ออสเตรียกำลังพิจารณาจัดหาเครื่องบินขับไล่เชิงยุทธศาสตร์ระหว่าง Rafale F4 และ Typhoon Tranche 4

โครงการปรับปรุงขีดความสามารถด้านการรบทางอากาศของออสเตรียกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อกระทรวงกลาโหมมีแผนที่จะปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ Eurofighter EF-2000 Tranche 1 ทั้ง 15 ลำ ซึ่งปัจจุบันยังปฏิบัติการอยู่กับกองทัพอากาศออสเตรีย (Luftstreitkräfte) เครื่องบินเหล่านี้ซึ่งได้รับมอบตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2009 ถูกพบว่ามีข้อจำกัดทางเทคนิคอย่างชัดเจน ไม่สามารถตอบสนองภารกิจในยุคปัจจุบันได้อย่างเพียงพอ
นายกรัฐมนตรีคริสเตียน สต็อคเกอร์ และรัฐบาลของเขาได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกเครื่องบินขับไล่แบบสองเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการตัดชื่อผู้เข้าแข่งขันหลายรายออกจากรายชื่อเบื้องต้น เหลือเพียงการแข่งขันระหว่าง Rafale F4 จาก Dassault Aviation ของฝรั่งเศส กับ Typhoon Tranche 4 ของ Airbus Defense and Space ซึ่งทั้งสองเป็นเครื่องบินจากยุโรป
เครื่อง Eurofighter รุ่นที่ออสเตรียใช้อยู่ในปัจจุบันถือเป็นกลุ่มแรกของโครงการยุโรป และไม่สามารถปรับแต่งให้อัปเกรดเป็นมาตรฐานใหม่ ๆ ได้ กระทรวงกลาโหมได้ออกมาแสดงความกังวลในปี 2017 เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการใช้งานและข้อจำกัดในภารกิจบางประเภท โดยเฉพาะภารกิจภาคพื้นดิน ซึ่งท้ายที่สุดทำให้มีการตัดสินใจเลือกเปลี่ยนรุ่นแทนที่จะอัปเกรด ทั้งนี้เพราะ Tranche 1 ไม่สามารถใช้งานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์และอากาศยานรุ่น Tranche 4 ได้เลย ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการยืนยันจากรายงานของศาลตรวจเงินแผ่นดินออสเตรียในปี 2020
การตั้งเงื่อนไขว่าเครื่องบินต้องเป็นแบบสองเครื่องยนต์ ส่งผลให้ Gripen JAS 39 E/F จาก Saab ตกรอบตั้งแต่ช่วงต้น แม้จะมีประสิทธิภาพดีและต้นทุนต่ำ ส่วน F-35A จากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเครื่องบินล่องหน (stealth fighter) ที่ทันสมัย ก็ถูกตัดออกจากการแข่งขันเช่นกัน โดยมีเหตุผลหลายประการ หนึ่งในนั้นคือประเด็นทางการเมืองในยุคของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งเคยมีท่าทีแข็งกร้าวต่อสหภาพยุโรป ส่งผลต่อความรู้สึกของประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก NATO อย่างออสเตรีย
อีกประเด็นหนึ่งคือความต้องการใช้งานจริงของออสเตรียไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้เครื่องบินล่องหนขั้นสูงเช่น F-35A ซึ่งออกแบบมาสำหรับการรบในพื้นที่ที่มีการคุกคามสูง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาวของ F-35A ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง และได้รับการจับตามองจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เองอย่าง GAO

ผลลัพธ์คือการแข่งขันถูกจำกัดให้เหลือสองแพลตฟอร์ม Typhoon Tranche 4 ถือเป็นตัวเลือกที่มีข้อได้เปรียบในแง่ของความต่อเนื่องด้านอุตสาหกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เครื่องรุ่นนี้เป็นเวอร์ชันที่ล้ำหน้าที่สุดของโครงการ Eurofighter มาพร้อมเรดาร์ AESA Captor-E ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย และรองรับอาวุธปัจจุบันได้หลากหลาย หากออสเตรียเลือกเครื่องนี้ จะช่วยให้การฝึก การบำรุงรักษา และแนวทางปฏิบัติทางยุทธวิธีไม่ต้องปรับเปลี่ยนมาก พร้อมทั้งยังเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเยอรมนีและอิตาลี ซึ่งเป็นสองประเทศผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Eurofighter โดยเยอรมนียังเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงสำคัญของออสเตรีย ขณะที่อิตาลีผ่านบริษัท Leonardo ก็มีบทบาทในโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ AW169M และเครื่องบิน M-346FA
