ผ่านไปแล้วครึ่งปีกับภาพยนตร์ Hollywood 2025 ซึ่งหลายค่ายก็ได้ฟิน หลายค่ายก็ได้ปูด ตามแต่ความฮิตของหนังที่ตัวเองส่งเข้าโรงฉาย
จากผลรวมของรายได้ภาพยนตร์แต่ละค่ายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2025 ผลก็ปรากฎออกมาดังนี้
A24 = 148 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 10 เรื่อง และหนังปี 2024 ข้ามปี 2 เรื่อง)
Disney = 1,158.2 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 5 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 2 เรื่อง และหนัง Re-release 1 เรื่อง)
Lionsgate = 138.8 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 6 เรื่อง และหนังปี 2024 ข้ามปี 1 เรื่อง)
Neon = 62.8 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 5 เรื่อง และหนังปี 2024 ข้ามปี 1 เรื่อง)
Paramount = 309.6 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 2 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 4 เรื่อง และหนัง Re-release 6 เรื่อง)
Sony = 291.2 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 13 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 2 เรื่อง และหนัง Re-release 1 เรื่อง)
Universal = 626.4 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 11 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 4 เรื่อง และหนัง Re-release 4 เรื่อง)
Warner Bros. = 1,023.4 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 7 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 1 เรื่อง และหนัง Re-release 1 เรื่อง)
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือ แต่ละค่ายจะมีภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้าง Disney, Warner Bros. จะทำรายได้รวมในบ้านไปถึง 2 พันล้านได้หรือไม่ Universal จะใช้พลังไดโนเสาร์ไล่ตาม 2 ผู้นำได้หรือเปล่า Sony, Paramount จะไปได้เกิน 500 ล้านหรือไม่ และค่ายเล็กๆรวมทั้งดาวรุ่งที่กลายเป็นยักษ์แคระอย่าง Lionsgate จะมีอะไรมาให้ชมกันบ้าง ลองไปดูกันครับ
A24
ค่ายที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องหนังคุณภาพและความแตกต่าง นับว่าทำผลงานได้ดีกับรายได้รวม 148 ล้านเหรียญ จากหนังใหม่ 10 เรื่อง โดย Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ A24 ในปีนี้คือ
1. Materialists = 33.5 ล้านเหรียญ
2. Warfare = 26 ล้านเหรียญ
3. Bring Her Back = 19.3 ล้านเหรียญ
ในช่วงครึ่งปีหลัง A24 มีภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายดังนี้
Highest 2 Lowest (22 Aug)
การกลับมากำกับหนังอีกครั้งของ Spike Lee พร้อมด้วย Danzel Washington และความพยายามของ Apple Studios ที่จะสร้างหนังฮิตอีกเรื่องต่อจาก F1 ทำให้ Highest 2 Lowest เป็นที่น่าจับตามอง แม้จะมีช่วงเวลาให้ทำเงินไม่ยาวนักเพราะจะลง TV+ วันที่ 5 กันยายน และคงจะฉายแบบจำกัดโรงด้วยเพราะเน้นไปชิงรางวัล แต่ก็น่าจะทำรายได้ให้ A24 ได้พอตัว
The Smashing Machine (03 Oct)
