายด้วยโรคท้องร่วง ผู้จมน้ำตาย ผู้ที่ตายอยู่ภายใต้สิ่งทับถม ผู้ถูกฆ่าในหนทางของอัลลอฮฺ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 652)

ในสงคราม มุสลิมมักจะมีจำนวนทหารน้อยกว่าฝ่ายศัตรู แต่เพราะความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ จึงสามารถชนะได้
“โอ้ นบี! จงปลุกใจผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในการสู้รบเถิด หากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามียี่สิบคนที่อดทน ก็จะชนะสองร้อยคน และหากปรากฏว่าในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคน ก็จะชนะพันคนในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่เข้าใจ บัดนี้อัลลอฮฺได้ทรงผ่อนผันแก่พวกเจ้าแล้ว และทรงรู้ว่า แท้จริงในหมู่พวกเจ้านั้นมีความอ่อนแอ ดังนั้นหากในหมู่พวกเจ้ามีร้อยคนที่อดทนก็จะชนะสองร้อยคน และหากในหมู่พวกเจ้ามีพันคนก็จะชนะสองพันคน ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันฟาล 65-66)

และเมื่อมีความขัดแย้งสงครามที่ใด เขาจะได้เห็นการรบที่มีคุณธรรมและการดูแลเชลยอย่างดีตามหลักการอิสลาม จะมีคนรับอิสลามตามมา อินชาอัลลอฮฺ
“เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮฺเป็นหมู่ ๆ ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนัศรฺ 1-3)

วัลลอฮุอะอฺลัม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่