พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒

กระทู้สนทนา
15 ปี ปฏิรูปการศึกษาไทย
       เลาะเลียบคลองผดุงฯ
       ตุลย์ ณ ราชดำเนิน tulacom@gmail.com

       ผ่านมาวันนี้ย่างเข้าสู่เดือนกันยายน 2556 หากนับเอาเดือน สิงหาคม ปี 2542 เป็นวันที่บรรดานักปฏิรูปการศึกษายุคนั้น ประกาศถึงความสำเร็จและภาคภูมิใจที่สามารถผลักดันให้เกิดกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ ก่อเกิดคุณอนันต์แก่ประเทศชาติเป็นล้นพ้น อันส่งผลต่อคุณภาพของคนไทยในอนาคต ผ่านมา 15 ปีพอดี

       จากคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกขานกันว่า 9 อรหันต์การศึกษาในสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ส่วนใหญ่หัวนอกและไม่ยอมฟังเสียงท้วงติงของคนศธ. มั่นใจว่าการปรับโครงสร้างและการ กระจายอำนาจจัดการศึกษา การจัดการเรียนรู้ที่ถือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และการพัฒนาวิชาชีพครู ตามแนวคิดของตนนั้นถูกต้อง

       นับแต่นั้นมา ศธ.จากที่เคยมีโครงสร้าง 14 กรม ยุบรวมเหลือ 5 องค์กรหลัก คือ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ .) และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.)

       กระนั้นก็ดียังมีเรื่องที่โต้แย้งและถกเถียงในความเห็นไม่เพียงเรื่องการพัฒนาวิชาชีพครู และเขตพื้นที่การศึกษาจะลงตัวที่จำนวนเท่าไร ตามมาด้วยการศึกษาที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือ ไชลด์เซ็นเตอร์

ปี 2545

    จาวลีเด็ดของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ทำเอาคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรี ปี 2545 แทบตกพื้นที่ข่าว คือ การวิจารณ์ถึงวิธีการจัดการเรียนการสอนไชลด์เซ็นเตอร์ของคุณครู มีสภาพไม่ต่างไปจาก ควายเซ็นเตอร์ เนื่องจากครูไม่เข้าใจและยังไม่มีแหล่งเรียนรู้นอกห้องพอที่จะทำให้เข้าถึงการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ได้

ปี2549

       ผ่านไป 7 ปีตรงกับ 23 ส.ค. 2549 สมศ.เปิดผลการออกประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรอบแรก พ.ศ. 2544-2548 จำนวน 30,010แห่ง ไม่ได้มาตรฐานขั้นต่ำถึง 20,000 แห่ง และอยู่ขั้นโคม่าหรือ ICU กว่า 15,000 แห่ง
       เดือนสิงหาคมที่เพิ่งจะผ่านมาครบ 15 ปี อยากให้ลองทบทวนกันว่า นับแต่ประกาศใช้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เปลี่ยนรมว.ศธ.และรัฐมนตรีช่วยมาแล้วเท่าใด น่าจะเป็นสถิติสูงสุดในโลก
       ส่วนใหญ่เมื่อมาแล้วมักพยายามสร้างให้มีผลงานใหม่ๆ มั่นใจตนเองถึงความรู้ ความเก่งและเฉลียวฉลาดเหนือกว่าคนการศึกษาที่ทำงานมายาวนาน
       ก็อย่างที่เห็นและเป็นไป 15 ปี ปฏิรูปการศึกษา มีอะไรที่ไปถึงฝั่งอย่างที่คิดกันมั่ง ช่วยบอกที


การจัดบริการ การศึกษา ในประเทศพัฒนาแล้ว เปรียบเทียบ กับ ประเทศไทยซึ่งถอยหลังลงคลอง หลงทาง ฯลฯ

1. ปี 2538 (1995): การอภิวัฒน์การศึกษา 2538

วิสัยทัศน์ของสุขวิช รังสิตพล – “No Child Left Behind” หรือ “Every Child Matters”

ในปี 2538 สุขวิช รังสิตพล เสนอแนวคิดการศึกษาเพื่อ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยยึดหลักว่า

“ทุกคนมีสิทธิ์ในการเรียนรู้ โดยไม่มีข้อจำกัดทางเพศ อายุ ฐานะ หรือความพิการ”

แนวคิดนี้ปรากฏชัดเจนในการปราศรัยของเขาในการประชุม UNESCO ปี 1996 และถือเป็นต้นแบบของแนวทาง “No Child Left Behind” และ “Every Child Matters” ที่จะกลายเป็นแนวทางระดับสากลในเวลาต่อมา

2. ปี 2542 (1999):

การยุติแนวทาง “อภิวัฒน์การศึกษา 2538”
ประเทศไทยได้ยุติแนวทาง “อภิวัฒน์การศึกษา 2538” ซึ่งสุขวิช รังสิตพล วางรากฐานไว้ โดยเน้น การกระจายอำนาจ เพื่อให้เกิดความ เท่าเทียม ทั่วถึง และทั่วไทย ผ่านแนวคิด “โรงเรียนเป็นศูนย์กลาง” (School-Based Management: SBM)

ต่อมา มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ รูปแบบการจัดบริการการศึกษาใหม่ ที่ รวบอำนาจการบริหารและงบประมาณ สวนทางกับแนวทางเดิมของสุขวิช


3. ปี 2541 (1998): Education for all through life

ยุโรปเริ่มผลักดันแนวคิด

สหภาพยุโรปและประเทศฟินแลนด์เริ่มส่งเสริมนโยบาย “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ซึ่งเน้นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส สามารถพัฒนาศักยภาพได้ตลอดชีวิต — แนวทางนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่สุขวิชเสนอไว้ตั้งแต่ปี 2538

4. ปี 2544 (2001):

สหรัฐอเมริกานำแนวคิด “No Child Left Behind” ไปใช้จริง

รัฐบาลประธานาธิบดี George W. Bush ประกาศใช้กฎหมาย “No Child Left Behind Act” ซึ่งมีจุดเน้นคือ การประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างเข้มข้น และ ความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษา — เป็นแนวทางเดียวกับที่สุขวิชวางไว้ล่วงหน้าหลายปี


5. ปี 2546 (2003):

สหราชอาณาจักรใช้แนวทาง “Every Child Matters”

รัฐบาลอังกฤษออกนโยบาย “Every Child Matters” เพื่อพัฒนาเด็กทุกคนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยให้การสนับสนุนในทุกด้าน เช่น การศึกษา สุขภาพ ความปลอดภัย และการมีส่วนร่วม — ซึ่ง สะท้อนแนวคิดเชิงระบบของสุขวิชเมื่อปี 2538 อย่างเด่นชัด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่