ทำไมร้านอาหารปัจจุบันถึงนิยม "หวานจนแหวะ" ? ของคาวหวานนำ ขนมหวานดันอยากคลีน! หวานน้อยๆ นี่มันอะไรกันครับเพื่อน

สวัสดีเพื่อนๆ Pantip

วันนี้ผมมีเรื่องอยากจะชวนคุยที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้สึกเหมือนกัน นั่นก็คือ "รสหวาน" ที่บุกรุกเข้ามาในอาหารสมัยนี้ นี่แหละครับ! คือผมเองก็เป็นคนนึงที่รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้อาหารหลายอย่างมันหวานขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก จนบางทีก็แอบอุทานในใจว่า "หวานไปมั้ยเนี่ย!" อย่างบางทีสั่ง ผัดเผ็ด หรือ ผัดพริก ที่ควรจะเผ็ดร้อนถึงใจ ดันออกหวานนำมาเลย จนสงสัยว่านี่ตกลงเป็น ผัดพริก หรือ ผัดน้ำตาล กันแน่! มันช่างย้อนแย้งกับสิ่งที่ควรจะเป็นเหลือเกิน



ที่พีคกว่านั้นคือ สมัยนี้ของคาวกลับหวานขึ้นแบบไม่เกรงใจใคร แต่ขนมหวานหลายๆ ร้านกลับพยายามลดความหวานลงเพื่อสุขภาพ เน้นแบบคลีนๆ กินแล้วไม่รู้สึกผิด มันเลยกลายเป็นความย้อนแย้งที่น่าสนใจและชวนให้เราตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับรสมือคนไทยกันแน่?

เมื่อก่อนผมจำได้ว่าอาหารเมื่อนก่อนจะมีรสชาติที่กลมกล่อม มีครบทั้งเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน ซึ่งความหวานนี่จะเป็นตัวช่วยเสริมให้รสชาติอื่น ๆ โดดเด่นขึ้นมา ไม่ใช่มากลบซะมิดเหมือนทุกวันนี้ แต่พักหลังมานี้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว ขนม หรือแม้แต่เครื่องดื่ม ก็รู้สึกว่าปริมาณน้ำตาลมันพุ่งพรวดแบบเห็นได้ชัดเลยนะครับ สำหรับวัยรุ่นหรือคนอายุน้อยกว่าอาจจะชอบความหวานแบบนี้ก็ได้ แต่พอเริ่มสูงวัยอย่างพวกเราเนี่ย บางทีก็กินไม่ไหวจริง ๆ ครับ ทั้งเรื่องสุขภาพและรสชาติที่ลิ้นมันไม่รับแล้ว

ทำไมอาหารไทยถึง "หวานขึ้นเรื่อยๆ" ? มาไขข้อข้องใจกัน!
ผมลองนั่งคิด วิเคราะห์ และตั้งคำถามดู ก็พอจะเดาสาเหตุได้ประมาณนี้ครับ:

สนิยมที่เปลี่ยนไปของคนไทย...หรือถูกทำให้เปลี่ยน?
"ติดหวาน" ตั้งแต่เด็ก: เราต้องยอมรับว่าคนไทยเราคุ้นเคยกับรสหวานมาตั้งแต่เด็กๆ ครับ ไม่ว่าจะจากขนมไทยโบราณที่หวานจัดจ้าน เครื่องดื่มต่างๆ หรือแม้แต่นมข้นหวานที่ใส่ในอาหารและเครื่องดื่มเยอะแยะไปหมด พอโตขึ้น ลิ้นของเราก็อาจจะชินและโหยหารสหวานโดยไม่รู้ตัว ทำให้ร้านค้าหรือผู้ผลิตอาหารก็ต้องปรับรสชาติให้หวานขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่
อิทธิพลจากอาหารต่างชาติ: นี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ! การที่อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมหวานสไตล์ตะวันตก (เช่น เค้ก คุกกี้ ไอศกรีม) หรือเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลาย มันส่งผลต่อการรับรู้รสชาติของเราอย่างมาก ทำให้คนรุ่นใหม่คุ้นชินกับความหวานในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งรสนิยมแบบนี้ก็แพร่กระจายไปสู่อาหารไทยด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

สงครามการค้า...ที่มาพร้อมความหวาน?
การแข่งขันที่ดุเดือด: ในธุรกิจอาหารที่มีการแข่งขันสูง การสร้างจุดเด่นหรือทำให้ลูกค้า "ติดใจ" เป็นเรื่องสำคัญมาก การเพิ่มความหวานอาจเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการกระตุ้นความอยากอาหารและความพึงพอใจ เพราะรสหวานเป็นรสชาติที่สมองเชื่อมโยงกับความสุข ความอร่อยแบบง่ายๆ ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เหมือนเป็นการสร้าง "ความติด" ให้กับรสชาติ
ต้นทุนและเทคนิคการผลิต: น้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่ราคาไม่แพงนักและหาซื้อง่ายครับ นอกจากจะให้รสชาติแล้ว น้ำตาลยังช่วยในเรื่องของเนื้อสัมผัส การถนอมอาหาร และการให้สีสันที่น่ารับประทานในอาหารบางชนิด การใช้ในปริมาณที่มากขึ้นจึงอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและสะดวกสบายสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อคุมต้นทุนและคุณภาพให้คงที่

ชีวิตเร่งรีบ...ที่น้ำตาลสูงขึ้นตาม?
อาหารสำเร็จรูปและอาหารพร้อมทาน: ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ ผู้คนมักมองหาความสะดวกสบาย อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารพร้อมทานจำนวนมากมักมีการเติมน้ำตาลในปริมาณที่สูง เพื่อให้รสชาติคงที่ อร่อยถูกปากคนส่วนใหญ่ และเก็บรักษาได้นานขึ้น
การบริโภคนอกบ้าน: เมื่อคนไทยกินอาหารนอกบ้านมากขึ้น การควบคุมปริมาณน้ำตาลจึงทำได้ยาก เพราะร้านอาหารมักจะปรุงรสตามสูตรของร้าน ซึ่งหลายครั้งก็หวานกว่าที่เราต้องการหรือรับได้ ยิ่งคนสูงวัยอย่างเราๆ ที่ต้องระวังสุขภาพเป็นพิเศษ นี่คือความท้าทายเลยครับ

ผมไม่ได้บอกว่าความหวานเป็นเรื่องไม่ดีนะครับ เพราะมันคือหนึ่งในรสชาติพื้นฐานที่ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้น แต่ถ้าหวานมากเกินไปจนกลบรสชาติอื่น และหวานจนแหวะ มันก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำหนักตัว เบาหวาน หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อื่น ๆ ที่ตามมา

เพื่อนๆ เคยรู้สึกเหมือนกันไหมครับ? แล้วคิดว่าสาเหตุหลักๆ คืออะไรกันแน่?
เราจะมีวิธีจัดการกับการกินอาหารหวานๆ ในชีวิตประจำวันได้ยังไงบ้างครับ?
หรือมีข้อสังเกตอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่