ในอีกด้านหนึ่ง Rafale F4 จาก Dassault Aviation ก็เป็นตัวเลือกที่น่าจับตา แม้ฝรั่งเศสจะไม่ใช่พันธมิตรทางทหารหลักของออสเตรีย แต่ Rafale ได้รับการเลือกใช้งานจากหลายประเทศในยุโรป เช่น โครเอเชียที่ซื้อรุ่น F3-R มือสอง และเซอร์เบียที่เพิ่งประกาศจัดซื้อรุ่นใหม่จำนวน 12 ลำ Rafale F4 ที่เริ่มเข้าประจำการกับฝรั่งเศสในปี 2023 มีจุดเด่นที่ระบบสื่อสารและประมวลผลข้อมูลขั้นสูง รองรับภารกิจหลากหลายสภาพแวดล้อม และทาง Dassault ก็พร้อมส่งมอบเครื่องให้ทันภายในปี 2030 ตามกรอบเวลาที่ออสเตรียวางไว้
ไม่นานมานี้ Rafale ได้แสดงความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครื่องบินในสถานการณ์จริงที่เครื่องได้รับความเสียหายจากการสู้รบ แต่สามารถพานักบินกลับฐานได้อย่างปลอดภัย เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากสื่อสายการทหารอย่างแพร่หลาย แม้ Dassault จะยังไม่มีสัญญากับออสเตรีย แต่บริษัทก็มีจุดแข็งด้านการออกแบบที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้า พร้อมสนับสนุนโดยหน่วยงานรัฐของฝรั่งเศส
เมื่อเทียบกันในแง่เทคนิค Typhoon Tranche 4 และ Rafale F4 ต่างก็นำเสนอคุณสมบัติที่ทันสมัย ทั้งสองมีความเร็วสูงสุด Mach 1.8 บินได้ถึงระดับความสูง 50,000 ฟุต ใช้เครื่องยนต์คู่เหมือนกัน Typhoon ติดตั้งเรดาร์ AESA Captor-E พร้อมระบบ PIRATE IRST ขณะที่ Rafale ใช้เรดาร์ AESA RBE2 และชุดสงครามอิเล็กทรอนิกส์ SPECTRA ที่เด่นเรื่องการป้องกันตัวและการรบกวนสัญญาณ Typhoon มีแนวทางอัปเกรดแบบค่อยเป็นค่อยไปผสมผสานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ในด้านอาวุธ ทั้งคู่รองรับขีปนาวุธพิสัยไกล Meteor Typhoon ใช้ AMRAAM กับ ASRAAM ส่วน Rafale ใช้ MICA ทั้งอินฟราเรดและแม่เหล็กไฟฟ้า สำหรับภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน Typhoon ใช้อาวุธอย่าง Paveway IV, Brimstone และ Storm Shadow ขณะที่ Rafale ติดตั้งระเบิด AASM, GBU-24, SCALP รวมถึงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ASMP-A จุดแข็งอีกจุดคือ Rafale มีจุดติดตั้งอาวุธถึง 14 จุด รองรับน้ำหนักได้มากกว่า Typhoon ที่รองรับประมาณ 7.5 ตัน
ในภารกิจจริง Typhoon ถูกใช้ในการลาดตระเวนทางอากาศ QRA ในอังกฤษและฟอล์กแลนด์ และเคยร่วมรบในภารกิจที่ลิเบียและตะวันออกกลาง ส่วน Rafale คือกำลังหลักของฝรั่งเศส ใช้ในภูมิภาคซาเฮล ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก มีฟีเจอร์เด่น เช่น ระบบ Scorpion ที่แสดงผลข้อมูลบนหมวกนักบิน รองรับสงครามยุคใหม่ที่เน้นการเชื่อมโยงข้อมูล

ออสเตรียกำลังพิจารณาจัดหาเครื่องบินขับไล่เชิงยุทธศาสตร์ระหว่าง Rafale F4 และ Typhoon Tranche 4
นายกรัฐมนตรีคริสเตียน สต็อคเกอร์ และรัฐบาลของเขาได้แสดงเจตนารมณ์ในการเลือกเครื่องบินขับไล่แบบสองเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการตัดชื่อผู้เข้าแข่งขันหลายรายออกจากรายชื่อเบื้องต้น เหลือเพียงการแข่งขันระหว่าง Rafale F4 จาก Dassault Aviation ของฝรั่งเศส กับ Typhoon Tranche 4 ของ Airbus Defense and Space ซึ่งทั้งสองเป็นเครื่องบินจากยุโรป
เครื่อง Eurofighter รุ่นที่ออสเตรียใช้อยู่ในปัจจุบันถือเป็นกลุ่มแรกของโครงการยุโรป และไม่สามารถปรับแต่งให้อัปเกรดเป็นมาตรฐานใหม่ ๆ ได้ กระทรวงกลาโหมได้ออกมาแสดงความกังวลในปี 2017 เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการใช้งานและข้อจำกัดในภารกิจบางประเภท โดยเฉพาะภารกิจภาคพื้นดิน ซึ่งท้ายที่สุดทำให้มีการตัดสินใจเลือกเปลี่ยนรุ่นแทนที่จะอัปเกรด ทั้งนี้เพราะ Tranche 1 ไม่สามารถใช้งานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์และอากาศยานรุ่น Tranche 4 ได้เลย ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการยืนยันจากรายงานของศาลตรวจเงินแผ่นดินออสเตรียในปี 2020
