หมอหมู วีระศักดิ์
วัยรุ่น ม.ปลาย กระโดดน้ำเล่นกับเพื่อน…แต่ไม่มีใครรู้ว่า “เขากำลังตุย”
“ตอนแรกผมคิดว่าเพื่อนแกล้ง…เลยหัวเราะใส่”
ประโยคนี้ หลุดออกมาจากปากเพื่อนสนิทของเด็กชาย ม.5 หลังจากที่ผมไปตรวจชันสูตรศพของเขา เสียงพูดสั่นเครือ ริมตาแดงก่ำ มองร่างเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า
วันนั้นเป็นวันหยุด เด็กวัยรุ่น 5–6 คนไปเล่นน้ำที่คลองชานเมือง กระโดดน้ำ สาดใส่กัน หัวเราะกันเสียงดัง ไม่มีใครคิดว่าวันนั้นจะมีใครไม่ได้กลับบ้าน
เด็กชาย ม.5 กระโดดลงไปกลางน้ำ แล้วว่ายกลับมาไม่ถึงฝั่ง เขาตะกุยน้ำ มือยกขึ้นมา แต่เสียงหัวเราะรอบ ๆ กลบสัญญาณช่วยเหลือ เพื่อนคิดว่า “มันแกล้งทำเป็นจะจมน้ำ” เลยไม่รีบเข้าช่วย
จนกระทั่งเขาหายลงไปใต้น้ำจริง ๆ …เวลาผ่านไปนาทีเดียว ทุกคนรีบลงไปควานหา แต่สายเกินไปแล้ว
การตรวจศพ
1. น้ำในปอด
2. ฟองฟู่ที่ปากและจมูก
3. เล็บมีดินโคลนจากการพยายามเกาะพื้น
4. ไม่มีบาดแผล ไม่มีร่องรอยทำร้าย
นี่คือ “การจมน้ำ” แบบชัดเจนที่สุด
ในทางการแพทย์
เวลาคนกำลังจะจมน้ำ ร่างกายจะไม่ดิ้นแรงเหมือนในหนัง เขาจะเงยหน้า พยายามหายใจ มือปัด ๆ ตีน้ำช้า ๆ ทุกอย่างเงียบ และดูเหมือน “กำลังเล่น”
นี่แหละครับ ที่เราเรียกว่า Instinctive Drowning Response มันคือกลไกของร่างกายที่ดูเหมือนไม่อันตราย แต่จริง ๆ คือ สัญญาณสุดท้ายก่อนหมดสติ
ในทางความรู้สึก
ภาพที่ผมลืมไม่ลง คือ เสียงร้องของเพื่อนเขาหน้าห้องนิติเวช “กูผิดเอง กูหัวเราะ กูคิดว่าแกล้ง”
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดใคร แต่บาดแผลทางใจเหล่านี้…มันไม่เคยหาย
ข้อคิดจากศพนี้
1. ถ้าเห็นใคร “ตะเกียกตะกายเงียบ ๆ” ในแหล่งน้ำ อย่าคิดว่าเขาล้อเล่น
2. การจมน้ำจริงมักไม่ส่งเสียงร้อง ไม่มีคำว่า “ช่วยด้วย” เหมือนในหนัง
3. ถ้าไปเล่นน้ำ อย่าลงไปกันเองโดยไม่มีผู้ใหญ่หรือคนเฝ้าระวัง
4. และที่สำคัญ…อย่าอายที่จะรีบช่วย เพราะเสี้ยววินาทีตัดสินชีวิตได้
ผมเจอศพวัยรุ่นแบบนี้มาหลายครั้ง ทุกครั้งที่เห็นเพื่อน ๆ มายืนมองร่างที่เย็นชืดอยู่ตรงหน้า…ผมรู้เลยว่า “ความรู้เรื่องการจมน้ำ” สำคัญกว่าที่เราคิด
อย่าปล่อยให้เสียงหัวเราะกลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตเลยครับ
หมอหมูพูดจริง
หมอหมู วีระศักดิ์ เล่าเรื่อง วัยรุ่น ม.ปลาย กระโดดน้ำเล่นกับเพื่อน...อย่าปล่อยให้เสียงหัวเราะกลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิต