อันนี้เป็นเชิงทฤษฏีเท่านั้นนะครับ
คือแนวคิด เลี้ยงลูกเชิงพาณิชย์ คือ ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ปฏิสนธิกันในการสร้างลูกขึ้นมา ต้องวางแผนก่อน คือ
เมื่อลูกกำเนิดออกมา จะมีสัญญาให้ระหว่างพ่อกับแม่ 1 ฉบับ ในการทำข้อตกลงกันคือ ระหว่างเลี้ยงลูก พ่อกับแม่ก็จะเก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายเก็บไว้ทุกใบ
ตั้งแต่ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอด ค่านม แพมเพิส ค่าไปโรงเรียน ค่าเอนเตอร์เทนพาเที่ยว ค่าอาหาร ค่าของเล่น
เก็บไวทุกอย่างตั้งแต่ ฝากครรภ์จนโต พ่อแม่ก็เลี้ยงเหมือนครอบครัวทั่วไปครับ ให้ความรักความอบอุ่นตามปกติ
พอลูกเริ่มฟังความรู้เรื่อง ก็นั่งเปิดโต๊ะเจรจากับลูก ชี้แจงค่าใช้จ่ายให้ลูกฟัง พร้อมข้อเสนอให้ลูกฟัง คือ ถ้าลูกโตขึ้นหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ก็ให้จ่ายเป็นตัวเงินกลับมาให้พ่อแม่ บวกผลกำไรให้พ่อกับแม่ อาจจะเป็นการจ่ายแบบก้อนเดียว หรือ ผ่อนชำระจ่ายก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของลูก
โดยบอกกับลูกเป็นตัวเลขเงินชัดเจนไปเลย ต้นทุนค่าเลี้ยงดูบวกค่าเสียเวลาเสียโอกาสบวกอัตราเงินเฟ้อเข้าไป สมมุติว่าติราคา เป็นเงินชำระหนี้สัญญากตัญญกตเวทีมูลค่า 10 ล้านบาท ผ่อนชำระไปเรื่อยๆ ได้ หรือ ไปจ่ายก้อนเดียวจบ ลูกก็เป็นอิสระแยกทางกับพ่อแม่ได้ ไม่ต้องมาดูแลกันอีกต่อไป
ไม่ยุ่งเกี่ยวกันได้เลย แต่ถ้ายังคิดถึงกันก็มาเที่ยวหากันในฐานะเพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานกันประมาณนั้นได้ครับ
ในระหว่างทางพ่อแม่ก็จะลงทุนไปก่อน เมื่อลูกมีเป้าหมายแล้ว พ่อแม่ก็บอกสเต็ปต่อไป คือ ถามลูกว่าชอบอะไร และแนะแนวทางลูกว่าอาชีพไหนในอนาคต
ที่ผลตอบแทนสูงและ ROI สูง คืนทุนเร็ว จ่ายค่าฉีกสัญญากตัญญกตเวที เป็นอิสระได้เร็ว
เช่น นักฟุตบอลอาชีพในยุโรป ผลตอบแทนดี จ่ายค่าแรงเป็นวีค ในปีแรกก็ชำระหนี้พ่อแม่หมด
หรือ นักเทนนิส ล่าพวกรางวัลแกรนด์สแลม หรือนักกอล์ฟอาชีพ แทบไม่ต้องแบ่งใครกินเต็ม
หรือ เป็นเทรดเดอร์ นักเก็งกำไร ปั่นกำไรสร้างเนื้อสร้างตัว
หรือ นักค้าออนไลน์ โกยเงินจากงายขายไลฟ์สด
เป็นต้น
สมมุติว่าลูกได้เป้าหมายชัดเจน และชอบแล้ว พ่อแม่ก็ลงทุนไปเวย์นั้นให้สุดไปจนเป็นเลิศ
แบบนี้ลูกจะมีเป้าหมายชัดเจน มีแรงจูงใจ
แบบนี้น่าจะเรียกว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนไหมครับ
ย้ำนะครับ เป็นเชิงทฤษฏี ที่แปลงการตอบแทนบุญคุณเป็นตัวเลขเชิงพาณิชย์
แต่ผมเชื่อว่าระหว่างทาง พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยความรัก อบอุ่น ไม่มีความรุนแรงทำร้ายร่างกายจิตใจในครอบครัว ลูกจะได้ประสบการณ์ที่ดี
ถึงแม้ชำระความกตัญญูกตเวทีเป็นตัวเลขไปแล้ว แต่คิดว่า ลูกคงมีใจรักไปมาหาสู่พ่อแม่อยู่ครับ
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร?
