สวัสดีครับทุกท่าน ผมพฤตเอง ต่อจากทริปศรีราชาทริปที่แล้ว ก็ได้เวลาของทริปที่ 2 ในเมื่อเราไปทะเลมาแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะขึ้นเขากันบ้าง จะเป็นยังไง ตามมาชมกันเลยครับ

ผมได้วางแผน 2 ทริปนี้มาตั้งนานแล้วครับ จากทีแรกก่ะว่าจะพัก 2 คืน ที่ไหนสักที่นึง ไม่ทะเลก็ภูเขา แต่ประเด็นก็คือ ผมอยากไปทั้ง 2 ที่เลยน่ะสิ อยากจะไปชิลที่ศรีราชา แต่ก็อยากจะขึ้นเขาลุยปากช่องด้วย ผมก็เลยแบ่งมันออกเป็น 2 ทริป ค้างแค่ที่ละ 1 คืนก็พอ ซึ่งนี่ก็เป็นทริปที่ 2 ทริปใหญ่ทริปสุดท้ายของปีนี้
ทริปแรกที่ศรีราชา :
บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : ทริปใหญ่สุดหรรษาปลายปี PART 1 : ศรีราชา-เกาะสีชัง

เด้งจากเตียงตอนตี 2 ครึ่ง บิดรถออกไปสู่เส้นทางที่ใจกำลังโหยหา ทริปนี้ผมเข้าทางแจ้งวัฒนะมาทะลุถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนจะไปออกเส้นพหลโยธินที่บางปะอินเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอมหากาพย์ถนนแย่ของเส้นกาญจนาฯ ช่วงบางไทร-สามโคก และจากที่ลองวิ่งเส้นนี้ รู้สึกได้เวลาว่า มันไม่อ้อมเท่า ดูท่าหลังจากนี้ถ้าจะหาเรื่องไปนครนายก หรือไปทางปากช่องอีกผมก็คงจะวิ่งเส้นนี้เป็นหลัก

จากตัวเมืองสระบุรี เลี้ยวเข้าสู่ถนนมิตตรภาพ ปักหมุดไว้ที่ Horse Station ลำตะคอง บิดไปตามที่กูเกิลแมพพา เลี้ยวเข้าเส้นมิตรภาพสายเก่า ผ่านตัวอำเภอปากช่อง ไปตามทางเรื่อย ๆ จากบรรยากาศแบบหัวเมืองต่างจังหวัด ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นชุมชนขนาดเล็ก จนกระทั่งเข้ามาในเขื่อนลำตะคอง และนี่คือที่หมายแรกของเรา

ขาวโพลนมาเลยยยยย ผมไม่ได้แต่งรูปอะไรเพิ่มเติมนะครับ นั่นคือเมฆฝนครับ ลมเย็นพัดแรงเข้าปะทะตัวผมแทบปลิว ลมฝนที่เย็นเฉียบแบบนี้ คนอื่นอาจจะหนาว แต่สำหรับผมแล้ว นี่แหละที่ต้องการ จากบรรยากาศแดดเปรี้ยงฟ้าใสแบบริมทะเล เปลี่ยนมาเป็นขุนเขาเย็นยะเยือก เช่นเคยสำหรับทริปนี้ ผมเอากล้องมา 3 ตัว 1300D เป็นกล้องหลัก L3 พร้อมฟิล์ม Colorplus 200 เป็นกล้องอาร์ท และ IXUS 135 เป็นกล้องสแน็ป

รอบข้างปลูกพืชผัก อย่างข้างหลังผมนี่ก็เป็นไร่ข้าวโพด ที่ Horse Station นี่ ช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็คงจะมีชมรมขี่ม้าสไตล์คาวบอยมารวมกัน ส่วนตอนนี้เช้าตรู่ แดดเพิ่งจะออก มีผมอยู่คนเดียว และมีชาวบ้านขับมอไซค์วิ่งไปวิ่งมา รอบตัวผมขี้ม้าเต็มเลย เวลาเดินต้องดูดี ๆ

