บทที่ 9: ปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ : สุขวิชโนมิกส์
(Sukavichinomics
)
“Thailand is awash with weapons of war. Upcountry, the rule of law is replaced by the rule of the gun, by the threat of coercion.”
– H.E. Mr. Sukavich Rangsitpol, Deputy Prime Minister of Thailand
คำกล่าวข้างต้นสะท้อนสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในช่วงก่อนการปฏิรูประบบการเมือง การบริหาร และความมั่นคงแห่งรัฐอย่างแท้จริง ภายใต้บริบทที่ความรุนแรง ความเหลื่อมล้ำ และระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึกในชนบท ความมั่นคงของรัฐจึงมิได้เกิดจากการควบคุม หากแต่ต้องอาศัยการปฏิรูประบบที่ทำให้ประชาชนเป็นฐานของความมั่นคงอย่างแท้จริง…
หลักการของการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ
การปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2540 มิได้เน้นที่การเพิ่มอำนาจของฝ่ายความมั่นคงตามแนวคิดรัฐนิยมแบบเดิม แต่มุ่งหมาย “สร้างรัฐที่มั่นคงด้วยประชาชน” โดยเน้น 3 มิติหลัก ได้แก่
ความมั่นคงทางสถาบันและการเมืองที่มีธรรมาภิบาล
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ความมั่นคงทางสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน
การปฏิรูปในบริบทนี้จึงเป็นการปรับเปลี่ยนกลไกของรัฐให้โปร่งใส ยึดหลักนิติธรรม และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ ถ่วงดุล และมีบทบาทในการร่วมกำหนดอนาคตของประเทศอย่างแท้จริง
กลไกการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ 2540
รัฐธรรมนูญ 2540 ได้วางรากฐานของการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐผ่านบทบัญญัติต่าง ๆ ได้แก่:
1. องค์กรอิสระเพื่อสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง
มาตรา 321 – 322: การจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และองค์กรตรวจสอบอื่น ๆ ให้มีอิสระจากฝ่ายบริหาร เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากรของรัฐไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือพรรคพวก
2. กลไกเปลี่ยนผ่านอย่างมีเสถียรภาพ
มาตรา 322: กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรุ่นแรกอยู่ในตำแหน่งครึ่งวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน พร้อมเปิดทางให้วุฒิสภาชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งสามารถมีบทบาทในการสรรหาอย่างอิสระ
3. การกระจายอำนาจและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น
มาตรา 78 และ 281: กำหนดให้มีการถ่ายโอนอำนาจและงบประมาณจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการตนเอง สร้างภูมิคุ้มกันจากปัญหาเชิงโครงสร้าง
4. หลักประกันสิทธิและเสรีภาพเพื่อความมั่นคงของประชาชน
หมวด 3 ทั้งหมด: รับรองสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ สิทธิในการร้องเรียน และสิทธิในการรวมกลุ่มเป็นองค์กรของประชาชน
บทเรียนและการสืบสาน
การปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐที่แท้จริงไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการควบคุมหรือการใช้กำลังเท่านั้น หากแต่ต้องสร้างรากฐานใหม่ของ “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ระหว่างรัฐกับประชาชน โดยอาศัยหลักการดังนี้:
การใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือปฏิรูปเชิงโครงสร้าง
การสร้างวัฒนธรรมการเมืองใหม่ที่เคารพเสียงของประชาชน
การยุติวงจรอุปถัมภ์และการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
รัฐธรรมนูญ 2540 ภายใต้กระบวนทัศน์ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐในรูปแบบใหม่ ซึ่งเน้น การทำให้ประชาชนเข้มแข็ง เพื่อให้รัฐมั่นคง ไม่ใช่การทำให้รัฐเข้มแข็งโดยจำกัดเสรีภาพของประชาชน
สุขวิชโนมิกส์: การเปลี่ยนโครงสร้างและวิธีคิดของรัฐไทย
จาก
“รัฐที่มองประชาชนเป็นภัย ต้องควบคุม ต้องจำกัดสิทธิ”
สู่
“รัฐที่เห็นประชาชนเป็นฐานของความมั่นคง เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนา”
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญ:
เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจ:
กระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และสร้างองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐ
เปลี่ยนวิธีคิด:
จากรัฐที่กลัวการตั้งคำถาม → มาเป็นรัฐที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้
จากประชาชนที่ต้องอยู่ใต้อำนาจ → มาเป็นประชาชนที่รัฐต้องรับฟัง
หลักคิด “สุขวิชโนมิกส์” จึงคือ...
