พ่อกระโดดลงไปช่วยลูก แต่กลับขึ้นมาในสภาพเป็นศพ
ค่ำวันหนึ่งในหน้าร้อน พนักงานสอบสวนโทรเรียกผมไปชันสูตรศพชายอายุประมาณ 35 ปี ที่แม่น้ำชานเมือง ศพถูกนำขึ้นมาไว้บนตลิ่ง ร่างกายซีดขาว เสื้อผ้าเปียกชุ่ม ลมหายใจสุดท้ายดับไปทั้งที่ไม่ใช่เพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่เพราะเขา "พยายามช่วยชีวิตคนอื่น"
ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ
1. จากการสอบถามประจักษ์พยาน พบว่าเหตุมาจากเด็กหญิงวัย 10 ปี พลัดตกลงไปในแม่น้ำ กระแสน้ำเชี่ยวกราก พ่อของเด็กรีบกระโจนลงไปช่วย แต่สุดท้ายเขาเองกลับหายไปในสายน้ำ ขณะที่ลูกสาวได้รับการช่วยเหลือจากคนแถวนั้นทันเวลา
2. จุดเกิดเหตุเป็นท่าน้ำที่ไม่มีราวกั้น พื้นลื่น และกระแสน้ำไหลแรง ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาใกล้ค่ำ แสงน้อย ยิ่งเพิ่มความยากลำบาก
ผลการผ่าชันสูตรศพ
1. ศพซีดพอง มีโฟมสีชมพูอ่อนที่ปากและจมูก (ลักษณะบ่งชี้การจมน้ำแท้)
2. ปอดทั้งสองข้างโป่งพอง น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก กดแล้วมีน้ำปนฟองลมออกมา
3. กระเพาะอาหารมีน้ำและโคลนอยู่ภายใน สอดคล้องกับการสำลักน้ำระหว่างมีชีวิต
4. ไม่มีบาดแผลรุนแรงหรือการทำร้ายร่างกาย
5. หัวใจและหลอดเลือดพบการตีบแคบเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นอธิบายการเสียชีวิตได้
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ: ตรวจไม่พบแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด
สรุปสาเหตุการเสียชีวิต: จมน้ำเสียชีวิตจากการลงไปช่วยผู้อื่น
ข้อคิดจากศพ
1. นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอคดีแบบนี้ และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย หลายครั้งผู้ที่เสียชีวิตไม่ใช่เหยื่อคนแรก แต่เป็น “ผู้ช่วยเหลือ” ที่ลงไปโดยไม่ได้เตรียมพร้อม ไม่มีกลยุทธ์ ไม่รู้วิธีการช่วยที่ปลอดภัย
2. การช่วยชีวิตคนจมน้ำ ไม่ควรรีบกระโจนลงไปโดยไม่คิด เพราะโอกาสสูงที่เราจะกลายเป็นศพเพิ่มอีกหนึ่งราย
หลักง่าย ๆ ในการช่วยคนจมน้ำ คือ “ตะโกน–โยน–ยื่น"
1. ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ
2. โยนสิ่งที่ลอยน้ำได้ (ขวดพลาสติก, ห่วง, เสื้อผ้า)
3. ยื่นไม้หรือเชือกให้เกาะ
การลงไปในน้ำควรทำก็ต่อเมื่อมั่นใจในความสามารถ ว่ายน้ำแข็งแรง และมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้น… ผู้หวังดีอาจจบชีวิตในสายน้ำแทน
หมอหมู วีระศักดิ์เล่าเรื่อง หลักง่ายๆ ช่วยคนตกน้ำ ตะโกน โยน ยื่น... พ่อกระโดดลงไปช่วยลูก แต่กลับขึ้นมาในสภาพเป็นศพ