การตั้งเงื่อนไขว่าเครื่องบินต้องเป็นแบบสองเครื่องยนต์ ส่งผลให้ Gripen JAS 39 E/F จาก Saab ตกรอบตั้งแต่ช่วงต้น แม้จะมีประสิทธิภาพดีและต้นทุนต่ำ ส่วน F-35A จากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเครื่องบินล่องหน (stealth fighter) ที่ทันสมัย ก็ถูกตัดออกจากการแข่งขันเช่นกัน โดยมีเหตุผลหลายประการ หนึ่งในนั้นคือประเด็นทางการเมืองในยุคของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งเคยมีท่าทีแข็งกร้าวต่อสหภาพยุโรป ส่งผลต่อความรู้สึกของประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก NATO อย่างออสเตรีย
อีกประเด็นหนึ่งคือความต้องการใช้งานจริงของออสเตรียไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้เครื่องบินล่องหนขั้นสูงเช่น F-35A ซึ่งออกแบบมาสำหรับการรบในพื้นที่ที่มีการคุกคามสูง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาวของ F-35A ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง และได้รับการจับตามองจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เองอย่าง GAO
ในอีกด้านหนึ่ง Rafale F4 จาก Dassault Aviation ก็เป็นตัวเลือกที่น่าจับตา แม้ฝรั่งเศสจะไม่ใช่พันธมิตรทางทหารหลักของออสเตรีย แต่ Rafale ได้รับการเลือกใช้งานจากหลายประเทศในยุโรป เช่น โครเอเชียที่ซื้อรุ่น F3-R มือสอง และเซอร์เบียที่เพิ่งประกาศจัดซื้อรุ่นใหม่จำนวน 12 ลำ Rafale F4 ที่เริ่มเข้าประจำการกับฝรั่งเศสในปี 2023 มีจุดเด่นที่ระบบสื่อสารและประมวลผลข้อมูลขั้นสูง รองรับภารกิจหลากหลายสภาพแวดล้อม และทาง Dassault ก็พร้อมส่งมอบเครื่องให้ทันภายในปี 2030 ตามกรอบเวลาที่ออสเตรียวางไว้
ไม่นานมานี้ Rafale ได้แสดงความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครื่องบินในสถานการณ์จริงที่เครื่องได้รับความเสียหายจากการสู้รบ แต่สามารถพานักบินกลับฐานได้อย่างปลอดภัย เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากสื่อสายการทหารอย่างแพร่หลาย แม้ Dassault จะยังไม่มีสัญญากับออสเตรีย แต่บริษัทก็มีจุดแข็งด้านการออกแบบที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้า พร้อมสนับสนุนโดยหน่วยงานรัฐของฝรั่งเศส
เมื่อเทียบกันในแง่เทคนิค Typhoon Tranche 4 และ Rafale F4 ต่างก็นำเสนอคุณสมบัติที่ทันสมัย ทั้งสองมีความเร็วสูงสุด Mach 1.8 บินได้ถึงระดับความสูง 50,000 ฟุต ใช้เครื่องยนต์คู่เหมือนกัน Typhoon ติดตั้งเรดาร์ AESA Captor-E พร้อมระบบ PIRATE IRST ขณะที่ Rafale ใช้เรดาร์ AESA RBE2 และชุดสงครามอิเล็กทรอนิกส์ SPECTRA ที่เด่นเรื่องการป้องกันตัวและการรบกวนสัญญาณ Typhoon มีแนวทางอัปเกรดแบบค่อยเป็นค่อยไปผสมผสานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ในด้านอาวุธ ทั้งคู่รองรับขีปนาวุธพิสัยไกล Meteor Typhoon ใช้ AMRAAM กับ ASRAAM ส่วน Rafale ใช้ MICA ทั้งอินฟราเรดและแม่เหล็กไฟฟ้า สำหรับภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน Typhoon ใช้อาวุธอย่าง Paveway IV, Brimstone และ Storm Shadow ขณะที่ Rafale ติดตั้งระเบิด AASM, GBU-24, SCALP รวมถึงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ASMP-A จุดแข็งอีกจุดคือ Rafale มีจุดติดตั้งอาวุธถึง 14 จุด รองรับน้ำหนักได้มากกว่า Typhoon ที่รองรับประมาณ 7.5 ตัน
ในภารกิจจริง Typhoon ถูกใช้ในการลาดตระเวนทางอากาศ QRA ในอังกฤษและฟอล์กแลนด์ และเคยร่วมรบในภารกิจที่ลิเบียและตะวันออกกลาง ส่วน Rafale คือกำลังหลักของฝรั่งเศส ใช้ในภูมิภาคซาเฮล ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก มีฟีเจอร์เด่น เช่น ระบบ Scorpion ที่แสดงผลข้อมูลบนหมวกนักบิน รองรับสงครามยุคใหม่ที่เน้นการเชื่อมโยงข้อมูล