เช็กอินสักเล็กน้อย

ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูป ก็มีเจ้าด็อกโกะมาทักทาย

เดี๋ยวเราลองขับเข้าไปลึกขึ้นดีกว่า

มาหยุดอยู่แถวช่วงกลาง ๆ ของเขื่อน เขื่อนลำตะคองมีสภาพเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใญ่ เพราะงั้นน้ำจะไม่ได้เต็มเขื่อนสูงลึกแบบเขื่อนที่มีกำแพงกั้น แต่ดูท่าในช่วงน้ำเยอะแถวนี้ก็จะถูกน้ำท่วม

อากาศดีมาก สดชื่นนนนนนนนน

หันมาทางขวา เห็นทางด่วนบางปะอิน-หนองคายมาแต่ไกล

เช็กอินกันอีกสักที

สูดหายใจลึก ๆ สดชื่นนนนนนน

ดอกหญ้าเยอะแยะเลย จับยัดเลนส์ 50 f1.8 ถ่ายดอกหญ้ากันดีกว่า

อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร เคยเห็นอยู่บ่อย ๆ

ฝักต้นอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่ากฐินเทศหรือเปล่า

จับยัดเลนส์ซูม ส่องดูรอบตัวกันหน่อยดีกว่า

มีท่าน้ำอยู่ไม่ไกล กับแถวเรือหาปลาของชาวบ้าน

บนฟ้ามีจ้าวเวหาบินเล่นลมอยู่เหนือหัว

น่าจะเป็นเหยี่ยวทุ่ง ตัวเขาใหญ่กว่าเหยี่ยวแดงที่เห็นได้บ่อย ๆ ตามริมทะเล เหยี่ยวพวกนี้เป็นนกกินเนื้อ เขากินได้ทุกอย่างแหละ ถึงอาหารหลักแถวนี้จะเป็นปลา แต่ถ้าเจอลูกหนู หรือนกที่เล็กกว่าที่มันพอจะล่าได้ มันก็เอาหมด

มันมาอีกระลอกแล้วครับ เมฆฝน ไหลลงมาตามซอกเขาเหมือนน้ำตกที่ไหลลงมาตามโตรกธาร ยังดีที่ตกไม่แรง มาเป็นละออง เย็นฉ่ำเลยทีเดียว

ใกล้จะ 9 โมงแล้ว ไปกันต่อดีกว่า ออกจากเขื่อนลำตะคองมา เดี๋ยวจะเอาขาตั้งกล้องกับถุงเสื้อผ้าไปฝากที่ที่พักก่อน แต่ก่อนอื่น แวะปั้มเติมน้ำมันและหากาแฟสักแก้ว

จากเส้นมิตรภาพ เลี้ยวเข้าทางหลางแผ่นดินหมายเลข 7165 หรือซอยวัดวชิราลงกรฯ วิ่งมาตามทางเรื่อย ๆ ค่อนข้างลึกอยู่ จากที่ข้างทางเป็นตึกแถวขนาดย่อม ๆ ก็ค่อยเปลี่ยนไร่มันสัมปะหลังและไร่ข้าวโพด แบบนี้

บรรยากาศดีใช้ได้เลย

อากาศสดชื่นดีจริง ๆ

เช็กอินสักเล็กน้อย

ดอกต้นนี้เต็มเลยครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร

และนี่คือที่พักของเรา

ห้องของเราสำหรับคืนนี้

สภาพห้องก็ถือว่าสมราคา ไม่ถึงพัน ซึ่งไม่ได้ขัดข้องอะไร มาเที่ยวภูเขามันต้องลุย ๆ กันหน่อย จากที่ไอเดียแรกผมจะลองเช่าเต๊นท์นอนด้วยซ้ำนะครับ แต่คิดไปคิดมา เต๊นท์มันห้องน้ำรวม แบบนั้นไม่ค่อยสะดวกเกินไปหน่อย เอาประมาณนี้แทนละกัน โยนขาตั้งกล้องกับถุงเสื้อผ้าไว้ แล้วไปกันต่อดีกว่า

มาปากช่องเราก็ต้องมาดูฟาร์มวัว และฟาร์มวัวที่ว่าก็คือ...

