ลงนิยายแต่งเองเล่นๆครับ

อันนี้คือนิยายแต่งเองเล่นๆครับ จริงๆตอนแรกจะลงในเด็กดีแต่ว่าเขาบังคับให้ใช้บัญชีนักเขียนซึ่งยุ่งยากไปหน่อยตอนทำ ผมก็เลยเอามาลงพันทิพ จริงๆแค่อยากหาที่ลงนิยายที่แต่งเองครับ เป็นการแต่งเองครั้งแรกคำยังใช้ผิดๆแต่ก็ลองให้เพื่อนที่ชอบนิยายเขาดูให้อาจจะ มีคำที่แล้วดูแปลกๆอยู่หน่อย555(เยอะ) นี่คือผลงานครับ

ม.6 สำหรับคนอื่นแล้ว อาจเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างพยายามหาที่เรียนใหม่กันอย่างบ้าคลั่ง
แต่สำหรับผม…
มันคือช่วงเวลาที่ผมจะจดจำไปตลอดกาลเพราะ“เธอ”
 

เธอย้ายมาเรียนห้องของผมในช่วง ม.6
มันเป็นเรื่องแปลก เพราะนี่มันปีสุดท้ายแล้ว ไม่น่ามีใครบ้าพอจะย้ายมาในเวลานี้
 

ตอนแรกผมไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด
เราแทบไม่ได้คุยกัน
และถึงแม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็เหมือนเป็นคนแปลกหน้า
 

ปลายเดือนพฤษภาคม
ช่วงหน้าฝน ที่ผมไม่ชอบเลยสักนิด
ฝนตก อากาศอบอ้าว ชื้นๆ เหนอะๆ
เดินลำบาก ต้องพกร่ม น้ำก็ท่วม
น่ารำคาญสุดๆ
 

วันนั้น ฝนก็ตกอีกเหมือนเคย
มันเป็นเวลาประมาณบ่ายสาม ช่วงเลิกเรียน
ผมเดินออกไปที่หน้าประตูโรงเรียน ใจอยากก้าวให้ไวๆ แต่ก็ไม่อยากวิ่งให้น้ำกระเด็นเปื้อนรองเท้า
 

แล้วผมก็ต้องชะงัก…เพราะเธอ
 

เธอ นั่งอยู่ตรงหน้าป้อมยาม
ตัวสั่นงกๆ ผมเปียกนิดหน่อยเธอดูเปราะบางจนผมแทบหลบสายตาไม่ทัน
 

ผมจำได้ว่าเป็น “เด็กใหม่” ที่ย้ายเข้ามา
แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เข้าไปทัก
แค่เดินผ่านเธอไป… 
หรือจริงๆ แล้ว “แค่พยายามทำเป็นไม่สนใจ”
 

ผมเดินไปไกลพอสมควรแล้ว
แต่ในใจก็ตีกันวุ่นวาย
จะกลับไปเอาร่มให้เธอดีไหม หรือจะปล่อยไว้แบบนั้น
 

“โอ๊ย ไม่รู้ละ!”
 

ผมวิ่งกลับไปหาเธอทันที
เธอยังนั่งอยู่ที่เดิม ตัวสั่นเหมือนเดิม
 

“เอ้า!… นี่ ร่ม เอาไปใช้ไป ยั่งตัวสั่นแบบนี้ เดี๋ยวก็หวัดแดกหรอก”
 

พูดจบ ผมก็ยัดร่มใส่มือเธอแล้วรีบวิ่งกลับบ้านทันที
 

ตึกตัก ตึกตัก…
 

และนั้นคือวันแรกที่ผมรู้ตัวว่า…
ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
 

ดวงตาคู่นั้นที่มองกลับมาหาผม
ยังคงฝังอยู่ในใจ ภาพแววตาเธอที่มองมาวันนั้น ยังตราตรึงอยู่ในใจ ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายแบบที่อธิบายไม่ถูก หัวใจผมเต้นแรงจนแทบระเบิด
 

หลังจากวันนั้น
เราคุยกันมากขึ้น ค่อยๆ สนิทกันทีละนิด
ตอนแรกผมยังคิดว่า… “ก็แค่เพื่อนกัน”
แต่ภาพวันนั้นมันไม่เคยหายไปจากหัวผมเลย
 

ในห้องเรียน ผมมักจะเผลอเลื่อนสายตาไปที่เธอ
ดวงตาของเธอ ดูซุกซนและมีชีวิตชีวา
รอยยิ้มของเธอ… ทำเอาผมหยุดหายใจได้ทุกครั้ง
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าชอบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่รู้ตัวอีกที… ก็อยากไปโรงเรียนทุกวัน
แค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์… ก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ
 

เทอมสอง
 

แต่ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงวิธีที่เข้าหาเธอ
ยังคงเป็นเพื่อน… เหมือนเดิม
เพราะผมรู้ว่า สำหรับเธอ ผมอาจเป็นแค่คนรู้จัก หรือเพื่อนคนหนึ่ง
และผม… ก็กลัวจะเสียแม้กระทั่งสิ่งนั้นไป
เลยเลือกที่จะ “เก็บไว้คนเดียว”
 

และแล้ว…
เทอมสุดท้ายก็จบลง
 

เวลาผ่านไปจนถึงช่วงจบ ม.6 พวกเราวางแผนไปเที่ยวทะเลกันหลังสอบปลายภาค
ผมก็ตอบตกลงไปด้วยทันที
มีการซื้อของกิน เตรียมเครื่องดื่ม เล่นน้ำ ถ่ายรูป
สนุกสุดๆ เหมือนเด็กที่ได้ปล่อยตัวหลังถูกกักไว้มานาน
 