รัฐจะมั่นคงได้ เมื่อประชาชนเข้มแข็ง มีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วม
สุขวิชโนมิกส์: การเปลี่ยนผ่านจากรัฐอำนาจนิยมสู่รัฐประชาชน
จากรัฐควบคุม → สู่รัฐที่ร่วมมือกับประชาชน
จากการรวมศูนย์ → สู่การกระจายอำนาจ
จากการปิดกั้น → สู่การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วม
จากรัฐกลัวประชาชน → สู่รัฐดูแลประชาชน
หลักคิดกลาง:
“รัฐจะมั่นคงได้ เมื่อประชาชนเข้มแข็ง มีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วม”
แนวคิดนี้ไม่เพียงเปลี่ยนระบบบริหาร แต่ยัง เปลี่ยนจิตสำนึกของการปกครองและการมีส่วนร่วมทางสังคม ให้ประชาชนไม่ใช่แค่ “ผู้ถูกปกครอง” แต่เป็น “หุ้นส่วนในการพัฒนา” — ซึ่งเป็นหัวใจของรัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่
บทสรุป: สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics) กับการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ
1. ภาพรวม: ความมั่นคงที่ไม่ใช่อำนาจ แต่คือประชาชน
“Thailand is awash with weapons of war… the rule of law is replaced by the rule of the gun…”
– คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล
ข้อความนี้สะท้อนว่า รากเหง้าของ “ความไม่มั่นคง” ไม่ใช่การขาดแคลนกำลังทหารหรือกฎหมาย แต่คือ ความเปราะบางของประชาชน ที่อยู่ภายใต้ความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง และระบบอุปถัมภ์
2. แนวคิดหลัก: สร้างรัฐที่มั่นคงด้วยประชาชน
แทนที่จะสร้างรัฐด้วยการรวมศูนย์อำนาจ รัฐจะต้อง:
กระจายอำนาจ สู่ท้องถิ่น (มาตรา 78, 281)
สร้างองค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบอำนาจรัฐ (มาตรา 321–322)
ประกันสิทธิและเสรีภาพ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม (หมวด 3 รัฐธรรมนูญ 2540)
3. กลไกสำคัญในรัฐธรรมนูญ 2540
องค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และ สตง. เพื่อถ่วงดุลอำนาจ
การเปลี่ยนผ่านอย่างมีเสถียรภาพ โดยการตั้งวาระองค์กรอิสระให้มีต่อเนื่อง
การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ด้วยงบประมาณและการบริหารตนเอง
สิทธิเสรีภาพ ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบและร้องเรียนได้
4. สุขวิชโนมิกส์: Paradigm Shift ของรัฐไทย
5. บทเรียนและความต่อเนื่อง
การปฏิรูปไม่ใช่แค่เปลี่ยนกฎหมาย แต่ต้องเปลี่ยน วัฒนธรรมการเมือง
ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างรัฐกับประชาชน คือหัวใจของความมั่นคง
การทำลายระบบอุปถัมภ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างรัฐสมัยใหม่
6. คำสรุปหลักคิด
“รัฐจะมั่นคงได้ เมื่อประชาชนเข้มแข็ง มีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วม”
ปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ: สุขวิชโนมิกส์ ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานแนวคิดใหม่ให้แก่ความมั่นคงของรัฐไทย โดยเปลี่ยนจาก "รัฐที่ควบคุมประชาชน" ไปสู่ "รัฐที่ประชาชนคือฐานของความมั่นคง"
สรุปใจความสำคัญได้ดังนี้:
1. ปัญหาที่ต้องปฏิรูป
ประเทศไทยเต็มไปด้วยอาวุธ ความรุนแรง และการใช้อำนาจนอกระบบกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
รากเหง้าของความไม่มั่นคงคือ ความเหลื่อมล้ำ, ระบบอุปถัมภ์, และ ประชาชนที่อ่อนแอ
2. แนวทางการปฏิรูป: “สุขวิชโนมิกส์”
“รัฐจะมั่นคงได้ เมื่อประชาชนเข้มแข็ง มีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วม”
เปลี่ยนจาก “รัฐควบคุมประชาชน” → “รัฐที่ร่วมมือกับประชาชน”
เน้น การกระจายอำนาจ, ความโปร่งใส, และ การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างรัฐกับประชาชน
3. กลไกในรัฐธรรมนูญ 2540 ที่รองรับการปฏิรูป