ฟาร์มโชคชัยนี่เอง ค่าเข้าชมคนละ 120 บาท มอไซค์เข้าได้ แต่ก็ค่อย ๆ บิดล่ะ

วัววววววว

ตัวที่นอนอยู่น่าจะเป็นพ่อพันธุ์หรือเปล่านะ ดูเขากำยำกว่าตัวอื่น

ดูจากไกล ๆ เหมือนมีใครทำวัวหล่นไว้ 555

ยืนคุยกับเจ้าวัวสักพัก ไปกันต่อดีกว่า

มาต่อกันที่โซนคาวบอย นี่ถ้าเดิน ๆ อยู่ Doc Holliday หรือ Jesse James เดินมาทักทายผมก็คงจะขัดขืนไม่ได้ นอกจาก HOWDY 555

แหม่ ผมก็ยังไม่ชินกับอาการพาลาแร็กซ์ของ L3 สักที ก่ะไม่ถูกจริง ๆ นะ รถม้าจมไปข้างล่าง

ชอบมุมนี้สุดละครับ มันได้เห็นป้าย แล้วก็ได้เห็นรถม้าอยู่ มีรั่วสีขาวกั้น บรรยากาศแบบมิดเวสของสหรัฐอเมริกา อเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมเองก็อยากไปเที่ยวเหมือนกัน แต่ว่าแต่ละที่ ๆ ผมอยากไปมันค่อนข้างไกลกันมาก ต้องมีรถแล้วขับโร้ดทริปไปเรื่อย ๆ ถึงจะไปทั่ว

สวยงาม

มีรถม้าให้นั่งด้วย ซึ่ง ผมขอผ่านดีกว่า ผมตัวหนัก สงสารน้องม้า น้องม้าเป็นม้าแคระ ขนาดตะมุตะมิ ไม่ได้ใหญ่บึ้กเหมือนม้าเทศตัวเบ้ง ๆ แบบนั้น

มาดูน้องวัวกันบ้าง

ตัวขนาดนี้ผมก็นึกว่าประมาณขวบนึง ที่ไหนได้ พนักงานบอกว่าเด็ก ๆ พวกนี้อายุ 2 เดือนเอง ตัวบักเอ้กเลย

ลูบหัวเบา ๆ ไปหนึ่งที

ข้าง ๆ มีให้ได้ลองรีดนมวัว ซึ่ง อันนี้ผมก็ขอผ่านเหมือนกัน ผมเป็นคนมือหนัก กลัวแม่วัวเขาจะเจ็บ

ลองถามพนักงานเกี่ยวกับฟาร์ม ตอนนี้ฟาร์มโชกชัยมีแต่ฝูงวัวนมเท่านั้นครับ เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2520 มาแล้ว อิงตามหนังสือ "ผมฝันอยากเป็นคาวบายตั้งแต่เด็ก ๆ" ของคุณโชคชัย บูลกุล ผู้ก่อตั้งฟฟาร์มโชคชัย ทีแรกคุณโชคชัยเขาเลี้ยงวัวเนื้อครับ แต่ว่าไม่สามารถทำกำไรได้เพราะโควต้าส่งออกที่รัฐบาลในเวลานั้นออกให้ถือว่าน้อยจนน่าเกลียดเมื่อเทียบกับปริมาณวัวที่มีในเวลานั้น จะกัดฟันสู้ขนาดไหนก็ไม่ไหว จนกระทั่งมีพนักงานในฟาร์มแอบเอาน้ำเชื้อวัวนมมาผสม และรีดนมขาย ทีแรกตอนที่เขามาเห็น เขาไม่เอาด้วย เขาอยากเลี้ยงวัวเนื้อมากกว่า แต่สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะการทำวัวนมและขายผลิตภัณฑ์จากนมมันทำกำไรได้ดีว่า

นี่คือหนังสือที่ว่าครับ อันนี้ผมกลับมาถ่ายที่บ้าน จากที่อ่านจนจบ ก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าการเลี้ยงวัวเนื้อเนี้ย มันต้องต้อนวัว ให้วัวได้ออกกำลังสร้างกล้ามเนื้อ มันมีความเป็นคาวบอยมาก ๆ แต่วัวนมนั้นต่างออกไป วัวนมค่อนข้างจะต้องขุนอยู่กับที่มากกว่า ถ้าจะพูดกันภาษาบ้าน ๆ ก็คือ มันไม่เท่ไม่คูลเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้น กว่าที่วัวเนื้อทุกตัวจะหมดไปจากฟาร์มก็คงต้องใช้เวลา เพราะว่าผมเคยได้ชิมสเต็กเนื้อจากวัวฝูงสุดท้ายของฟาร์มโชคชัยด้วยนะครับ ตอนนั้นผมอยู่ราว ๆ ป.4 ถึง ป.5 ส่วนตอนนี้เรียนจบมา 6 ใกล้จะ 7 ปีละ ที่จำได้แม่นเลยก็คือในเมนู ไม่มีเนื้อนำเข้าเลยครับ มีแต่เนื้อของฟาร์มโชคชัยเองล้วน ๆ
หนังสือดีครับเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ดีเล่มนึง เขาไม่ได้จ่าาายยยยนะ แต่ผมขออวย อ่านสนุก และให้สาระจริง ๆ

ไปกันต่อดีกว่า ข้าง ๆ มีโซนสัตว์เล็ก อย่างน้องกะตุ่ยหน่อนี้

มีเจ้าพิกกี้วิ่งมาดู
[CR] บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : ทริปใหญ่สุดหรรษาปลายปี PART 2 : ปากช่อง
ผมได้วางแผน 2 ทริปนี้มาตั้งนานแล้วครับ จากทีแรกก่ะว่าจะพัก 2 คืน ที่ไหนสักที่นึง ไม่ทะเลก็ภูเขา แต่ประเด็นก็คือ ผมอยากไปทั้ง 2 ที่เลยน่ะสิ อยากจะไปชิลที่ศรีราชา แต่ก็อยากจะขึ้นเขาลุยปากช่องด้วย ผมก็เลยแบ่งมันออกเป็น 2 ทริป ค้างแค่ที่ละ 1 คืนก็พอ ซึ่งนี่ก็เป็นทริปที่ 2 ทริปใหญ่ทริปสุดท้ายของปีนี้
ทริปแรกที่ศรีราชา : บิดไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก : ทริปใหญ่สุดหรรษาปลายปี PART 1 : ศรีราชา-เกาะสีชัง
เด้งจากเตียงตอนตี 2 ครึ่ง บิดรถออกไปสู่เส้นทางที่ใจกำลังโหยหา ทริปนี้ผมเข้าทางแจ้งวัฒนะมาทะลุถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนจะไปออกเส้นพหลโยธินที่บางปะอินเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอมหากาพย์ถนนแย่ของเส้นกาญจนาฯ ช่วงบางไทร-สามโคก และจากที่ลองวิ่งเส้นนี้ รู้สึกได้เวลาว่า มันไม่อ้อมเท่า ดูท่าหลังจากนี้ถ้าจะหาเรื่องไปนครนายก หรือไปทางปากช่องอีกผมก็คงจะวิ่งเส้นนี้เป็นหลัก
จากตัวเมืองสระบุรี เลี้ยวเข้าสู่ถนนมิตตรภาพ ปักหมุดไว้ที่ Horse Station ลำตะคอง บิดไปตามที่กูเกิลแมพพา เลี้ยวเข้าเส้นมิตรภาพสายเก่า ผ่านตัวอำเภอปากช่อง ไปตามทางเรื่อย ๆ จากบรรยากาศแบบหัวเมืองต่างจังหวัด ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นชุมชนขนาดเล็ก จนกระทั่งเข้ามาในเขื่อนลำตะคอง และนี่คือที่หมายแรกของเรา
ขาวโพลนมาเลยยยยย ผมไม่ได้แต่งรูปอะไรเพิ่มเติมนะครับ นั่นคือเมฆฝนครับ ลมเย็นพัดแรงเข้าปะทะตัวผมแทบปลิว ลมฝนที่เย็นเฉียบแบบนี้ คนอื่นอาจจะหนาว แต่สำหรับผมแล้ว นี่แหละที่ต้องการ จากบรรยากาศแดดเปรี้ยงฟ้าใสแบบริมทะเล เปลี่ยนมาเป็นขุนเขาเย็นยะเยือก เช่นเคยสำหรับทริปนี้ ผมเอากล้องมา 3 ตัว 1300D เป็นกล้องหลัก L3 พร้อมฟิล์ม Colorplus 200 เป็นกล้องอาร์ท และ IXUS 135 เป็นกล้องสแน็ป
รอบข้างปลูกพืชผัก อย่างข้างหลังผมนี่ก็เป็นไร่ข้าวโพด ที่ Horse Station นี่ ช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็คงจะมีชมรมขี่ม้าสไตล์คาวบอยมารวมกัน ส่วนตอนนี้เช้าตรู่ แดดเพิ่งจะออก มีผมอยู่คนเดียว และมีชาวบ้านขับมอไซค์วิ่งไปวิ่งมา รอบตัวผมขี้ม้าเต็มเลย เวลาเดินต้องดูดี ๆ
เช็กอินสักเล็กน้อย
ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูป ก็มีเจ้าด็อกโกะมาทักทาย
เดี๋ยวเราลองขับเข้าไปลึกขึ้นดีกว่า
มาหยุดอยู่แถวช่วงกลาง ๆ ของเขื่อน เขื่อนลำตะคองมีสภาพเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใญ่ เพราะงั้นน้ำจะไม่ได้เต็มเขื่อนสูงลึกแบบเขื่อนที่มีกำแพงกั้น แต่ดูท่าในช่วงน้ำเยอะแถวนี้ก็จะถูกน้ำท่วม
อากาศดีมาก สดชื่นนนนนนนนน
หันมาทางขวา เห็นทางด่วนบางปะอิน-หนองคายมาแต่ไกล
เช็กอินกันอีกสักที
สูดหายใจลึก ๆ สดชื่นนนนนนน
ดอกหญ้าเยอะแยะเลย จับยัดเลนส์ 50 f1.8 ถ่ายดอกหญ้ากันดีกว่า
อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร เคยเห็นอยู่บ่อย ๆ
ฝักต้นอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่ากฐินเทศหรือเปล่า
จับยัดเลนส์ซูม ส่องดูรอบตัวกันหน่อยดีกว่า
มีท่าน้ำอยู่ไม่ไกล กับแถวเรือหาปลาของชาวบ้าน
บนฟ้ามีจ้าวเวหาบินเล่นลมอยู่เหนือหัว
น่าจะเป็นเหยี่ยวทุ่ง ตัวเขาใหญ่กว่าเหยี่ยวแดงที่เห็นได้บ่อย ๆ ตามริมทะเล เหยี่ยวพวกนี้เป็นนกกินเนื้อ เขากินได้ทุกอย่างแหละ ถึงอาหารหลักแถวนี้จะเป็นปลา แต่ถ้าเจอลูกหนู หรือนกที่เล็กกว่าที่มันพอจะล่าได้ มันก็เอาหมด
มันมาอีกระลอกแล้วครับ เมฆฝน ไหลลงมาตามซอกเขาเหมือนน้ำตกที่ไหลลงมาตามโตรกธาร ยังดีที่ตกไม่แรง มาเป็นละออง เย็นฉ่ำเลยทีเดียว
ใกล้จะ 9 โมงแล้ว ไปกันต่อดีกว่า ออกจากเขื่อนลำตะคองมา เดี๋ยวจะเอาขาตั้งกล้องกับถุงเสื้อผ้าไปฝากที่ที่พักก่อน แต่ก่อนอื่น แวะปั้มเติมน้ำมันและหากาแฟสักแก้ว
จากเส้นมิตรภาพ เลี้ยวเข้าทางหลางแผ่นดินหมายเลข 7165 หรือซอยวัดวชิราลงกรฯ วิ่งมาตามทางเรื่อย ๆ ค่อนข้างลึกอยู่ จากที่ข้างทางเป็นตึกแถวขนาดย่อม ๆ ก็ค่อยเปลี่ยนไร่มันสัมปะหลังและไร่ข้าวโพด แบบนี้
บรรยากาศดีใช้ได้เลย
อากาศสดชื่นดีจริง ๆ
เช็กอินสักเล็กน้อย
ดอกต้นนี้เต็มเลยครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร
และนี่คือที่พักของเรา
ห้องของเราสำหรับคืนนี้
สภาพห้องก็ถือว่าสมราคา ไม่ถึงพัน ซึ่งไม่ได้ขัดข้องอะไร มาเที่ยวภูเขามันต้องลุย ๆ กันหน่อย จากที่ไอเดียแรกผมจะลองเช่าเต๊นท์นอนด้วยซ้ำนะครับ แต่คิดไปคิดมา เต๊นท์มันห้องน้ำรวม แบบนั้นไม่ค่อยสะดวกเกินไปหน่อย เอาประมาณนี้แทนละกัน โยนขาตั้งกล้องกับถุงเสื้อผ้าไว้ แล้วไปกันต่อดีกว่า
มาปากช่องเราก็ต้องมาดูฟาร์มวัว และฟาร์มวัวที่ว่าก็คือ...
ฟาร์มโชคชัยนี่เอง ค่าเข้าชมคนละ 120 บาท มอไซค์เข้าได้ แต่ก็ค่อย ๆ บิดล่ะ
วัววววววว
ตัวที่นอนอยู่น่าจะเป็นพ่อพันธุ์หรือเปล่านะ ดูเขากำยำกว่าตัวอื่น
ดูจากไกล ๆ เหมือนมีใครทำวัวหล่นไว้ 555
ยืนคุยกับเจ้าวัวสักพัก ไปกันต่อดีกว่า
มาต่อกันที่โซนคาวบอย นี่ถ้าเดิน ๆ อยู่ Doc Holliday หรือ Jesse James เดินมาทักทายผมก็คงจะขัดขืนไม่ได้ นอกจาก HOWDY 555
แหม่ ผมก็ยังไม่ชินกับอาการพาลาแร็กซ์ของ L3 สักที ก่ะไม่ถูกจริง ๆ นะ รถม้าจมไปข้างล่าง