ก้าวแรกของ The Rock กับการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนักแสดงขายฝีมือในหนังสายรางวัล (และกำลังจะมีตามมาอีกเป็นพรวน)
Disney
ยังนำเป็นจ่าฝูงสำหรับเจ้าพ่อหนัง Blockbuster อย่าง Disney ที่กวาดเงินไปแล้ว 1,158.2 ล้านเหรียญ แม้จะล้มเหลวจาก Snow White และเฉยๆกับหนัง Marvel แต่ก็ยังได้ตัวป่วนประจำค่ายมาช่วยเอาไว้ โดย Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ Disney ในปีนี้คือ
1. Lilo & Stitch = 408.5 ล้านเหรียญ
2. Captain America: Brave New World = 200.5 ล้านเหรียญ
3. Thunderbolts* = 189.9 ล้านเหรียญ
ในช่วงครึ่งปีหลัง Disney มี Line up ภาพยนตร์ที่หลากหลายอีกถึง 8 เรื่อง ทำให้พวกเค้ามี Product ที่แข็งโป๊กที่สุดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ดังนี้
The Fantastic Four: First Steps (25 Jul)
ไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก เพราะเขียนถึงไปหลายครั้งแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่จาก MCU เรื่องนี้
Freakier Friday (08 Aug)
ว่าที่หนัง 100 ล้านเรื่องที่ 4 ของ Summer นี้สำหรับ Disney กับคำสาปสลับร่างอีกครั้งของครอบครัว Coleman
The Roses (29 Aug)
หนังตลกร้ายเสียดสีสังคมนำแสดงโดยสองดาราอังกฤษระดับแถวหน้าอย่าง Benedict Cumberbatch และ Olivia Colman ที่ Remake จาก The War of the Roses (1989, Michael Douglas, Kathleen Turner, Danny DeVito) จะมาเป็นหนังทางเลือกปิดท้าย Summer ปีนี้ให้ Disney
Tron: Ares (10 Oct)
การกลับมาอีกครั้งของ Tron ภาคใหม่ที่นำแสดงโดยหนึ่งในนักแสดงราศีอีแร้งอย่าง Jared Leto ที่เล่นเรื่องไหนบทไหนก็ไม่ดังไม่ทำเงินซะที คราวนี้จะดวงสมพงษ์กับ Tron: Ares และผู้กำกับ Joachim Rønning หรือไม่
Springteen: Deliver Me from Nowhere (24 Oct)
ตามกันออกมาเรื่อยๆสำหรับหนังชีวประวัติของศิลปินนักดนตรีทั้งหลาย ทาง Fox เองปีที่แล้วก็เพิ่งจะหนัง Bob Dylan คือ A Complete Unknown ไป มาปีนี้ต่อเนื่องกันอีกครั้งกับชีวประวัติของ Bruce Springteen นักร้องนักแต่งเพลงขวัญใจอเมริกันชน นำแสดงโดย Jeremy Allen White กำกับโโย Scott Cooper
Predator: Badlands (07 Nov)
ยังคงหมกมุ่นอยู่กับ Predator ต่อไปสำหรับ Dan Trachtenberg หลังจากคืนชีพให้นักล่าต่างดาวใน Prey ต่อด้วยพาไปดูการต่อสู้กับนักล่าต่างยุคต่างสมัยใน Predator: Killer of the Killers มาคราวนี้เค้าจะพาเราไปดูการดวลกันในโลกอื่นบ้าง
Zootopia 2 (26 Nov)
การกลับมาของ Nick และ Judy รวมทั้งผองเพื่อนในนครสัตว์มหาสนุก เรื่องรายได้ไม่ต้องห่วง ห่วงแค่จะมากแค่ไหนเท่านั้น
Avatar: Fire and Ash (19 Dec)
ยังไม่มีรายละเอียดมากนักในตอนนี้ แต่รับรองว่าน่าดูชมสมกับเป็นผลงานของ James Cameron อย่างแน่นอน
Lionsgate
จากดาวรุ่งที่จะกลายเป็นสิงโต ตอนนี้ Lionsgate กลายเป็นแมวที่ไม่มีใครกลัว หนังของพวกเค้าคว่ำไม่เป็นท่าหมดทุกเรื่อง โดยทำรายได้ในครึ่งปีแรกรวม 138.8 ล้านเหรียญ และ Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ Lionsgate ในปีนี้คือ
