บันทึกฝันที่ 404 ตอนที่ 11 ประตูสองบาน

 
คาเฟ่เล็กริมถนนฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยในยามค่ำ เงียบสงัดจนได้ยินเสียงเก้าอี้ไม้เสียดสีกับพื้นปูน ยามินทร์นั่งรออยู่ก่อน ใบหน้าอิดโรยจากการนอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืน
มัชฌามาถึงเป็นคนแรก เธอวางกระเป๋าสะพายลง มือยังสั่นเล็กน้อยเหมือนคนเพิ่งผ่านฝันร้ายมาไม่กี่ชั่วโมง ดวงตาที่เคยสดใสกลับเต็มไปด้วยร่องรอยเหนื่อยล้า และความหวาดหวั่นที่เธอพยายามซ่อน
แล้วพลบก็มาถึงในที่สุด เขาสูงใหญ่ สีหน้าขึงขัง ดวงตาดำลึกคล้ายแบกอะไรบางอย่างมานานเกินไป เขาแทบไม่มองหน้าสองคนตรงข้าม เพียงเอ่ยเสียงต่ำว่า
“เราต้องไปดูให้ชัด ๆ ว่ามันยังอยู่ที่นั่นจริงหรือไม่”
 

 
โรงแรมเก่า
ทั้งสามไปยังโรงแรมเก่าด้านหลังตึกที่อุษาเคยทำงาน
ตัวอาคารทรุดโทรม เงามืดทับซ้อนบนผนังร้าว กลิ่นฝุ่นและความเก่ากรุ่นอยู่ในอากาศ
พวกเขาเดินไปตามทางเดินแคบที่สว่างเพียงแสงไฟฉายในมือมัชฌา
แต่ไม่ว่าพลบจะไล่ตรวจทีละห้อง หรือมัชฌาจะส่องไฟหามุมที่อุษาเคยบอกเล่า—
ไม่มีร่องรอยของห้อง 389 ไม่มีแม้แต่ป้ายหมายเลขที่เคยถูกติดไว้
มันเหมือน ไม่เคยมีอยู่จริง
ความเงียบแน่นหนาบีบรัดทั้งสามคน ราวกับผนังเองก็กำลังฟังพวกเขาอยู่
 

 
ตึกเรียนเก่า
วันถัดมา พวกเขาไปยังตึกเรียนร้าง
แสงแดดสายส่องลอดผ่านหน้าต่างแตก ๆ เป็นลำฝุ่นลอยคว้างในอากาศ
และที่ชั้นสี่… มันอยู่ตรงนั้นสำหรับยามินทร์
ประตูสีดำสนิท ตั้งตระหง่านผิดที่ผิดทาง ขอบบานเปื้อนคราบคล้ำราวกับถูกไฟเผา
หัวใจเขาเต้นรัว แต่เมื่อหันไปบอกอีกสองคน—
มัชฌากับพลบกลับมองเห็นเพียง “ประตูห้องเก็บของธรรมดา”
“นายแน่ใจนะ มิน?” มัชฌาถาม เสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันเห็นมันอยู่ตรงหน้าเลย” เขาตอบมั่นคง แต่เสียงแผ่วราวกับกลัวว่าจะปลุกบางสิ่งขึ้นมา
พลบเดินเข้าไปข้างประตู ยกมือจับลูกบิดพลางหันมามองยามินทร์
“ถ้างั้น… ลองเปิดดู”
“อย่า!” มัชฌาร้องทันที คว้าแขนเขาไว้แน่น
“นายไม่รู้หรอกว่าข้างในมันคืออะไร—”
แต่พลบสะบัดออกด้วยแรงโมโห แล้วผลักบานประตูออกเต็มแรง
เสียง เอี๊ยด ของบานพับดังสะท้อนห้องโถงร้าง
สิ่งที่เผยออกมา… คือเพียงห้องเก็บไม้กวาดกับถังน้ำธรรมดา
ฝุ่นจับหนา กลิ่นอับชื้นลอยออกมา ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงา ไม่มีเสียงเรียก ไม่มีบรรยากาศลี้ลับ
พลบหันกลับมายิ้มเยาะเล็กน้อย
“เห็นมั้ย? ทั้งหมดมันอยู่ในหัวของนาย”
แต่ยามินทร์กลับยืนนิ่ง ใจเต้นแรงจนแทบแตกออก
เพราะต่อหน้าเขา—ยังคงเป็น ประตูดำมืด ที่ปิดสนิท ราวกับไม่เคยถูกเปิดเลยแม้แต่น้อย
 

 
ค่ำคืนนั้น ยามินทร์หลับไปด้วยความสับสน และความฝันก็กลืนเขาอย่างรวดเร็ว
เขากลับมาอยู่หน้าห้องเรียนว่างเปล่าอีกครั้ง
ประตูสีดำยืนหยัดอยู่เบื้องหน้า ราวกับรอคอยเขามาแต่แรก
คราวนี้… มีใครบางคนยืนอยู่กลางห้อง
ร่างบอบบาง สวมชุดพนักงานโรงแรมเก่า ๆ ผมยาวสยายปิดแก้มซีด—

อุษา
“.........…” เธอขยับปากเรียวซีดเหมือนจะพูดอะไร แต่เสียงแผ่วเบาและขาดหาย ดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนและความสิ้นหวัง
ยามินทร์ก้าวไปข้างหน้า แต่ยังไม่ทันได้เอื้อมมือหาเธอ—
ความมืดด้านหลังค่อย ๆ แหวกออก เผยร่างสูงในชุดสูทสีขาว
ใบหน้าของเขายังคงพร่ามัว มองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่รอยยิ้มบางเฉียบกลับทำให้เลือดในกายเย็นวาบ
เสียงเขาทุ้มต่ำแทรกเข้าในหูเหมือนกระซิบ...มันใกล้เกินไป
“เจ้าหนุ่ม… ถึงเวลาเลือกแล้ว”
เขาชี้มือไปยังสองบานประตูที่ปรากฏขึ้นพร้อมกัน
หนึ่งคือ บานในฝัน ที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า
อีกหนึ่งคือ บานจริงในโลกตื่น ที่โผล่ขึ้นกลางห้องเรียนในฝันอย่างบิดเบี้ยว
“จงเลือกเปิดสักบาน หากอยากจบฝันร้าย”
เขายิ้มกว้างขึ้น เสียงหัวเราะเบา ๆ ลอดออกมาเหมือนเสียงกรีดโลหะ
“แต่จงเลือกให้ดี… เพราะเมื่อเปิดแล้ว ไม่มีวันย้อนคืน”
อุษายืนร้องไห้อยู่ตรงกลาง สองมือสั่นไหวราวกับจะคว้ามือเขาแต่ไม่กล้า
เสียงประตูทั้งสองบานสั่นสะเทือน ครืดด… ครืดดด…
เหมือนสิ่งที่อยู่เบื้องหลังกำลังรอคอยให้ใครสักคนตัดสินใจ
 

 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่