ข้างคลุกกะปิวันคล้ายเยี่ยมญาติ



สืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ มีคนลาป่วยอยู่บ้าน ไม่ไปทำงาน
ตกเย็น ก็มีสายเข้า ถามว่า คนป่วยเป็นอะไรมากไหม จะมาเยี่ยม
ตอบไปว่า ไม่เป็นอะไรมาก พัก 2-3 วันก็คงปกติละ ทำต้มยำปลาทูให้กิน ซัดเกลี้ยงเลย
คนโทรเข้ามา ก็พูดต่อว่าดีๆ พรุ่งนี้จะแวะมาเยี่ยม จะเอาอะไรไหม
ตอบว่า ไม่ต้องเอาอะไรมานะ มาแต่ตัวห้ามซื้ออะไรมาเลย
(ญาติชอบซื้อมามากอย่างเยอะเกินพอดี แจกข้างบ้านยังไม่หมด)
ปลายสาย ก็พูดว่า  พรุ่งนี้ไปหา แต่อยากกินข้าวคลุกกะปิจัง

เอ๊า..แขก (ญาติ) จะมาเยี่ยมไข้ แล้วเกริ่นเช่นนี้ เจ้าของบ้านจะตอบงัยดี  555


วางสายแรกไปไม่ถึง 5 นาที สายที่ 2 โทรเข้ามา
บอกว่า สายแรกโทรบอกว่า พรุ่งนี้จะมีข้าวคลุกกะปิ ชวนมาด้วย ให้ทำเผื่อด้วยนะ  ^ ^
สายที่ 3 โทรมา บอกว่า สายที่ 2 โทรหาบอกว่ามีคนป่วย พรุ่งนี้เลยจะแวะมาเยี่ยม < I >



วันนี้ ก็ไปตลาดแต่เช้า หาวัตถุดิบข้าวคลุกกะปิให้ครบ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี
คนป่วย ก็ลุกมาช่วยหยิบ จับ อะไรๆ บ้าง เพื่อแสดงความขอโทษที่ป่วย 555

เมื่อผู้มาเยี่ยม รวม 5 คน และคนป่วยเจอกัน (ญาติกันทั้งหมดละ) คนป่วยเหมือนไม่ได้ป่วย
เสียงคุย เสียงหัวเราะ สนทนากันชื่นมื่น แถมร่วมกินข้าวคลุกกะปิได้อย่างเอร็ดอร่อย
น้ำแข็ง น้ำอัดลม กินได้โม๊ดดดด 555

จัดใส่เป็นจานๆ แล้วเตรียมของทุกอย่างใส่ถ้วยหลุมให้ตักเพิ่มเติมกันเองตามชอบ  


วิธีทำ หมูหวาน

                               1. ใช้หมูสามชั้นทั้งหนัง (เอาหนังออกก็ได้) นำมาล้างด้วยเกลือป่น ขยำๆให้พอเกลือละลายหมด ก็ล้างน้ำสะอาดสัก 2 น้ำ

                               2. นำมาหั่นเป็นชิ้นสัก 1 ซม. เพราะจะต้องนำไปเคี่ยวกับน้ำตาลอีก บางไปก็จะหดเหลือนิดเดียว หนาไปก็จะเหนียวเคี้ยวยาก

                               3. ตั้งกะทะ ไฟกลาง ไม่ใส่น้ำมันใดๆ พอกะทะร้อน ก็นำหมูที่หั่นใส่ลงไป เติมเกลือลงนิดนึง

                               4. รอสัก 1-2 นาที ให้หมูโดนไฟแล้วน้ำมันออกมาเล็กน้อย ก็ค่อยพลิกเขี่ยหมูในกะทะให้โดนไฟทั่วๆ

                               5. ใส่หอมแดงซอยลงไปในกะทะ แล้วคนหมูในกะทะเข้ากับหอมแดงซอย ระหว่างนั้นน้ำมันจากหมูจะออกมาเรื่อยๆ
                                คนบ้าง พักบ้างเป็นระยะๆ ผ่านไปสัก 5 นาที หมูก็สุกทั่ว หอมแดงสุกพอประมาณ เราไม่ต้องการให้สุกมากไป

                               6. เขี่ยหมูและหอมแดงทั้งหมดไว้ข้างกะทะ หรือจะตักออกใส่ภาชนะก็ได้

                               7. ในกะทะใบเดิม ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไป (ปริมาณของที่ทำ หมู 1 ส่วน น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ส่วน) ช่วงนี้ใช้ไฟอ่อน เพื่อไม่ให้น้ำตาล
                                ไหม้เร็วเกินไป เมื่อน้ำตาลเริ่มละลาย สีสวยตามต้องการ ใส่หมูและหอมแดงคลุกลงไป เติมน้ำสะอาดเล็กน้อย(อย่าเยอะมาก )

                               8. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว (ก่อนเติม ชิมก่อน เพราะเราเติมเกลือไปในหมูตอนแรกบ้างแล้ว) ชอบ หวาน เค็ม ประมาณไหน
                                ก็ปรุงเพิ่มตามชอบเลย แล้วเคี่ยวต่อไปให้น้ำหมูหวานงวดลงตามต้องการ (คนบ้าง พักบ้าง) เสร็จปิดไฟ ตักใส่ภาชนะ

                               9. หมูหวานที่ได้ จะมีความเงาแต่ไม่เลี่ยนน้ำมัน และหมูนุ่มแต่ไม่เละจากการคั่วหมูในกะทะให้สุก ก่อนเคี่ยวรวมกับน้ำและน้ำตาล


การผัดข้าวคลุกกะปิ

                                            1. ตั้งกะทะให้ร้อน ใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ใส่กระเทียมสับลงไป ตามด้วยกะปิ

                                            2. ยีกะปิในกะทะให้กระจายตัวและโดนน้ำมันทั่วๆ พอกลิ่นหอม ก็ใส่น้ำลงไป 1-2 ชต เพื่อ
                                             ละลายกะปิให้ไม่จับตัวเป็นก้อน (ถ้าใส่น้ำเยอะ ต้องเคี่ยวให้น้ำงวดลง ไม่งั้นข้าวจะแฉะเกิน เวลาคลุก)

                                           3. เมื่อกลิ่นหอม กะปิละลายดี ก็ปิดไฟ เทข้าวสวยที่เตรียมไว้ ลงไปในกะทะ

                                           4. ใช้ตะหลิวหรือไม้พาย 2 อันช่วยกัน สง ข้าวให้กะปิเคลือบทั่วๆ แต่ข้าวไม่ หัก เละ
                                             (สง : การคลุกส่วนผสมให้เข้ากัน โดยการตักจากล่างขึ้นแล้วยกสูงปล่อยลง ทำซ้ำๆ กัน เร็วๆ )

                                           5. เมื่อผสมกันดี ก็ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ

                                           6. ปริมาณ ข้าว / กะปิ (ของที่บ้านทำ) ข้าว 2 ถ้วย ใช้กะปิ 1 ชต ( ลด/เพิ่ม ได้ตามชอบนะ )


ก่อนกลับ จัดใส่กล่อง แยกหมูหวาน ให้คนมาเยี่ยมถือกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย (ตั้งใจทำเยอะเตรียมไว้ให้นำกลับด้วย)

อิ่มหนำสำราญดี ทั้งคนป่วย และ คนมาเยี่ยม
ส่วนแม่ครัว ขอลาพักครึ่งวันบ่ายละ

เพี้ยนขำหนักมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่