องค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช., สตง. เพื่อคานอำนาจและป้องกันการคอร์รัปชัน (มาตรา 321–322)
การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (มาตรา 78, 281)
การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน (หมวด 3)
การเปลี่ยนผ่านที่มั่นคง โดยจัดวาระองค์กรอิสระให้เกิดความต่อเนื่อง
4. จุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างและวิธีคิด (Paradigm Shift)
จากการรวมศูนย์อำนาจ → สู่การกระจายอำนาจ
จากการควบคุม → สู่การมีส่วนร่วม
จากความกลัวประชาชน → สู่การยอมรับและดูแลประชาชน
5. บทเรียนสำคัญ
การปฏิรูปต้องเปลี่ยนมากกว่าแค่กฎหมาย ต้องเปลี่ยน วัฒนธรรมการเมือง
ความมั่นคงแท้จริงไม่ใช่เรื่องทหารหรือกฎหมาย แต่คือ “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ระหว่างรัฐกับประชาชน
ต้องรื้อระบบอุปถัมภ์ เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
บทที่ 9: ปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ : สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics)
“Thailand is awash with weapons of war. Upcountry, the rule of law is replaced by the rule of the gun, by the threat of coercion.”
– H.E. Mr. Sukavich Rangsitpol, Deputy Prime Minister of Thailand
คำกล่าวข้างต้นสะท้อนสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในช่วงก่อนการปฏิรูประบบการเมือง การบริหาร และความมั่นคงแห่งรัฐอย่างแท้จริง ภายใต้บริบทที่ความรุนแรง ความเหลื่อมล้ำ และระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึกในชนบท ความมั่นคงของรัฐจึงมิได้เกิดจากการควบคุม หากแต่ต้องอาศัยการปฏิรูประบบที่ทำให้ประชาชนเป็นฐานของความมั่นคงอย่างแท้จริง…
หลักการของการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ
การปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2540 มิได้เน้นที่การเพิ่มอำนาจของฝ่ายความมั่นคงตามแนวคิดรัฐนิยมแบบเดิม แต่มุ่งหมาย “สร้างรัฐที่มั่นคงด้วยประชาชน” โดยเน้น 3 มิติหลัก ได้แก่
ความมั่นคงทางสถาบันและการเมืองที่มีธรรมาภิบาล
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ความมั่นคงทางสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน
การปฏิรูปในบริบทนี้จึงเป็นการปรับเปลี่ยนกลไกของรัฐให้โปร่งใส ยึดหลักนิติธรรม และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ ถ่วงดุล และมีบทบาทในการร่วมกำหนดอนาคตของประเทศอย่างแท้จริง
กลไกการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ 2540
รัฐธรรมนูญ 2540 ได้วางรากฐานของการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐผ่านบทบัญญัติต่าง ๆ ได้แก่:
1. องค์กรอิสระเพื่อสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง
มาตรา 321 – 322: การจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และองค์กรตรวจสอบอื่น ๆ ให้มีอิสระจากฝ่ายบริหาร เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากรของรัฐไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือพรรคพวก
2. กลไกเปลี่ยนผ่านอย่างมีเสถียรภาพ
มาตรา 322: กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรุ่นแรกอยู่ในตำแหน่งครึ่งวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน พร้อมเปิดทางให้วุฒิสภาชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งสามารถมีบทบาทในการสรรหาอย่างอิสระ
3. การกระจายอำนาจและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น
มาตรา 78 และ 281: กำหนดให้มีการถ่ายโอนอำนาจและงบประมาณจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการตนเอง สร้างภูมิคุ้มกันจากปัญหาเชิงโครงสร้าง
