Stitch ทำได้เข้าป้ายหนัง Hollywood พันล้านเรื่องแรกของปี Jurassic ลุ้น 900 ล้าน HTTYD ลุ้น 700 และ F1 ตั้งเป้า 550 ล้าน


หลังจากลุ้นกันมานานกับหนังใหม่ที่สลับหน้ากันเข้าฉายไปหลายเรื่อง ในที่สุด Lilo & Stitch ก็กำลังจะกลายเป็นภาพยนตร์ Hollywood เรื่องแรกของปีนี้ที่ทำรายได้ทั่วโลกทะลุหลัก 1 พันล้านเหรียญได้สำเร็จอย่างแน่นอนแล้ว หลังจากทำรายได้เมื่อจบสุดสัปดาห์ที่ 8 ไป 994.3 ล้านเหรียญ เหลืออีกเพียง 5.7 ล้านเท่านั้นและคาดว่า Stitch จะทำได้สำเร็จในช่วงรอยต่อสัปดาห์ที่ 8-9 ของการฉาย ซึ่งช้ากว่า Moana 2 ที่ทำได้สำเร็จในช่วงรอยต่อสัปดาห์ที่ 7-8 ของการฉาย ทั้งนี้คาดว่าหลังจากแตะหฃักพันล้านได้แล้ว Disney ก็จะหันไปทุ่มทรัพยากรทั้งหมดให้กับ Fantastic Four ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 25 ก.ค.ได้เต็มที่เสียที โดยคาดว่ารายได้สุดท้ายของ Lilo & Stitch จะอยู่ที่ประมาณ 1,010 ล้านเหรียญ


นับเป็นความสำเร็จของ Disney ที่ผลักดันจนหนังที่แต่เดิมเพียงสร้างเพื่อเข้าฉายใน Disney+ เท่านั้นกลายเป็นหนังพันล้านจนได้ แต่ Disney ก็ต้องแลกมาด้วยการเชือด Elio หนังของ Pixar ทิ้ง โดยหันไปโปรโมทให้ผู้ชมกลับมาดู Stitch อีกครั้งแทนที่จะโปรโมท Elio จนทำให้ Elio กลายเป็นภาพยนตร์ของ Pixar ที่ทำรายได้จากการฉายโรงทั่วโลกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ (ไม่นับ Soul, Turing Red, Luca ที่เข้าแบบ Streaming ช่วง COVID) ต่ำกว่าแม้กระทั่ง Onward ที่โดนพิษ COVID เล่นงานไปเต็มๆ

นอกจากเป็นหนัง Hollywood เรื่องแรกของปีนี้ที่ผ่านหลัก 1 พันล้านเหรียญ (และเป็นเรื่องที่ 2 ของปีต่อจาก Ne Zha 2) Lilo & Stitch ยังเป็นภาพยนตร์ Hollywood เรื่องแรกและทำท่าจพเป็นเรื่องเดียวของ Summer 2025 ที่ทำรายได้ถึงพันล้านอีกด้วย เพราะเรื่องที่เหลือไม่ว่าจะ How to Train Your Dragon, F1, Jurassic World Rebirth, Superman และ The Fantastic Four: First Steps คงไม่มีเรื่องไหนทำรายได้ไปถึงพันล้านอีกแล้ว ต้องรอหนังปลายปีอย่าง Wicked: For Good, Zootopia 2 และ Avatar: Fire and Ash จึงจะได้ลุ้นกันใหม่


ทางฝ่ายไดโเสาร์เจ้าพิภพ Jurassic World Rebirth ก็ทำรายได้ทั่วโลกในสุดสัปดาห์ที่ 2 ได้ค่อนข้างดี โดยทำรายได้ผ่านหลัก 500 ล้านเหรียญไปเรียบร้อยแล้ว แต่จากการโดน Superman มาแย่งโรง PLF ไปบางส่วน ประกอบกับภาค Rebirth ไม่มีการฉายในรูปแบบ IMAX ทำให้รายได้หายไปพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นคาดว่า Jurassic World Rebirth จะทำรายได้ผ่านหลัก 800 ล้านเหรียญได้อย่างแน่นอน และมีโอกาสไปลุ้นที่ 850-900 ล้าน เพราะยังมีตลาดสำคัญที่ยังไม่ได้ฉายนั่นก็คือญี่ปุ่นที่เข้าฉายในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ คาดว่าถึงตอนนั้นในญี่ปุ่นความบ้าคลั่งของดาบพิฆาตอสูร ภาคปราสาทไร้ขอบเขต องก์ที่ 1 ก็น่าจะซาลงบ้างแล้ว เปิดโอกาสให้ไดโนเสาร์ได้โกยเงินช่วงหยุด o-bon บ้าง

และด้วยรายได้ขนาดนี้แม้จะไม่ถึงพันล้านแต่ก็รับประกันได้ว่าเราจะได้ดู Jurassic World ภาคต่อไปจากทีมงานนี้อย่างแน่นอน



ประสบความสำเร็จกันไปอีกเรื่องสำหรับ Live-Action Remake เรื่องแรกของค่าย DreamWorks อย่าง How to Train Your Dragon ทำให้มีการประกาศสร้าง Live-Action Remake ของภาค 2 ต่อเนื่องไปเลยทันที โดยคาดว่าสุดท้ายแล้ว HTTYD จะลุ้นทำรายได้จบที่ราว 650-700 ล้านเหรียญ ขึ้นอยู่กับว่าผลงานในตลาดสำคัญสุดท้ายนั่นก็คือญี่ปุ่นที่จะเข้าฉายในวันที่ 5 กันยายนจะทำได้ดีขนาดไหน



ภาพยนตร์ Sport Drama สุดเข้มข้นจาก Apple Studios จัดจำหน่ายโดย Warner Bros. ที่หมดหวังจะส่ง Brad Pitt ให้เป็นพระเอกพันล้านแน่นอนแล้ว แต่ก็ยังมีลุ้นที่จะทำลายสถิติของ World War Z กลายเป็นหนังที่นำแสดงโดย Brad Pitt ที่ทำเงินสูงที่สุดตลอดกาลอยู่ เพราะแม้รายได้ในบ้านจะโดนหนังใหม่อย่าง Jurassic World Rebirth และ Superman มาแย่งโรง PLF และ IMAX ตามลำดับจนความแรงตกลงไปเยอะ แต่ความแรงในตลาดต่างประเทศยังเหยียบมิด โดยเฉพาะในตลาดใหญ่เอเชียอย่างจีนและอินเดีย ที่ยืนระยะเบียดกับไดโนเสาร์และบุรุษเหล็กได้สูสี ในจีนนั้น Maoyan ได้วิเคราะห์รายได้สุดท้ายของ F1 ไว้ที่ราว 55-60 ล้านเหรียญ ทำให้ยังมีโอกาสที่ F1 จะโกยเงินจากตลาดจีนได้อีกกว่า 20-25 ล้านเหรียญ บวกกับตลาดต่างประเทศอื่นๆที่อาจจะได้โรง IMAX ในสุดสัปดาห์นี้คืนมาบ้างก่อนที่ F4 จะมาในสัปดาห์หน้า

น่าเสียดายที่ F1 ไม่มีตลาดต่างประเทศรอเปิดฉายเหลืออีกแล้วต้องยืนระยะด้วยแรงตอนนี้เท่านั้น ก็ต้องคอยติดตามกันว่าจะสามารถทำลายสถิติ 540 ล้านของ World War Z ได้หรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่