บันทึกฝันที่ 404 ตอนที่ 2 ห้องเรียนเก่า

เช้าวันถัดมา แสงแดดอุ่นจัดของสายวันใหม่สาดลงบนสนามหญ้ากว้างของมหาวิทยาลัย ใบหญ้าเปียกชื้นสะท้อนประกายวาวเหมือนคริสตัล แต่กลับไม่มีความอบอุ่นใดซึมซับเข้าไปถึงใจของมินเลย แม้ร่างกายได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ความหนาววูบในอกยังคงกดแน่น ตั้งแต่เขาลืมตาจนถึงเวลานี้
ตลอดทั้งเช้า คำเพียงประโยคเดียววนเวียนอยู่ในหัวเหมือนเสียงสะท้อนที่ไม่มีวันจาง—

“ฉันก็อยู่ที่นั่น…หลังประตู”

บล็อกของเขาแทบไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำ แล้วใครกันที่สามารถโผล่มาทิ้งข้อความในเวลาที่ตรงพอดีกับฝันเมื่อคืน? ยิ่งคิด เขายิ่งรู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งเฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ จากที่ที่เขาไม่อาจเอื้อมถึง

         อากาศของมหาวิทยาลัยเช้าวันนั้นแปลกประหลาด แดดแรงจนแสบตา แต่ลมที่พัดผ่านผิวกลับเย็นจัดอย่างผิดฤดูกาล เหมือนสองสภาพอากาศที่ไม่ควรอยู่ร่วมกันกำลังทับซ้อนในที่เดียว
มินไม่อยากปะปนกับเพื่อนนักศึกษาคนอื่น เขาจึงเลือกเดินเลี่ยงไปตามทางอ้อมที่เงียบสงัด เส้นทางที่พาเขาเข้าสู่ ตึกเรียนเก่า—อาคารที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมานานหลายปี
     กำแพงผุกร่อน สีลอกล่อนหลุดเป็นแผ่นใหญ่ เถาวัลย์พันเกี่ยวกับหน้าต่างแตก ๆ จนเหมือนบาดแผลบนร่างคนแก่ เสียงนกพิราบบินวนอยู่เหนือหลังคาพร้อมเสียงกระพือปีกวุ่นวายที่สะท้อนก้องในโพรงว่างเปล่า ทั้งหมดนั้นโอบล้อมอาคารให้ดูหนักอึ้งและอับชื้นจนไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่ควรจะคงอยู่
มีเรื่องเล่าซ้ำ ๆ ว่าอาคารนี้ถูกหลอกหลอนโดยวิญญาณอาจารย์ที่เคยสอนหนังสือและไม่เคยได้จากไป แต่ทุกครั้งที่ได้ยิน มินมักหัวเราะขำ เขาไม่เคยเชื่อเรื่องเล่าเหล่านั้น ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับด้วยซ้ำ…

จนกระทั่งวันนี้

สายตาของเขา หยุดนิ่ง ไปทันทีที่มองขึ้นไปยังชั้นสี่ ทางเดินที่ทอดยาวมืดครึ้มราวกับท้องถ้ำ และที่ปลายสุด…

บานประตูไม้เก่า

มันคือบานเดียวกับที่เขาเห็นในฝันเมื่อคืน—สีดำผุกร่อน เศษไม้แหลมโผล่พรายราวกับฟันเน่า และที่เด่นชัดที่สุดคือ แผ่นเหล็กสนิมแดงคล้ำ ที่ตอกตรึงตัวเลขเพียงสามตัว—404
ทุกอย่างตรงกันอย่างสมบูรณ์แบบราวกับถูกก็อปปี้จากความฝันมาสู่โลกจริง

“เป็นไปไม่ได้…”

เสียงพึมพำสั่นเครือหลุดออกมาจากริมฝีปาก มือสองข้างขนลุกเกรียวทันที เขาจำได้ชัดว่าเคยเดินผ่านทางนี้หลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นประตูบานนี้มาก่อนเลย
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ขาของเขาก็พาตัวเองขึ้นบันไดมาจนยืนอยู่เบื้องหน้ามันแล้ว
บรรยากาศรอบตึกหนาทึบเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยเงามืด ถึงจะเป็นยามสาย แสงแดดก็แทบส่องเข้ามาไม่ถึง ราวกับที่นี่เป็นโลกอีกใบที่ถูกตัดขาดออกไป

บรรยากาศยังกับฉากหนังสยองขวัญแน่ะ”

มินบ่นกับตัวเองขณะมองไปรอบๆ
หัวใจของมินเต้นแรง เขาไม่กล้าเข้าใกล้มากไปกว่านี้ จึงทำได้เพียงยืนมองมันนิ่งอยู่นาน—ยิ่งจ้อง ยิ่งรู้สึกเหมือนบานประตูกำลังจ้องกลับมา

 

 
ครืดด… ครืดด…

เสียงแผ่วต่ำดังขึ้นจากด้านใน คล้ายขาโต๊ะหรือเก้าอี้ถูกลากครูดไปบนพื้นคอนกรีต เสียงยาว เนิบ และเย็นยะเยือกเหมือนเสียงลากห่วงโซ่ในความฝัน
มินเผลอถอยกรูดไปสามก้าว หายใจติดขัด แต่หัวใจกลับเร่งร้อนด้วยความอยากรู้อยากเห็นยิ่งกว่าความหวาดกลัว เขาค่อย ๆ เดินกลับมา ยกมือขึ้น ทาบบนแผ่นไม้เย็นเฉียบที่เต็มไปด้วยเสี้ยนแหลม และก้มลงแนบหูฟัง…
เสียงหายใจ…เบาและถี่อยู่ด้านใน ไม่ใช่เสียงเดียว แต่เป็น หลายเสียง ซ้อนทับกันราวกับผู้คนจำนวนมากยืนอัดแน่นอยู่หลังประตู

ตึง!

เสียงกระแทกดังลั่นสนั่นบานประตูราวกับใครบางคนทุบจากด้านใน มินสะดุ้งเฮือก รีบถอยกรูดแทบจะหงายล้ม ก่อนหันหลังวิ่งสุดแรงลงบันได เสียงก้องฝีเท้าตัวเองสะท้อนวนอยู่ในโถงร้างนั้นไม่ต่างจากเสียงของคนกำลังถูกไล่ตาม
เขาไม่หยุดจนกระทั่งทะลุออกมาเจอแสงแดดแรงกล้าและผู้คนที่เดินขวักไขว่ด้านนอก
 

 
คืนนั้น มินกลับมานั่งหน้าจอโน้ตบุ๊กอีกครั้ง ใจยังคงสั่นไม่หยุด เขาพิมพ์ลงบล็อกด้วยมือที่ยังสั่นเล็กน้อย

“มันไม่ใช่แค่ฝัน… ห้องนั้นมีจริง ห้อง 404”

เมื่อกดโพสต์ เขานั่งนิ่งอยู่นาน เหมือนทุกอย่างกลับเข้าสู่ปกติ เงียบสงบเกินไป จนเขาเริ่มคิดว่าบางทีตัวเองอาจคิดมากไปเอง
แต่แล้ว—
ไฟในห้องกะพริบวูบเดียว ก่อนดับลงทั้งดวง เหลือเพียงแสงจากหน้าจอโน้ตบุ๊กที่สว่างกระพริบเป็นจังหวะเหมือนหัวใจของใครบางคน
บรรทัดข้อความใหม่ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาเองบนหน้าจอ ทั้งที่เขาไม่ได้แตะต้องแป้นพิมพ์

“…นายหาเราเจอแล้ว…”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่