คืนนั้นมีคอนเสิร์ตจัดอยู่ไม่ไกลจากที่พัก
พวกเราจึงเดินไปดูเล่นกัน
ตอนนั้นยังไม่เริ่ม แต่คนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนจะมีศิลปินดังมาเล่น
 

เสียงเพลงดังกระหึ่ม ผสมกับเสียงคนรอบข้างที่กำลังสนุกสนาน
ทุกคนโยกตัวไปตามจังหวะของดนตรี บางคนก็กระโดด บางคนก็แค่ยิ้มกับเพื่อนข้างๆ
ผมเองก็พอโยกตัวตามบ้าง… แต่ไม่ได้สนใจเวทีหรือนักร้องเท่าไรนัก
สายตาผมลอบมองไปทางเธอบ่อยขึ้นโดยไม่รู้ตัว
 

ผ่านไปสักพัก เพื่อนสนิทของผมก็หันมากระซิบข้างหูผม
 

“กูไปซื้อเบียร์แป๊บนึง”
 

ก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงชน
แล้วคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันไปทีละคน
บางคนหายไปกับเสียงเพลง บางคนหายไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนของทะเล
สุดท้าย… เหลือเพียงแค่ผมกับเธอ
 

เธอยืนอยู่ข้างๆเงียบๆไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปทางเวทีเท่านั้น
 

ในตอนที่ผมหันไปมองเธอ…
หัวใจผมก็แทบจะระเบิด
 

ผมกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
พยายามหาคำจะพูดต่างๆ
หัวใจของผมมันเต้นโครมครามไม่หยุด ราวกับบรรยากาศรอบตัวจะแกล้งกัน บังคับให้ผมบอกความนใจออกไป
 

“…กูมีอะไรจะบอก“
 

ผมโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูของเธอช้า
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรวันนี้เธอดูสวยกว่าครั้งไหนๆ
เสียงเพลงที่เคยดังกระหึ่มก็ราวกับเบาลงอย่างช้าๆ
แสงสีของเวทีที่เคยกระพริบวูบวาบก็เริ่มจางลง
คนรอบข้างที่เคยยืนเบียดกันอยู่ กลับกลายเป็นเพียงเงาเลือนราง
 

ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน…
 

แสงสปอร์ตไลท์สาดลงมาจากเวที พุ่งตรงไปที่เธอคนเดียว
เธอค่อยๆหันมาทางผมอย่างช้าๆ 
ปอยผมที่โดนลมเย็นๆ จากทะเลพัดทำให้บดบังริมฝีปากของเธอนิดหน่อย
 

ผมมองเธออย่างช้าๆ
ดวงตาคู่นั้น… ยังคงเปล่งประกาย
เหมือนกับมีดาวนับพันดวงสะท้อนอยู่ในแววตา
 

และในตอนที่เธอหันมามองผม
เวลาราวกับหยุดนิ่งจริงๆ
 

เธอยิ้ม
 

รอยยิ้มที่เหมือนจะละลายโลกทั้งใบ
รอยยิ้มที่ไม่ใช่แค่ “สวย” แต่มัน อบอุ่น จนผมแทบลืมหายใจ
รอยยิ้มที่มัดใจชายใดในโลกก็ได้
 

ผมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พยายามตั้งสติ
แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้
 

ตึกตัก  ตึกตัก…
 

มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ…
แต่ในความรู้สึกของผม มันยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร์
 

(กูชอบ)
 

“กูไปขี้ก่อนนะ”
 

“ห้ะ? เออ… ไปดิ บอกกูทำไมวะ 555”
 

คำพูดที่ออกมาจากปากไม่ตรงกับใจ คำพูดที่ถูกกล่าวออกไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจะบอก ผมเพียงขมิบปากและรีบเดินออกมาอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจเต้นโครมครามใบหน้าร้อนผ่าว 
สติหลุดไปแล้ว
 

สุดท้าย
ผมก็ไปนั่งอยู่ริมชายหาด มองดูดวงดาวบนฟ้าที่ระยิบระยับราวกับกำลังเยาะเย้ยผม คลื่นซัดเข้าหาฝั่งแล้วก็ไหลกลับ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 
เหมือนกับหัวใจของผม…ที่ไปไม่ถึงเธอ
 

“เห้อ~”
 

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
สุดท้าย…ผมก็กลับห้องพักโดยไม่ได้พูดอะไรและ
ไม่ได้บอกเธอ…
 

หลังจากทริปนั้นจบลง
เราทุกคนต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง
ผมได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
และค่อยๆ ขาดการติดต่อกับเพื่อนหลายคน รวมถึงเธอ
 

เวลาผ่านไป ความทรงจำเกี่ยวกับเธอก็ถูกฝังอยู่ในซอกลึกของหัวใจ
ไม่ได้ลืม… เพียงแต่เก็บไว้เงียบๆ
 

และในบางวันที่ฝนตก ผมก็คงย้อนนึกกลับไป
นึกถึงเธอที่เปียกปอนในวันนั้น 
นึกถึงเธอที่อยู่ทามกลางผู้คนมากมาย
นึกถึงรอยยิ้มหนึ่งที่ครองใจของผม
ขอบคุณเธอนะที่เข้ามาใจชีวิต

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ จริงๆงานอันนี้คืองานที่คุณครูที่โรงเรียนสั่งมาครับแต่ผมทำผิดหัวข้อไปหน่อยก็เลยเอาไปใช้ไม่ได้แต่ผมก็ไม่อยากทิ้งผลงานชิ้นนี้ให้เสียเปล่าก็เลยเอามาลงครับ จะติชมก็ได้นะครับหรือจะไปใช้ต่อส่งครูก็ได้ครับแต่ติดเครดิตผมด้วยนะครับ🙏🏻🙏🏻กราบๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่