🚶🏻♀️🚶🏻➡️🚶🏻♀️➡️🚶🏻♂️
คงเคยเห็นข่าวหรืองานวิจัยกันใช่ไหม ประมาณว่าเดิน 10,000 ก้าวลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ xx% หรือลุกมาออกกำลังกายเบา ๆ ก็ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพลดอัตราเสียชีวิต xx%
👉นี่แหละปัญหา
คือเวลาเราเทียบว่าสุขภาพดีขึ้น คือเทียบกันคนไม่ทำอะไรเลย คนสุขภาพแย่ ถ้าสมมติเรามี "มาตรวัดสุขภาพดี" อย่างในภาพคือแกนแนวตั้งของกราฟ (%สุขภาพดี) คือสุขภาพดีขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่แย่ (แต่ว่ามันอาจจะไม่ได้หมายถึง "การมีสุขภาพดี"
หลักของการออกกำลังกาย จึงมีเรื่องของ Progressive Overload เสมอ หรืออย่างคำแนะนำกิจกรรมทางกายสากลที่บอกว่า แอโรบิกเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 150 นาที หากเราทำไปถึง 300-600 นาทีก็ได้ประโยชน์เชิงสุขภาพเพิ่มเติมอีก
อีกปัญหาเลย คือ เมื่อเราเดิน ถ้าร่างกายเราอ่อนแอมาก หัวใจทำงานห่วยมาก --> เดินช่วงแรกมันอาจจะหนักปานกลางได้ คือทำให้เราเหนื่อยนิดหน่อย แต่พอเราฟิตขึ้นมันก็เบาไปแล้ว ประโยชน์ที่ได้ก็ค่อย ๆ หายไป อาจจะพอ Maintain
📌ปัญหาคือเราอาจจะ Maintain สุขภาพที่ %สุขภาพน้อย ๆ เหมือนรักษาพลังชีวิตไว้ระดับต่ำ ๆ ในคนสูงวัยผมเรียกว่ามีแหล่งพลังชีวิตสำรอง (Reserve) น้อย พอป่วยขึ้นมาทีก็ทรุดลงได้
ถ้าคนที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย ชีวิตเนือยนิ่งสุด ๆ ไอคำแนะนำแบบนี้ก็พอจะใช้ได้
แต่เราแนะนำมากเข้า มากเข้า มีคนจำนวนมากที่คิดว่าทำแค่นี้ก็พอ (ทั้งที่เขาอาจจะยินยอมทำมากขึ้น ถ้ารู้ประโยชน์ของมัน) กลายเป็นคนเหล่านี้เสียโอกาสไปเลย เพราะคำแนะนำทางสุขภาพแบบกว้าง ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงประชากรทุกกลุ่ม
👉ข้อมูลเรื่องโรคเรื้อรังแทบทุกโรค สนับสนุนให้ออกกำลังกายหนักปานกลาง-มาก แทบทั้งหมด และถ้าเป็นคนสูงวัย สิ่งที่ขาดไม่ได้คือมีการฝึกแบบมีแรงต้าน หรือยกน้ำหนัก ที่เพิ่มความหนักเรื่อย ๆ เราเรียกว่า "Progressive Resistance Training (PRT)"
มันคืออะไร --> ถ้าวันนี้เราทำบอดี้เวทสควอท --> เดือนหน้าก็ต้องถือดัมเบลเบา ๆ เพิ่ม --> เดือนถัดไปดัมเบลก็ต้องเป็นคนละลูกแล้วที่หนักขึ้น หรือเป็นอุปกรณ์ที่หนักกว่าอย่างบาร์เบล หรือจะใช้แมชชีนที่เพิ่มน้ำหนักได้ก็แล้วแต่
⭐️ออกกำลังกายเบา ๆ ทำให้คุณแค่สุขภาพดีขึ้นนิดหน่อย ไม่ได้ทำให้คุณสุขภาพดี ⭐️
Doctor Move
CR
https://www.facebook.com/share/1ANPiHGBMf/?mibextid=wwXIfr