ทฤษฏี เลี้ยงลูกเชิงพาณิชย์ ตอบแทนบุญคุณเป็นตัวเลข คิดว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนไหมครับ
อันนี้เป็นเชิงทฤษฏีเท่านั้นนะครับ
คือแนวคิด เลี้ยงลูกเชิงพาณิชย์ คือ ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ปฏิสนธิกันในการสร้างลูกขึ้นมา ต้องวางแผนก่อน คือ
เมื่อลูกกำเนิดออกมา จะมีสัญญาให้ระหว่างพ่อกับแม่ 1 ฉบับ ในการทำข้อตกลงกันคือ ระหว่างเลี้ยงลูก พ่อกับแม่ก็จะเก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายเก็บไว้ทุกใบ
ตั้งแต่ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอด ค่านม แพมเพิส ค่าไปโรงเรียน ค่าเอนเตอร์เทนพาเที่ยว ค่าอาหาร ค่าของเล่น
เก็บไวทุกอย่างตั้งแต่ ฝากครรภ์จนโต พ่อแม่ก็เลี้ยงเหมือนครอบครัวทั่วไปครับ ให้ความรักความอบอุ่นตามปกติ
พอลูกเริ่มฟังความรู้เรื่อง ก็นั่งเปิดโต๊ะเจรจากับลูก ชี้แจงค่าใช้จ่ายให้ลูกฟัง พร้อมข้อเสนอให้ลูกฟัง คือ ถ้าลูกโตขึ้นหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ก็ให้จ่ายเป็นตัวเงินกลับมาให้พ่อแม่ บวกผลกำไรให้พ่อกับแม่ อาจจะเป็นการจ่ายแบบก้อนเดียว หรือ ผ่อนชำระจ่ายก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของลูก
โดยบอกกับลูกเป็นตัวเลขเงินชัดเจนไปเลย ต้นทุนค่าเลี้ยงดูบวกค่าเสียเวลาเสียโอกาสบวกอัตราเงินเฟ้อเข้าไป สมมุติว่าติราคา เป็นเงินชำระหนี้สัญญากตัญญกตเวทีมูลค่า 10 ล้านบาท ผ่อนชำระไปเรื่อยๆ ได้ หรือ ไปจ่ายก้อนเดียวจบ ลูกก็เป็นอิสระแยกทางกับพ่อแม่ได้ ไม่ต้องมาดูแลกันอีกต่อไป
ไม่ยุ่งเกี่ยวกันได้เลย แต่ถ้ายังคิดถึงกันก็มาเที่ยวหากันในฐานะเพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานกันประมาณนั้นได้ครับ
ในระหว่างทางพ่อแม่ก็จะลงทุนไปก่อน เมื่อลูกมีเป้าหมายแล้ว พ่อแม่ก็บอกสเต็ปต่อไป คือ ถามลูกว่าชอบอะไร และแนะแนวทางลูกว่าอาชีพไหนในอนาคต
ที่ผลตอบแทนสูงและ ROI สูง คืนทุนเร็ว จ่ายค่าฉีกสัญญากตัญญกตเวที เป็นอิสระได้เร็ว
เช่น นักฟุตบอลอาชีพในยุโรป ผลตอบแทนดี จ่ายค่าแรงเป็นวีค ในปีแรกก็ชำระหนี้พ่อแม่หมด
หรือ นักเทนนิส ล่าพวกรางวัลแกรนด์สแลม หรือนักกอล์ฟอาชีพ แทบไม่ต้องแบ่งใครกินเต็ม
หรือ เป็นเทรดเดอร์ นักเก็งกำไร ปั่นกำไรสร้างเนื้อสร้างตัว
หรือ นักค้าออนไลน์ โกยเงินจากงายขายไลฟ์สด
เป็นต้น
สมมุติว่าลูกได้เป้าหมายชัดเจน และชอบแล้ว พ่อแม่ก็ลงทุนไปเวย์นั้นให้สุดไปจนเป็นเลิศ
แบบนี้ลูกจะมีเป้าหมายชัดเจน มีแรงจูงใจ
แบบนี้น่าจะเรียกว่าเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนไหมครับ
ย้ำนะครับ เป็นเชิงทฤษฏี ที่แปลงการตอบแทนบุญคุณเป็นตัวเลขเชิงพาณิชย์
แต่ผมเชื่อว่าระหว่างทาง พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยความรัก อบอุ่น ไม่มีความรุนแรงทำร้ายร่างกายจิตใจในครอบครัว ลูกจะได้ประสบการณ์ที่ดี
ถึงแม้ชำระความกตัญญูกตเวทีเป็นตัวเลขไปแล้ว แต่คิดว่า ลูกคงมีใจรักไปมาหาสู่พ่อแม่อยู่ครับ
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร?