JJNY : 5in1 ณัฐชาอัดโฆษณาชวนเชื่อ│ธีรัจชัยแฉงบปลวกกินหนังสือ│หมอวาโย อัดสธ.│ณัฐพล ซัดท่องเที่ยวพัง│รมต.สหรัฐเตรียมประชุม

ณัฐชา อัด รบ.โฆษณาชวนเชื่อ คว้าน้ำเหลวเพิ่มเงิน ผู้สูงอายุ-เด็ก ปลุกส.ส.ทำภารกิจเพิ่มงบให้สำเร็จ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5207367
.
.
“ณัฐชา” อัด รัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อยาหอม “ผู้สูงอายุ – ผู้พิการ – เด็ก” จะเพิ่มเงินให้สุดท้ายคว้าน้ำเหลว ชี้ ดูแลผู้สูงอายุอย่างไรตายแล้วเกิดให้ยังไม่ถึงคิวได้บ้านพักคนชรา เหน็บ ดูแลแค่เรื่องรอทำศพ ประกาศลั่นกลางสภาฯ ขอทำภารกิจเพิ่มงบดูแลให้สำเร็จ บอกเพื่อนสส.ไม่ต้องกลัวขัดรธน. หากมีปัญหาขอรับผิดชอบเอง
.
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันที่ 3 โดย นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม
.
เวลา 11.45 น. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายงบสวัสดิการสังคม ในกระทรวง พม. และกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบหลักการปรับฐานกลุ่มเป้าหมายโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นเงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้า โดยไม่มีการคัดกรองรายได้ของครอบครัว เริ่มจากเด็กในครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนถึง 6 ปี จะได้รับเงินในอัตรา 600 บาทต่อคนต่อเดือน รับทราบการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได อายุ 60-69 ปี จะได้เดือนละ 700 บาท อายุ 70-79 ปี จะได้เดือนละ 850 บาท อายุ 80-89 ปี จะได้เดือนละ 1,000 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้เดือนละ 1,250 บาท และการปรับเบี้ยความพิการ จากเดิม 800 บาท เป็น 1,000 บาทถ้วน ทั้งหมดเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่ประกาศกับประชาชน หลายคนดีใจไปแล้ว แต่สุดท้ายน่าจะคว้าน้ำเหลว
.
เอาไปโฆษณากับประชาชนกันยกใหญ่ เพจทางการของพรรคเพื่อไทย เคยขึ้นเพจชัดเจน บอกลุงป้าเตรียมเฮ แต่ผ่านมา 6 เดือนฝันสลาย ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทุกอย่างเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เชื่ออะไรไม่ได้เลย เราก็มองหาผู้รับผิดชอบว่าบ้านนี้เมืองนี้อยู่กับนายกฯที่เป็นสแกมเมอร์หรือไม่อย่างไร เพราะสิ่งที่ท่านพูดหรือทำไม่เป็นผล ซึ่งในงบ’69 ถือว่าท่านอำมหิตมาก เงินไม่ให้ไม่พอแต่ยังหลอกให้ตายใจด้วย” นายณัฐชากล่าว
นายณัฐชากล่าวอีกว่า ตนตรวจสอบดูพบว่าทุกหน่วยงานต่างๆ มีคำของบประมาณเต็มจำนวนทุกหน่วยงาน รัฐมนตรีเห็นชอบ ครม.รับทราบแล้ว เหลือเพียงการแสดงออกของนายกฯว่าจะเอาอย่างไร จะต้องมีมติ ครม.รองรับเรื่องนี้หรือไม่ หากความพยายามของ ครม.ชุดนี้ ได้เศษเสี้ยวเหมือนกับการสู้เพื่อนายทุนไม่ว่าจะเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรืออะไรก็ดี ตนเห็นพยายามจะทำกันสุดใจขาดดิ้นไม่มีก็พยายามจะทำ แต่เรื่องนี้เงินพร้อม แต่ขาดความจริงใจจากนายกฯ ตนยอมไม่ได้ที่เงินเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ จะตกหล่นในปีนี้ ทางออกคือกลับไปออกมติ ครม.รองรับไว้ หรือหาเงินใส่มาเต็มจำนวนให้ได้ เพราะขณะนี้ถูกตัดส่วนนี้ไป ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายค้าน และรัฐบาล ช่วยกันทำหน้าที่ตรงนี้ได้ โดยช่วยกันตัดงบประมาณในชั้น กมธ.ให้ได้ 38,548 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนมากที่สุด
.
“มาช่วยกันตัดงบประมาณให้ได้มากที่สุด แล้วช่วยส่งคืนเติมเต็มความหวังของพี่น้องประชาชน เพื่อนในสภาแห่งนี้ อาจจะบอกว่าแบบนั้นผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่ระบุว่า ส.ส.ตัดงบได้แต่เพิ่มไม่ได้ ไม่เป็นไรผมรับผิดชอบเอง ให้มันรู้กันไปว่าถูกออกจากตำแหน่ง ส.ส. เพราะทวงเงินให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็ก นี่คือกลไกอำนาจหน้าที่ของเราที่ช่วยกันทำได้” นายณัฐชากล่าว

นายณัฐชากล่าวด้วยว่า คำแถลงของนายกฯพูดไว้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบ’69 พูดไว้ว่าให้ได้รับการคุ้มครองที่มีสวัสดิการสังคมที่เพียงพอ เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต ถ้าท่านประกาศแบบนี้ ว่าที่ให้ๆ กันอยู่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตแล้ว ท่านลองให้บุพการีลองชีวิตตามเงินที่ได้ดูว่าเหมาะสมตามการดำรงชีวิตอย่างไร ต่อมาบอกว่าตลอดจนการเตรียมความพร้อม เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพมั่นคงในทุกมิติ เขียนมาได้อย่างไร เขียนสวนทางกับตัวเลขคำของบประมาณ ให้เงินแค่นี้เท่ากับท่านไม่ได้รับมือเลย
.
“ท่านบอกว่าดูแลแบบครบทุกมิติ ผมดูแล้วมีมิติเดียวที่ท่านชัดเจนที่สุด คือสนับสนุนเงินทำศพ 150,000 บาท เรากำลังรองรับสังคมผู้สูงอายุด้วยการทำศพให้เขาอย่างเดียวเท่านั้นหรือ สรุปเราจะดูแลผู้สูงอายุแบบเตรียมทำศพหรือ สังคมผู้สูงอายุถึงทางตันแล้ว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือคนที่รอคิวเข้าบ้านพักคนชราที่บางแค ต้องรออีก 166 ปี ตายแล้วเกิดใหม่ยังไม่ถึงคิวเขาเลย นายณัฐชากล่าว
.
นายณัฐชากล่าวว่า เรื่องที่ควรทำยังไปไม่ถึงไหน แต่ทำเรื่องไม่ควรทำอย่างการของบประมาณโครงการศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพกลุ่มเปราะบาง จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งปีที่แล้วขอไป 48 ล้าน วันนี้ใช้ไปประมาณ 3.6% เหลือเวลา 4 เดือน ตนไม่แน่ใจว่าจะไปใช้กันแบบไหนเตือนกันแบบไหนใน 4 เดือน ปีนี้ขออีก 41 ล้านบาท ทุกอย่างเหมือนเดิม ตนคิดว่าท่านรัฐมนตรีอารมณ์ยังค้างอยู่คิดว่าเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ดูแลเรื่องสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเอาโครงการแต่ละหน่วยงานมาแยกให้ตรงกับหน่วยชี้วัดแบบมัดรวมกัน โดยตั้งชื่อเป็นแผนบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้สูงอายุ แต่แผนงานเป็นไปคนละทิศคนละทาง
.
วันนี้ผมอยากขอวิงวอนเพื่อนสมาชิกช่วยกันทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ให้เดือน ต.ค.68 เงินเด็กได้ถ้วนหน้า เงินคนพิการ เงินผู้สูงอายุได้เพิ่ม เรามาช่วยกันตัดงบประมาณแล้วส่งต่อให้กรมต่างๆ หากมีปัญหาเรื่องคดีความ เรื่องรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ผมรับผิดชอบเอง ไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็ได้ แต่ขอทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ผมขอประกาศไว้ในสภาแห่งนี้เลย” นายณัฐชากล่าว
.
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ชี้แจงว่า ขอบคุณที่ท่านช่วยทวงเงินให้เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ เราดำเนินการอย่างเต็มที่แล้วขณะนี้รอเงินอย่างเดียว หากแปรญัตติได้กระทรวง พม.ก็จะขอบพระคุณ ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพกลุ่มเปราะบาง จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสถานการณ์ฉุกเฉิน ตนไม่ได้ยึดติดกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ แต่เอามาประยุกต์ใช้กับกระทรวง พม. ว่าเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ กลุ่มคนที่จะได้รับผลกระทบกลุ่มแรก คือกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ และเด็กเล็ก จึงต้องได้รับการดูแลมากกว่าปกติ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางได้จำนวนมากในภาวะวิกฤต


.
ธีรัจชัย แฉ งบปลวกกินหนังสือ อัดองค์การค้ากินส่วนต่าง จี้ รมว.ศธ.จัดการ ชี้ช่องช่วยประหยัดพันล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5207326
.
ธีรัจชัย แฉ พบงบ ปลวกกินหนังสือ ใน ศธ. เผยองค์การค้ารับบทนายหน้า กินส่วนต่างจัดพิมพ์หนังสือ 1,000 ล้าน จี้ “รมว.เพิ่มพูน” จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด -พิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวข้อง
.
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันที่ 3 โดย นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม
.
เวลา 11.10 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายงบกระทรวงศึกษาธิการว่า ขอตั้งหัวข้อว่า “งบปลวก กินหนังสือ” ที่มีการตั้งงบประมาณซื้อหนังสือให้โรงเรียนในสังกัดปีละ 9,000 ล้านบาท หากนับเฉพาะโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แต่ละปี งบซื้อหนังสือปีละกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปี’69 ได้รับการจัดสรรงบ 5,057 ล้านบาท แบ่งเป็นหนังสือเรียนจากสำนักพิมพ์เอกชน 3,000 ล้านบาท และหนังสือเรียนฉบับกระทรวง 2,000 ล้านบาท โดยการพิมพ์หนังสือของสังกัด สพฐ.มีส่วนต่างค่าจ้างพิมพ์กับหนังสือที่ขาย โดยองค์การค้าที่จะมีส่วนต่างจากการพิมพ์ 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเงินในจำนวนนี้คุ้มหรือไม่ หมายถึงองค์การค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากส่วนเกินในการขายหนังสือ แต่มองในแง่งบของรัฐ คือรัฐจะต้องจ่ายเงินค่าหนังสือเรียนจากภาษีของประชาชนแพงขึ้น 1,000 ล้านบาท
.
ท่านประธานสงสัยหรือไม่ว่าหนังสือแพง มันแพงได้อย่างไร ส่วนเกินจากการขายหนังสือ 1,000 ล้านบาท มันมีปัญหาอะไรบ้าง และเป็นงบประมาณปลวกกินหนังสือได้อย่างไร” นายธีรัจชัยกล่าว
.
นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า ต้นทุนที่ให้องค์การค้าตัวกลางการบริหารจัดการจัดทำหนังสือ ที่มีส่วนเกินปีละ 1,000 ล้านบาทจากการขายหนังสือราคาปก แต่รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย เหลือ 247 ล้านบาทเท่านั้น แต่องค์การค้าไม่ได้ขาย หรือส่งหนังสือเอง แต่เป็นนายหน้าค้ากำไรเอง โดยปล่อยให้ตัวแทนจำหน่าย 12 ราย ขายหนังสือแทน และยังทำส่วนลดตัวแทนจำหน่ายสูงถึง 18-30% ของราคาปก หรือราคายอดขายอยู่ที่ 360-600 ล้านบาทต่อปี ขอถามเหตุผลจำเป็นที่ต้องตั้งส่วนลดให้ตัวแทนจำหน่ายสูงขนาดนี้ สกสค.ทำไปเพื่อ รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งเป็นประธานบอร์ด สกสค.ปล่อยให้ทำไปเพื่อ ถ้าเปลี่ยนใหม่ สพฐ. หรือ สสวท. จ้างพิมพ์เองแล้วให้ตัวแทนจำหน่ายขายแทนก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าบริหารอีกต่อไป แบบองค์การค้าที่ทำอยู่ ไม่ดีกว่าหรือ
.
อยากถามว่าการประกวดราคาจัดพิมพ์หนังสือเรียน มีปลวกกินได้อย่างไร องค์การค้ามีการกำหนด TOR กีดกันไม่ให้คู่แข่งรายใหม่เข้าแข่งขันกับเจ้าประจำที่ได้งานมานานหลาย 10 ปี ผ่านการฮั้วราคาล็อกสเปก ให้เจ้าเดิมเป็นเสือนอนกินมาตลอด คนที่ต้องแบกรับคือรัฐเสียงบที่มาจากภาษีประชาชน ซื้อหนังสือเรียนแพงกว่าที่ควรจะเป็น และไม่มีคุณภาพ ซึ่งรัฐมนตรีก็รู้ดี” นายธีรัจชัยกล่าว
.
นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า เรื่องการควบคุมคุณภาพปกหนังสือ ซึ่งองค์การค้ามีการแยกพิมพ์ระหว่าง “ตัวหนังสือกับปกหนังสือ” ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับโรงพิมพ์หากส่งไม่ครบ จะถูกนำไปอ้างเรื่องส่งหนังสือไม่ครบตามสัญญา หากตีตามสัดส่วนในแต่ละปีองค์การค้าจะโดนโกง 30-40 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมีการส่งจดหมายร้องเรียนไปยัง พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ แต่จนถึงวันนี้ไม่มีการจัดการโรงพิมพ์เหล่านี้ และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงรับงาน อย่างนี้ รมว.ศึกษาธิการอยู่เฉยได้อย่างไร ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง และจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
.
นายธีรัจชัยกล่าวอีกว่า ขอถามเหตุผลความจำเป็นที่ให้องค์การค้าทำหน้าที่จัดพิมพ์หนังสือต่อไป เมื่อการขายหนังสือไม่ได้เป็นรายได้ของรัฐหรือแผ่นดิน และการบริหารโดยองค์การค้าไม่ได้ทำให้รัฐได้ประโยชน์ ทำให้เสียงบประมาณแพงเกินกว่า 1,000 ล้านบาท เช่นนี้หากรัฐให้หาตัวแทนจำหน่ายเอง หรือจัดซื้อหนังสือจากเอกชนที่พิมพ์หนังสือแต่ละหลักสูตร จะเป็นประโยชน์กว่าหรือไม่ และการกระทำของ สกสค.ขัดกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2516 ที่ระบุว่า จะต้องไม่ไปส่งงานพิมพ์ให้เอกชนรับช่วงต่อในลักษณะนายหน้าค้ากำไร แต่ดูเหมือนเป็นองค์การค้านั้นทำอยู่ในขณะนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่