1. From the World of John Wick: Ballerina = 57.3 ล้านเหรียญ
2. Den of Thieves: Pantera = 36 ล้านเหรียญ
3. Flight Risk = 29.8 ล้านเหรียญ
ที่สำคัญคือทั้ง 3 เรื่องขาดทุนทั้งหมด แต่ยังดีที่ Line up ช่วงครึ่งปีหลังยังมีความสนใจหลงเหลืออยู่ ซึ่งมีภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายดังนี้
The Home (25 Jul)
ผลงาน Psychological Thriller ของ James DeMonaco ผู้กำกับและผู้สร้าง The Purge จะออกฉายชนกับ Fantastic Four เป็น Counter-Programming ก็ต้องดูว่าจะสำเร็จหรือไม่
Americana (15 Aug)
ภาพยนตร์ Crime Thriller ผลงานค้างปีของ Sydney Sweeney, Paul Walter Hauser ที่ได้ฤกษ์เข้าฉายซะที
The Long Walk (12 Sep)
จากงานเขียนแนวเขย่าขวัญวันสิ้นโลกของ Stephen King สู่จอเงิน กับบรรดาดาราเด็กวัยรุ่นที่มารวมตัวกันในหนังเรื่องนี้
The Strangers - Chapter 2 (26 Sep)
หนังไตรภาคที่ไม่มีใครขอร้องให้ทำ หลังจากล้มเหลวไปแล้วใน Chapter 1 ก็ยังสร้างต่อไปภาค 2 ที่ไม่รู้กระแสตอบรับจะเป็นอย่างไร
Kiss of the Spider Woman (10 Oct)
ภาพยนตร์เพลงจากฝีมือของ Bill Condon ผู้กำกับ The Twilight Saga - Breaking Dawn Part 1 & 2, Beauty and the Beast รวมทั้งผู้เขียนบท The Greatest Showman จะได้มาทำภาพยนตร์เพลงที่เค้าถนัดอีกครั้ง พร้อมกับการคืนจอของ Jennifer Lopez ประกบกับ Diego Luna
Good Fortune (17 Oct)
เมื่อ Keanu Reeves พักจากบทนักฆ่ามารับบทเทวดาในหนังตลก พร้อมด้วย Seth Rogen, Sandra Oh และผู้กำกับ Aziz Ansari ที่ลงมาแสดงเองด้วย
Now You See Me: Now You Don't (14 Nov)
ครบไตรภาคสำหรับ 4 อัศวิน 4 Horsemen ที่คราวนี้รวมดารามากขึ้นไปอีก จะฟื้นความนิยมต่ออายุให้แฟรนไชส์นี้ออกไปได้อีกหรือไม่
Neon
ค่ายเล็กที่เคยประสบความสำเร็จสูงสุดจากการนำ Parasite มาฉายในอเมริกา ทำรายได้รวมไป 62.8 ล้าน ในครึ่งปีแรก Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ Neon ในปีนี้คือ
1. The Monkey = 39.7 ล้านเหรียญ
2. Presence = 6.9 ล้านเหรียญ
3. Anora = 6.3 ล้านเหรียญ ที่ฉายมาตั้งแต่ปลายปี 2024
ครึ่งปีหลังทาง Neon มีหนังรอเข้าฉายอยู่อีก 4 เรื่องคือ
Together (30 Jul)
หนังสยองขวัญนำแสดงโดย Dave Franco และ Alison Brie ที่ได้คะแนน Tomatometer เต็ม 100% จาก 50 รีวิว และได้รับคำชมอย่างมากจากงาน Sundance เมื่อต้นปีนี้
Splitsville (22 Aug)
หนังตลกที่ได้ Dakota Johnson มาร่วมแสดง
Shelby Oaks (03 Oct)
หนังสยองขวัญ (อีกแล้ว) จากฝีมือการกำกับของ Chris Struckman หนึ่งในนักวิจารณ์หนังที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบน youtube ความน่าสนใจคือ Shelby Oaks ได้รับเงินทุนจากการบริจาคและระดมทุนออนไลน์ได้ถึง 650,000 เหรียญใน 4 วัน โดย Neon เข้ามาซื้อสทิธิ์หารจัดจำหน่ายพร้อมกับ Top up เงินทุนบางส่วนให้ด้วย โดยหนังจะทำเป็นแนว Found Footage ก็ต้องคอยชมว่านักวิจารณ์จะกำกับหนังเก่งเหมือนที่วิจารณ์คนอื่นเอาไว้หรือไม่
หนังยังไม่มีตัวอย่างฉบับทางการ มีแต่ฉบับ Kickstarter ที่ทำเพื่อระดมทุน
