ในหมอก

ไอหมอกเย็นชื้นของหมู่บ้านตีนเขาเกาะกินผิวของกร ราวกับจะซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก มันไม่เหมือนหมอกยามเช้าที่สดชื่น แต่เป็นม่านทึบสีเทาที่แขวนนิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่ยอมจางหายแม้ตะวันจะลอยสูงเด่นอยู่กลางฟ้า สำหรับคนอื่น มันอาจเป็นเพียงปรากฏการณ์ประหลาด แต่สำหรับกร...มันคือสมรภูมิ
​กรในวัย 33 ปี มีร่างกายที่แข็งแรงเกินกว่าจะถูกปลดประจำการ แต่จิตใจของเขาได้ตายไปแล้วในสนามรบที่เวียดนาม เสียงปืนใหญ่ยังคงดังก้องอยู่ในหู เสียงกรีดร้องยังคงตามหลอกหลอนในความฝัน และที่เลวร้ายที่สุด คือเสียงกระซิบของเพื่อนทหารที่ตายไปในอ้อมแขนของเขา
​“ทิ้งกูทำไมวะ...กร”
​เสียงของ "ยอด" เพื่อนรักของเขายังคงชัดเจนเสมอ กรหลับตาลง พยายามสลัดมันทิ้ง แต่ภาพใบหน้าที่เปื้อนเลือดและแววตาที่ตัดพ้อของยอดก็ผุดขึ้นมาแทนที่
​เขากลับมาบ้านเกิดในสภาพของวีรบุรุษผู้บาดเจ็บ แต่ไม่มีใครรอต้อนรับเขา บ้านไม้หลังเล็กที่เคยเปี่ยมด้วยเสียงหัวเราะ บัดนี้เงียบงันและเย็นเยียบ ภรรยาของเขา... "พิมพ์" จากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงคำพูดเสียดแทงจากเพื่อนบ้านว่าเธอหนีไปอยู่กับ "เดช" เพื่อนสนิทอีกคนของเขา คนที่ไม่ได้ไปรบเพื่อชาติเหมือนเขา
​กรไม่ได้รู้สึกโกรธ...เขาแค่ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป โลกทั้งใบของเขาหดแคบลง เหลือเพียงม่านหมอก ป่าเขา และปืนเล็กยาว M16 ที่เขาแอบนำกลับมาด้วย มันคือสิ่งเดียวที่ยังเชื่อมโยงเขากับตัวตนเก่า...ตัวตนที่เป็นทหาร
​วันนี้หมอกลงจัดเป็นพิเศษ กรนั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านร้างของตัวเอง มือลูบไล้ไปตามผิวโลหะเย็นเฉียบของปืนคู่ใจ เสียงในหัวเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เสียงของยอด แต่เป็นเสียงตะโกนโหวกเหวกเป็นภาษาที่เขาไม่เข้าใจ เสียงของพวกเวียดกง
​พวกมันมาแล้ว...พวกมันตามมาถึงนี่
​ทันใดนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแสงไฟตะเกียงวูบไหวในเงาบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในม่านหมอก เงาตะคุ่มของคนสองคนเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน หัวใจของกรเต้นรัว ความทรงจำอันเลวร้ายในป่าดงดิบทะลักเข้ามาท่วมท้น เขากำปืนแน่น เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นตามไรผม
​“ข้าศึกเข้าตี! เข้าตี!” เสียงผู้หมวดดังก้องในโสตประสาท
​กรคลานต่ำลงจากแคร่ ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี เขาไม่ได้เห็นบ้านไม้หลังนั้นอีกต่อไป แต่เห็นเป็นบังเกอร์ของศัตรูที่ต้องทำลายล้างให้สิ้นซาก
​แคร่ก!
​เขาขึ้นนก เสียงกลไกของปืนดังแห้งผากในความเงียบ เขาประทับปืนเข้ากับบ่า เล็งไปที่แสงไฟนั้น...แล้วเหนี่ยวไก
​ตัง! ตัง! ตัง! ตัง! ตัง!
​เสียงปืน M16 ฉีกกระชากความสงบของขุนเขา กระสุนเจาะทะลวงผนังไม้กระดานของบ้านหลังนั้นราวกับกระดาษ เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นแว่วหนึ่ง ก่อนจะเงียบหายไปพร้อมกับเสียงปืนที่ยังคงดังต่อเนื่องเป็นชุด กรยิงจนหมดแม็กกาซีน...แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน เหลือเพียงเสียงหอบหายใจของตัวเขาเอง
​ความเงียบหลังเสียงปืนนั้นน่ากลัวเสมอ มันดึงเขากลับมาจากสนามรบในหัว กรยืนขึ้นช้าๆ เดินโซซัดโซเซไปยังบ้านหลังนั้นราวกับคนละเมอ กลิ่นดินปืนคละคลุ้งผสมกับกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ลอยมากับสายลม
​เขาผลักประตูที่พรุนไปด้วยรูกระสุนเข้าไป...
​ภาพที่เห็นทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาชาวาบ ร่างสองร่างนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นไม้ ร่างหนึ่งคือเดช เพื่อนของเขา อีกร่างคือพิมพ์ ภรรยาที่ทิ้งเขาไป ใบหน้าของทั้งคู่แหลกเหลวจนแทบจำไม่ได้...แต่กรจำได้ จำชุดผ้าถุงลายดอกที่พิมพ์ชอบใส่ได้
​เขาไม่ได้ตกใจ ไม่ได้เสียใจ หรือรู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขามองร่างไร้วิญญาณทั้งสองด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา...เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากความยินดีใดๆ มันเป็นเพียงรอยยิ้มของคนที่ภารกิจได้เสร็จสิ้นลงแล้ว สงครามของเขาจบแล้วจริงๆ
​กรหันหลังกลับ เดินออกจากบ้านหลังนั้น ปล่อยให้ร่างทั้งสองนอนนิ่งอยู่เบื้องหลัง เขาเดินอย่างไร้จุดหมาย ลึกเข้าไปในป่าที่รกชัฏและมืดมิดเพราะม่านหมอก เท้าของเขาก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ใต้ต้นตะเคียนใหญ่ต้นหนึ่งที่ยืนตระหง่านเพียงลำพังบนเนินเล็กๆ
​"ที่นี่...ที่นี่แหละดีแล้ว" เขาพึมพำกับตัวเอง
​ขณะที่เขายกปากกระบอกปืนขึ้นจ่อที่ขมับตัวเองนั้นเอง...ในม่านหมอกเบื้องหน้า ภาพของยอดและเพื่อนทหารคนอื่นๆ ที่เสียชีวิตไปก็ปรากฏขึ้น พวกเขายืนรออยู่ ในชุดเครื่องแบบทหารที่สมบูรณ์ ไม่มีบาดแผล ไม่มีคราบเลือด ทุกคนกำลังยิ้มให้เขา...เป็นรอยยิ้มของการต้อนรับกลับบ้าน
​“พวกกูมารับแล้ว...เพื่อน”
​น้ำตาหยดแรกและหยดสุดท้ายของกรไหลรินลงอาบแก้มที่ซูบตอบ เขายิ้มตอบเพื่อนๆ ของเขา เป็นรอยยิ้มที่แท้จริงครั้งแรกในรอบหลายปี
​เสียงปืนนัดสุดท้ายดังขึ้น...แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน จมหายไปกับม่านหมอกที่ไม่มีวันจางหายไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่