4. หลักประกันสิทธิและเสรีภาพเพื่อความมั่นคงของประชาชน
หมวด 3 ทั้งหมด: รับรองสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ สิทธิในการร้องเรียน และสิทธิในการรวมกลุ่มเป็นองค์กรของประชาชน
บทเรียนและการสืบสาน
การปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐที่แท้จริงไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการควบคุมหรือการใช้กำลังเท่านั้น หากแต่ต้องสร้างรากฐานใหม่ของ “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ระหว่างรัฐกับประชาชน โดยอาศัยหลักการดังนี้:
การใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือปฏิรูปเชิงโครงสร้าง
การสร้างวัฒนธรรมการเมืองใหม่ที่เคารพเสียงของประชาชน
การยุติวงจรอุปถัมภ์และการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
รัฐธรรมนูญ 2540 ภายใต้กระบวนทัศน์ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐในรูปแบบใหม่ ซึ่งเน้น การทำให้ประชาชนเข้มแข็ง เพื่อให้รัฐมั่นคง ไม่ใช่การทำให้รัฐเข้มแข็งโดยจำกัดเสรีภาพของประชาชน
จากประชาชนที่ต้องอยู่ใต้อำนาจ → มาเป็นประชาชนที่รัฐต้องรับฟัง
สุขวิชโนมิกส์: การเปลี่ยนผ่านจากรัฐอำนาจนิยมสู่รัฐประชาชน
จากรัฐควบคุม → สู่รัฐที่ร่วมมือกับประชาชน
จากการรวมศูนย์ → สู่การกระจายอำนาจ
จากการปิดกั้น → สู่การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วม
จากรัฐกลัวประชาชน → สู่รัฐดูแลประชาชน
หลักคิดกลาง:
“รัฐจะมั่นคงได้ เมื่อประชาชนเข้มแข็ง มีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วม”
แนวคิดนี้ไม่เพียงเปลี่ยนระบบบริหาร แต่ยัง เปลี่ยนจิตสำนึกของการปกครองและการมีส่วนร่วมทางสังคม ให้ประชาชนไม่ใช่แค่ “ผู้ถูกปกครอง” แต่เป็น “หุ้นส่วนในการพัฒนา” — ซึ่งเป็นหัวใจของรัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่
บทสรุป: สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics) กับการปฏิรูปความมั่นคงแห่งรัฐ
1. ภาพรวม: ความมั่นคงที่ไม่ใช่อำนาจ แต่คือประชาชน
“Thailand is awash with weapons of war… the rule of law is replaced by the rule of the gun…”
– คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล
ข้อความนี้สะท้อนว่า รากเหง้าของ “ความไม่มั่นคง” ไม่ใช่การขาดแคลนกำลังทหารหรือกฎหมาย แต่คือ ความเปราะบางของประชาชน ที่อยู่ภายใต้ความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง และระบบอุปถัมภ์
2. แนวคิดหลัก: สร้างรัฐที่มั่นคงด้วยประชาชน
แทนที่จะสร้างรัฐด้วยการรวมศูนย์อำนาจ รัฐจะต้อง:
กระจายอำนาจ สู่ท้องถิ่น (มาตรา 78, 281)
สร้างองค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบอำนาจรัฐ (มาตรา 321–322)
ประกันสิทธิและเสรีภาพ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม (หมวด 3 รัฐธรรมนูญ 2540)
3. กลไกสำคัญในรัฐธรรมนูญ 2540
องค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และ สตง. เพื่อถ่วงดุลอำนาจ
การเปลี่ยนผ่านอย่างมีเสถียรภาพ โดยการตั้งวาระองค์กรอิสระให้มีต่อเนื่อง
การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ด้วยงบประมาณและการบริหารตนเอง
สิทธิเสรีภาพ ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบและร้องเรียนได้
4. สุขวิชโนมิกส์: Paradigm Shift ของรัฐไทย
5. บทเรียนและความต่อเนื่อง
การปฏิรูปไม่ใช่แค่เปลี่ยนกฎหมาย แต่ต้องเปลี่ยน วัฒนธรรมการเมือง
ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างรัฐกับประชาชน คือหัวใจของความมั่นคง
การทำลายระบบอุปถัมภ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างรัฐสมัยใหม่
6. คำสรุปหลักคิด
“รัฐจะมั่นคงได้ เมื่อประชาชนเข้มแข็ง มีสิทธิ เสรีภาพ และมีส่วนร่วม”