Keeper (14 Nov)
หนังสยองที่ปล่อยตัวอย่างยาว 1 ชั่วโมงออกมา!! ใช่ครับ 1 ชั่วโมง
ค่ายไหนจะได้เฮบ้างกับภาพยนตร์ครึ่งหลังของปี 2025
จากผลรวมของรายได้ภาพยนตร์แต่ละค่ายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2025 ผลก็ปรากฎออกมาดังนี้
A24 = 148 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 10 เรื่อง และหนังปี 2024 ข้ามปี 2 เรื่อง)
Disney = 1,158.2 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 5 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 2 เรื่อง และหนัง Re-release 1 เรื่อง)
Lionsgate = 138.8 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 6 เรื่อง และหนังปี 2024 ข้ามปี 1 เรื่อง)
Neon = 62.8 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 5 เรื่อง และหนังปี 2024 ข้ามปี 1 เรื่อง)
Paramount = 309.6 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 2 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 4 เรื่อง และหนัง Re-release 6 เรื่อง)
Sony = 291.2 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 13 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 2 เรื่อง และหนัง Re-release 1 เรื่อง)
Universal = 626.4 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 11 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 4 เรื่อง และหนัง Re-release 4 เรื่อง)
Warner Bros. = 1,023.4 ล้านเหรียญ (จากหนังใหม่ 7 เรื่อง, หนังปี 2024 ข้ามปี 1 เรื่อง และหนัง Re-release 1 เรื่อง)
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือ แต่ละค่ายจะมีภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้าง Disney, Warner Bros. จะทำรายได้รวมในบ้านไปถึง 2 พันล้านได้หรือไม่ Universal จะใช้พลังไดโนเสาร์ไล่ตาม 2 ผู้นำได้หรือเปล่า Sony, Paramount จะไปได้เกิน 500 ล้านหรือไม่ และค่ายเล็กๆรวมทั้งดาวรุ่งที่กลายเป็นยักษ์แคระอย่าง Lionsgate จะมีอะไรมาให้ชมกันบ้าง ลองไปดูกันครับ
A24
ค่ายที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องหนังคุณภาพและความแตกต่าง นับว่าทำผลงานได้ดีกับรายได้รวม 148 ล้านเหรียญ จากหนังใหม่ 10 เรื่อง โดย Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ A24 ในปีนี้คือ
1. Materialists = 33.5 ล้านเหรียญ
2. Warfare = 26 ล้านเหรียญ
3. Bring Her Back = 19.3 ล้านเหรียญ
ในช่วงครึ่งปีหลัง A24 มีภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายดังนี้
Highest 2 Lowest (22 Aug)
การกลับมากำกับหนังอีกครั้งของ Spike Lee พร้อมด้วย Danzel Washington และความพยายามของ Apple Studios ที่จะสร้างหนังฮิตอีกเรื่องต่อจาก F1 ทำให้ Highest 2 Lowest เป็นที่น่าจับตามอง แม้จะมีช่วงเวลาให้ทำเงินไม่ยาวนักเพราะจะลง TV+ วันที่ 5 กันยายน และคงจะฉายแบบจำกัดโรงด้วยเพราะเน้นไปชิงรางวัล แต่ก็น่าจะทำรายได้ให้ A24 ได้พอตัว
The Smashing Machine (03 Oct)