ชอบมุมนี้สุดละครับ มันได้เห็นป้าย แล้วก็ได้เห็นรถม้าอยู่ มีรั่วสีขาวกั้น บรรยากาศแบบมิดเวสของสหรัฐอเมริกา อเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมเองก็อยากไปเที่ยวเหมือนกัน แต่ว่าแต่ละที่ ๆ ผมอยากไปมันค่อนข้างไกลกันมาก ต้องมีรถแล้วขับโร้ดทริปไปเรื่อย ๆ ถึงจะไปทั่ว
สวยงาม
มีรถม้าให้นั่งด้วย ซึ่ง ผมขอผ่านดีกว่า ผมตัวหนัก สงสารน้องม้า น้องม้าเป็นม้าแคระ ขนาดตะมุตะมิ ไม่ได้ใหญ่บึ้กเหมือนม้าเทศตัวเบ้ง ๆ แบบนั้น
มาดูน้องวัวกันบ้าง
ตัวขนาดนี้ผมก็นึกว่าประมาณขวบนึง ที่ไหนได้ พนักงานบอกว่าเด็ก ๆ พวกนี้อายุ 2 เดือนเอง ตัวบักเอ้กเลย
ลูบหัวเบา ๆ ไปหนึ่งที
ข้าง ๆ มีให้ได้ลองรีดนมวัว ซึ่ง อันนี้ผมก็ขอผ่านเหมือนกัน ผมเป็นคนมือหนัก กลัวแม่วัวเขาจะเจ็บ
ลองถามพนักงานเกี่ยวกับฟาร์ม ตอนนี้ฟาร์มโชกชัยมีแต่ฝูงวัวนมเท่านั้นครับ เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2520 มาแล้ว อิงตามหนังสือ "ผมฝันอยากเป็นคาวบายตั้งแต่เด็ก ๆ" ของคุณโชคชัย บูลกุล ผู้ก่อตั้งฟฟาร์มโชคชัย ทีแรกคุณโชคชัยเขาเลี้ยงวัวเนื้อครับ แต่ว่าไม่สามารถทำกำไรได้เพราะโควต้าส่งออกที่รัฐบาลในเวลานั้นออกให้ถือว่าน้อยจนน่าเกลียดเมื่อเทียบกับปริมาณวัวที่มีในเวลานั้น จะกัดฟันสู้ขนาดไหนก็ไม่ไหว จนกระทั่งมีพนักงานในฟาร์มแอบเอาน้ำเชื้อวัวนมมาผสม และรีดนมขาย ทีแรกตอนที่เขามาเห็น เขาไม่เอาด้วย เขาอยากเลี้ยงวัวเนื้อมากกว่า แต่สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะการทำวัวนมและขายผลิตภัณฑ์จากนมมันทำกำไรได้ดีว่า
นี่คือหนังสือที่ว่าครับ อันนี้ผมกลับมาถ่ายที่บ้าน จากที่อ่านจนจบ ก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าการเลี้ยงวัวเนื้อเนี้ย มันต้องต้อนวัว ให้วัวได้ออกกำลังสร้างกล้ามเนื้อ มันมีความเป็นคาวบอยมาก ๆ แต่วัวนมนั้นต่างออกไป วัวนมค่อนข้างจะต้องขุนอยู่กับที่มากกว่า ถ้าจะพูดกันภาษาบ้าน ๆ ก็คือ มันไม่เท่ไม่คูลเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้น กว่าที่วัวเนื้อทุกตัวจะหมดไปจากฟาร์มก็คงต้องใช้เวลา เพราะว่าผมเคยได้ชิมสเต็กเนื้อจากวัวฝูงสุดท้ายของฟาร์มโชคชัยด้วยนะครับ ตอนนั้นผมอยู่ราว ๆ ป.4 ถึง ป.5 ส่วนตอนนี้เรียนจบมา 6 ใกล้จะ 7 ปีละ ที่จำได้แม่นเลยก็คือในเมนู ไม่มีเนื้อนำเข้าเลยครับ มีแต่เนื้อของฟาร์มโชคชัยเองล้วน ๆ
หนังสือดีครับเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ดีเล่มนึง เขาไม่ได้จ่าาายยยยนะ แต่ผมขออวย อ่านสนุก และให้สาระจริง ๆ
ไปกันต่อดีกว่า ข้าง ๆ มีโซนสัตว์เล็ก อย่างน้องกะตุ่ยหน่อนี้
มีเจ้าพิกกี้วิ่งมาดู
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น