ปัญหาของคำแนะนำ “เดิน 10,000 ก้าว / ออกกำลังกายเบา ๆ
คงเคยเห็นข่าวหรืองานวิจัยกันใช่ไหม ประมาณว่าเดิน 10,000 ก้าวลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ xx% หรือลุกมาออกกำลังกายเบา ๆ ก็ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพลดอัตราเสียชีวิต xx%
👉นี่แหละปัญหา
คือเวลาเราเทียบว่าสุขภาพดีขึ้น คือเทียบกันคนไม่ทำอะไรเลย คนสุขภาพแย่ ถ้าสมมติเรามี "มาตรวัดสุขภาพดี" อย่างในภาพคือแกนแนวตั้งของกราฟ (%สุขภาพดี) คือสุขภาพดีขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่แย่ (แต่ว่ามันอาจจะไม่ได้หมายถึง "การมีสุขภาพดี"
หลักของการออกกำลังกาย จึงมีเรื่องของ Progressive Overload เสมอ หรืออย่างคำแนะนำกิจกรรมทางกายสากลที่บอกว่า แอโรบิกเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 150 นาที หากเราทำไปถึง 300-600 นาทีก็ได้ประโยชน์เชิงสุขภาพเพิ่มเติมอีก
อีกปัญหาเลย คือ เมื่อเราเดิน ถ้าร่างกายเราอ่อนแอมาก หัวใจทำงานห่วยมาก --> เดินช่วงแรกมันอาจจะหนักปานกลางได้ คือทำให้เราเหนื่อยนิดหน่อย แต่พอเราฟิตขึ้นมันก็เบาไปแล้ว ประโยชน์ที่ได้ก็ค่อย ๆ หายไป อาจจะพอ Maintain
📌ปัญหาคือเราอาจจะ Maintain สุขภาพที่ %สุขภาพน้อย ๆ เหมือนรักษาพลังชีวิตไว้ระดับต่ำ ๆ ในคนสูงวัยผมเรียกว่ามีแหล่งพลังชีวิตสำรอง (Reserve) น้อย พอป่วยขึ้นมาทีก็ทรุดลงได้
ถ้าคนที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย ชีวิตเนือยนิ่งสุด ๆ ไอคำแนะนำแบบนี้ก็พอจะใช้ได้
แต่เราแนะนำมากเข้า มากเข้า มีคนจำนวนมากที่คิดว่าทำแค่นี้ก็พอ (ทั้งที่เขาอาจจะยินยอมทำมากขึ้น ถ้ารู้ประโยชน์ของมัน) กลายเป็นคนเหล่านี้เสียโอกาสไปเลย เพราะคำแนะนำทางสุขภาพแบบกว้าง ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงประชากรทุกกลุ่ม
👉ข้อมูลเรื่องโรคเรื้อรังแทบทุกโรค สนับสนุนให้ออกกำลังกายหนักปานกลาง-มาก แทบทั้งหมด และถ้าเป็นคนสูงวัย สิ่งที่ขาดไม่ได้คือมีการฝึกแบบมีแรงต้าน หรือยกน้ำหนัก ที่เพิ่มความหนักเรื่อย ๆ เราเรียกว่า "Progressive Resistance Training (PRT)"
มันคืออะไร --> ถ้าวันนี้เราทำบอดี้เวทสควอท --> เดือนหน้าก็ต้องถือดัมเบลเบา ๆ เพิ่ม --> เดือนถัดไปดัมเบลก็ต้องเป็นคนละลูกแล้วที่หนักขึ้น หรือเป็นอุปกรณ์ที่หนักกว่าอย่างบาร์เบล หรือจะใช้แมชชีนที่เพิ่มน้ำหนักได้ก็แล้วแต่
⭐️ออกกำลังกายเบา ๆ ทำให้คุณแค่สุขภาพดีขึ้นนิดหน่อย ไม่ได้ทำให้คุณสุขภาพดี ⭐️
Doctor Move
CR https://www.facebook.com/share/1ANPiHGBMf/?mibextid=wwXIfr