ก้าวแรกของ The Rock กับการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนักแสดงขายฝีมือในหนังสายรางวัล (และกำลังจะมีตามมาอีกเป็นพรวน)
Disney
ยังนำเป็นจ่าฝูงสำหรับเจ้าพ่อหนัง Blockbuster อย่าง Disney ที่กวาดเงินไปแล้ว 1,158.2 ล้านเหรียญ แม้จะล้มเหลวจาก Snow White และเฉยๆกับหนัง Marvel แต่ก็ยังได้ตัวป่วนประจำค่ายมาช่วยเอาไว้ โดย Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ Disney ในปีนี้คือ
1. Lilo & Stitch = 408.5 ล้านเหรียญ
2. Captain America: Brave New World = 200.5 ล้านเหรียญ
3. Thunderbolts* = 189.9 ล้านเหรียญ
ในช่วงครึ่งปีหลัง Disney มี Line up ภาพยนตร์ที่หลากหลายอีกถึง 8 เรื่อง ทำให้พวกเค้ามี Product ที่แข็งโป๊กที่สุดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ดังนี้
The Fantastic Four: First Steps (25 Jul)
ไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก เพราะเขียนถึงไปหลายครั้งแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่จาก MCU เรื่องนี้
Freakier Friday (08 Aug)
ว่าที่หนัง 100 ล้านเรื่องที่ 4 ของ Summer นี้สำหรับ Disney กับคำสาปสลับร่างอีกครั้งของครอบครัว Coleman
The Roses (29 Aug)
หนังตลกร้ายเสียดสีสังคมนำแสดงโดยสองดาราอังกฤษระดับแถวหน้าอย่าง Benedict Cumberbatch และ Olivia Colman ที่ Remake จาก The War of the Roses (1989, Michael Douglas, Kathleen Turner, Danny DeVito) จะมาเป็นหนังทางเลือกปิดท้าย Summer ปีนี้ให้ Disney
Tron: Ares (10 Oct)
การกลับมาอีกครั้งของ Tron ภาคใหม่ที่นำแสดงโดยหนึ่งในนักแสดงราศีอีแร้งอย่าง Jared Leto ที่เล่นเรื่องไหนบทไหนก็ไม่ดังไม่ทำเงินซะที คราวนี้จะดวงสมพงษ์กับ Tron: Ares และผู้กำกับ Joachim Rønning หรือไม่
Springteen: Deliver Me from Nowhere (24 Oct)
ตามกันออกมาเรื่อยๆสำหรับหนังชีวประวัติของศิลปินนักดนตรีทั้งหลาย ทาง Fox เองปีที่แล้วก็เพิ่งจะหนัง Bob Dylan คือ A Complete Unknown ไป มาปีนี้ต่อเนื่องกันอีกครั้งกับชีวประวัติของ Bruce Springteen นักร้องนักแต่งเพลงขวัญใจอเมริกันชน นำแสดงโดย Jeremy Allen White กำกับโโย Scott Cooper
Predator: Badlands (07 Nov)
ยังคงหมกมุ่นอยู่กับ Predator ต่อไปสำหรับ Dan Trachtenberg หลังจากคืนชีพให้นักล่าต่างดาวใน Prey ต่อด้วยพาไปดูการต่อสู้กับนักล่าต่างยุคต่างสมัยใน Predator: Killer of the Killers มาคราวนี้เค้าจะพาเราไปดูการดวลกันในโลกอื่นบ้าง
Zootopia 2 (26 Nov)
การกลับมาของ Nick และ Judy รวมทั้งผองเพื่อนในนครสัตว์มหาสนุก เรื่องรายได้ไม่ต้องห่วง ห่วงแค่จะมากแค่ไหนเท่านั้น
Avatar: Fire and Ash (19 Dec)
ยังไม่มีรายละเอียดมากนักในตอนนี้ แต่รับรองว่าน่าดูชมสมกับเป็นผลงานของ James Cameron อย่างแน่นอน
Lionsgate
จากดาวรุ่งที่จะกลายเป็นสิงโต ตอนนี้ Lionsgate กลายเป็นแมวที่ไม่มีใครกลัว หนังของพวกเค้าคว่ำไม่เป็นท่าหมดทุกเรื่อง โดยทำรายได้ในครึ่งปีแรกรวม 138.8 ล้านเหรียญ และ Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ Lionsgate ในปีนี้คือ
1. From the World of John Wick: Ballerina = 57.3 ล้านเหรียญ
