สุดสัปดาห์ที่ 7 ของหนัง Summer 2025 ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์วันชาติของอเมริกาหรือ 4th of July หรือ Independence Day ทำให้กลายเป็นวันหยุดยาว 4-6 กรกฎาคม ซึ่งสุดสัปดาห์นี้มีหนังเข้าใหม่เพียงแค่เรื่องเดียวและเข้าไปตั้งแต่วันพุธที่ 2 กรกฎาคมแล้วนั่นก็คือ Jurassic World Rebirth ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของ Big 3 ภาพยนตร์เดือนกรกฎาคมปีนี้ด้วย
Jurassic World Rebirth (Universal)
Big 3 เรื่องแรกของเดือนกรกฎาคมเข้าฉายใหม่เดี่ยวๆเรื่องเดียวในสุดสัปดาห์นี้เพราะใครๆก็ไม่อยากชนกับยักษ์ใหญ่ โดย Jurassic World Rebirth ไม่มีการฉายรอบพรีวิวช่วงกลางวันหรือเย็นก่อนวันเปิดตัวเหมือนหนังสมัยใหม่ทั่วๆไป แต่เปิดตัวด้วยรอบ Classic Midnight Preview คืนวันอังคารที่ 1 กรกฎาคมเหมือนหนังสมัยก่อนและฉายจริงในวันที่ 2 ต่อทันที แม้ JWR จะได้คะแนนไม่ค่อยดีนักจากนักวิจารณ์ (Metascore = 52) แต่หนังไดโนเสาร์ก็ไม่เคยได้คะแนนดีจากนักวิจารณ์ (ยกเว้น Jurassic Park) อยู่แล้วจึงไม่ค่อยแคร์นัก ซึ่งผลก็ปรากฎว่า Jurassic แฟรนไชส์ยังเป็น IP ที่แฟนๆให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนเดิม โดยทำรายได้ในวันเปิดตัวไปถึง 30.5 ล้านเหรียญ
โดยคาดว่าจะทำรายได้ในวัพฤหัสบดีไปอีก 15-20 ล้านเหรียญ และรายได้ช่วงสุดสัปดาห์ 3 วันอีก 80 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมเปิดตัว 5 วันจะอยู่ที่ราว 130 ล้านเหรียญนับว่าดีใช้ได้ ปัญหาคือคะแนนฝั่งดูจากเกรด CinemaScore ที่ออกมาให้คะแนน Jurassic World Rebirth เพียงแค่ B ซึ่งนับว่าค่อนข้างต่ำสำหรับหนัง Blockbuster รวมถึงเกือบจะต่ำที่สุดในแฟรนไชส์ Jurassic 7 เรื่อง (มากกว่า Jurassic Park III ที่ได้ B- แค่เรื่องเดียว) จนเป็นปัญหาในการยืนระยะทำเงินในสุดสัปดาห์ต่อๆไปได้
F1: The Movie (Apple / WB)
เปิดตัวได้เหนือกว่าที่ Hollywood คาดไว้ และกลายเป็นภาพยนตร์ Blockbuster สุดฮิตในโรงหนังเรื่องแรกของ Apple Studios รวมทั้งได้เกรด CinemaScore = A กับ WoM ที่ดีระดับสุดยอด ทำให้ F1 เปิดตัวในสุดสัปดาห์แรกไป 57 ล้านเหรียญ และมีสัญญาณที่ดีในการยืนระยะทำเงินต่อไปเรื่อยๆ โดยถึงแม้ว่า F1 จะเสียโรง PLF ทั้งหมดไปให้กับ Jurassic World Rebirth ในวันที่ 2 กรกฎาคม แต่ JWR ก็ไม่มีการฉายในรูปแบบ IMAX เช่นกัน โรง IMAX ทั้งหมดจึงครองโดย F1 เพียงเรื่องเดียวในสุดสัปดาห์หยุดยาววันชาตินี้
โดยคาดว่า F1: The Movie จะทำรายได้ในสุดสัปดาห์ที่ 2 นี้ราว 30-35 ล้านเหรียญ และรายได้รวมไปที่ 110-115 ล้านเหรียญ
How to Train Your Dragon (Universal)
เจ้าเขี้ยวกุดยังคงบินสูงในสุดสัปดาห์ที่ 4 และกลายเป็นหนึ่งในหนังที่ประสบความสำเร็จที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าสุดสัปดาห์ที่ 4 นี้ How to Train Your Dragon จะทำรายได้ไปอีก 11-14 ล้านเหรียญ และรายได้รวมไปที่ราว 225 ล้านเหรียญ
Elio (Disney)
แม้จะโดนทีมงานการตลาดของ Disney ฆ่าทิ้งโดยหันกลับไปโปโมท Stitch ให้กลายเป็นหนังพันล้านแทน แต่เนื้อหาที่แข็งแรง (แม้จะไม่ถูกใจตลาด) ก็ยังพาให้ Elio มีลมหายใจต่อไปได้อีก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดและวัน Discount Day ที่รายได้ของ Elio จะพุ่งขึ้นมาชัดเจนกว่าเรื่องอื่นๆ คาดว่าสุดสัปดาห์ที่ 3 นี้ Elio จะทำรายได้ไปอีก 6-8 ล้านเหรียญ รายได้รวมไปที่ราว 55 ล้านเหรียญ แม้จะน้อยแต่ก็ยังคืบคลานต่อไปได้เรื่อยๆ
Lilo & Stitch (Disney)
เพิ่งจะสูญเสียสถิติทำรายได้ต่อวันเกิน 1 ล้านเหรียญในวันที่ 41 หลังจาก Jurassic World Rebirth เข้าฉาย แต่ Lilo & Stitch ที่ได้แรงโปรโมทจาก Disney กลับมาโดยหวังจะให้ทำเงินทั่วโลกเกิน 1 พันล้านให้ได้ ก็ยังจะโลดแล่นต่อไปบนตาราง Box Office โดยคาดว่าสุดสัปดาห์ที่ 7 นี้ Stitch จะทำเงินไปอีก 5-6 ล้านเหรียญ รายได้รวมจะวิ่งไปที่หลัก 408-410 ล้านเหรียญ รวมถึงมีลุ้นกลับมาอยู่ใน Top 5 อีกครั้ง
28 Years Later (Sony)
ภาพยนตร์ที่ถูกใจนักวิจารณ์แต่ไม่ถูกใจตลาดซักเท่าไหร่ ผลก็คือรายได้เปิดตัวน้อยกว่าที่คิดแต่ยังพอยืนระยะได้ โชคดีที่เมื่อกวาดตามองไปในตลาดตอนนี้ 28 Years Later คือหนังเขย่าขวัญเรต R ที่สดใหม่และน่าสนใจที่สุดแล้ว จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เบื่อบรรยากาศของหนัง Summer Blockbuster ทั่วๆไป สุดท้ายแล้วสุดสัปดาห์ที่ 3 นี้ 28 Years Later จะทำรายได้ราว 5-5.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมที่ประมาณ 60 ล้านเหรียญ
ไดโนเสาร์ครองพิภพวันชาติ 80 ล้าน F1 ยังทะยาน 30-35 ล้าน Stitch ยังลุ้นติด Top 5 สัปดาห์ที่ 7