2. Den of Thieves: Pantera = 36 ล้านเหรียญ
3. Flight Risk = 29.8 ล้านเหรียญ
ที่สำคัญคือทั้ง 3 เรื่องขาดทุนทั้งหมด แต่ยังดีที่ Line up ช่วงครึ่งปีหลังยังมีความสนใจหลงเหลืออยู่ ซึ่งมีภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายดังนี้
The Home (25 Jul)
ผลงาน Psychological Thriller ของ James DeMonaco ผู้กำกับและผู้สร้าง The Purge จะออกฉายชนกับ Fantastic Four เป็น Counter-Programming ก็ต้องดูว่าจะสำเร็จหรือไม่
Americana (15 Aug)
ภาพยนตร์ Crime Thriller ผลงานค้างปีของ Sydney Sweeney, Paul Walter Hauser ที่ได้ฤกษ์เข้าฉายซะที
The Long Walk (12 Sep)
จากงานเขียนแนวเขย่าขวัญวันสิ้นโลกของ Stephen King สู่จอเงิน กับบรรดาดาราเด็กวัยรุ่นที่มารวมตัวกันในหนังเรื่องนี้
The Strangers - Chapter 2 (26 Sep)
หนังไตรภาคที่ไม่มีใครขอร้องให้ทำ หลังจากล้มเหลวไปแล้วใน Chapter 1 ก็ยังสร้างต่อไปภาค 2 ที่ไม่รู้กระแสตอบรับจะเป็นอย่างไร
Kiss of the Spider Woman (10 Oct)
ภาพยนตร์เพลงจากฝีมือของ Bill Condon ผู้กำกับ The Twilight Saga - Breaking Dawn Part 1 & 2, Beauty and the Beast รวมทั้งผู้เขียนบท The Greatest Showman จะได้มาทำภาพยนตร์เพลงที่เค้าถนัดอีกครั้ง พร้อมกับการคืนจอของ Jennifer Lopez ประกบกับ Diego Luna
Good Fortune (17 Oct)
เมื่อ Keanu Reeves พักจากบทนักฆ่ามารับบทเทวดาในหนังตลก พร้อมด้วย Seth Rogen, Sandra Oh และผู้กำกับ Aziz Ansari ที่ลงมาแสดงเองด้วย
Now You See Me: Now You Don't (14 Nov)
ครบไตรภาคสำหรับ 4 อัศวิน 4 Horsemen ที่คราวนี้รวมดารามากขึ้นไปอีก จะฟื้นความนิยมต่ออายุให้แฟรนไชส์นี้ออกไปได้อีกหรือไม่
Neon
ค่ายเล็กที่เคยประสบความสำเร็จสูงสุดจากการนำ Parasite มาฉายในอเมริกา ทำรายได้รวมไป 62.8 ล้าน ในครึ่งปีแรก Top 3 ของหนังทำรายได้สูงสุดสำหรับ Neon ในปีนี้คือ
1. The Monkey = 39.7 ล้านเหรียญ
2. Presence = 6.9 ล้านเหรียญ
3. Anora = 6.3 ล้านเหรียญ ที่ฉายมาตั้งแต่ปลายปี 2024
ครึ่งปีหลังทาง Neon มีหนังรอเข้าฉายอยู่อีก 4 เรื่องคือ
Together (30 Jul)
หนังสยองขวัญนำแสดงโดย Dave Franco และ Alison Brie ที่ได้คะแนน Tomatometer เต็ม 100% จาก 50 รีวิว และได้รับคำชมอย่างมากจากงาน Sundance เมื่อต้นปีนี้
Splitsville (22 Aug)
หนังตลกที่ได้ Dakota Johnson มาร่วมแสดง
Shelby Oaks (03 Oct)
หนังสยองขวัญ (อีกแล้ว) จากฝีมือการกำกับของ Chris Struckman หนึ่งในนักวิจารณ์หนังที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบน youtube ความน่าสนใจคือ Shelby Oaks ได้รับเงินทุนจากการบริจาคและระดมทุนออนไลน์ได้ถึง 650,000 เหรียญใน 4 วัน โดย Neon เข้ามาซื้อสทิธิ์หารจัดจำหน่ายพร้อมกับ Top up เงินทุนบางส่วนให้ด้วย โดยหนังจะทำเป็นแนว Found Footage ก็ต้องคอยชมว่านักวิจารณ์จะกำกับหนังเก่งเหมือนที่วิจารณ์คนอื่นเอาไว้หรือไม่
หนังยังไม่มีตัวอย่างฉบับทางการ มีแต่ฉบับ Kickstarter ที่ทำเพื่อระดมทุน
Keeper (14 Nov)
หนังสยองที่ปล่อยตัวอย่างยาว 1 ชั่วโมงออกมา!! ใช่ครับ 1 ชั่วโมง