จี้รัฐบาล ‘ลงทุน-อัพไอคิว’ เด็กไทยด่วน หลังผลทดสอบความฉลาด ‘ต่ำกว่า’ เพื่อนบ้าน
https://www.matichon.co.th/education/news_4464014
จี้รัฐบาล ‘ลงทุน-อัพไอคิว’ เด็กไทยด่วน หลังผลทดสอบความฉลาด ‘ต่ำกว่า’ เพื่อนบ้าน วอนนายกฯอัดฉีดการศึกษา-แก้ทุพโภชนาการ
ศ.ดร.
สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากกรณีเว็บไซต์การทบทวนประชากรโลก เผยแพร่คะแนนเฉลี่ยของประเทศในการทดสอบความฉลาดทางสติปัญญามาตรฐาน (IQ) โดย 10 อันดับแรก ประเทศที่มีความฉลาดทางสติปัญญา ได้แก่ ญี่ปุ่น 106.48, ไต้หวัน 106.47, สิงคโปร์ 105.89, ฮ่องกง 105.37, จีน 104.1, เกาหลีใต้ 102.35, เบลารุส 101.6, ฟินแลนด์ 101.2, ลิกเตนสไตน์ 101.07 และเยอรมนี 100.74 ส่วนไทยอันดับ 64 ได้ 88.87 ขณะที่เพื่อนบ้านอาเซียนอย่าสิงคโปร์ อันดับ 2 ได้ 105.89, กัมพูชา อันดับ 15 ได้ 99.75, พม่า อันดับ 52 ได้ 91.18, เวียดนาม อันดับ 60 ได้ 89.5, มาเลเซีย และบรูไน อันดับ 73 ได้ 87.58, ฟิลิปปินส์ อันดับ 111 ได้ 81.6, ลาว อันดับ 114 ได้ 80.99 และอินโดนีเซีย อันดับ 130 ได้ 78.5
“
เรื่องนี้สำคัญระดับประเทศ ทั้งนี้ จะเห็นว่าไทยเป็นรองแม้แต่กัมพูชา พม่า และเวียดนาม ทำให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนในภาพรวมของไทยมีไอคิวตกต่ำลงมาโดยตลอด สิ่งที่น่าห่วงต่อไปนี้คือ จะปล่อยให้เด็กส่วนใหญ่ในประเทศกลายเป็นเด็กที่เรียนช้า พัฒนาขึ้นยาก ที่บอกว่าจะทำให้ประเทศพัฒนาแล้ว พ้นกับดักความยากจน เพื่อไปสู่ศตวรรษที่ 21 นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไอคิวเด็กอยู่ที่ 88.87” ศ.ดร.
สมพงษ์ กล่าว
ศ.ดร.
สมพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เด็กที่มีไอคิว 88.87 จะเป็นเด็กที่เรียนช้า และมีเด็กจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่มีไอคิวมากกว่า 88.87 คือเป็นเด็กที่มีฐานะ เรียนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนสาธิต และโรงเรียเอกชน แต่เด็กอีกประมาณ 2.8 ล้านคนทั้งประเทศ อยู่ในภาวะเสี่ยงสุดๆ สาเหตุที่ทำให้เด็กไอคิวต่ำลงมาจาก 4 ปัญหา คือ 1.ปัญหาเศรษฐกิจ 2.ปัญหาภาวะทุพโภชนาการ 3.ปัญหาสังคมและครอบครัว และ 4.ปัญหาระบบการศึกษา
“
ดังนั้น ภาพของประเทศที่เด็กจะเติบโตในอนาคตนั้น คุณภาพจะแย่ลง ปัจจุบันสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมที่เด็กส่วนใหญ่อยู่กับมือถือ และส่วนใหญ่ไปอยู่กับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการศึกษา เพราะจะเห็นว่าเด็กอยู่กับเกม การบันเทิง หรือตัวอย่างไม่ดี ล่าสุดคำที่เสิร์ชมากที่สุดในกู้เกิ้ลคำหนึ่งคือ เรื่องเพศของผู้หญิง สะท้อนให้เห็นว่าเด็กใช้โชเซลียมีเดียตอบสนองตนเอง มากกว่าที่ใช้ในการเรียนรู้” ศ.ดร.
สมพงษ์ กล่าว
ศ.ดร.
สมพงษ์กล่าวอีกว่า สังคมเต็มไปด้วยความรุนแรง ยาเสพติด มองว่าปัญหาสังคมกำลังเคลื่อนตัวไปในรูปแบบที่ซับซ้อน รุนแรง และขาดคนดูแล ทำให้สังคมไม่น่าอยู่ การบังคับกฎหมายก็เป็นประเด็นปัญหา ทำให้สังคมไทยไม่ใช่สังคมที่ตอบโจทย์เรื่องการเรียนรู้ หรือช่วยให้เด็กพัฒนา ส่วนปัญหาครอบครัวนั้น หลังจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ครอบครัวไทยยากจนเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนครอบครัว เศรษฐกิจดีเฉพาะข้างบน แต่ชาวบ้านยิ่งยากจน ประชาชนขณะนี้มีรายได้ต่อเดือน 1,039 บาทเท่านั้น ทำให้เด็กที่อยู่ในครอบครัวเหล่านี้ และเด็กที่อยู่ในชนบท มีภาวะทุพโภชนาการ เด็กแคระแกรน น้ำหนักส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน ในขณะที่เด็กในเมืองมีภาวะโรคอ้วน
“
ขณะที่ระบบการศึกษาที่ตั้งเป้าไว้ ตั้งคณะกรรมการผลักดันคะแนนสอบ PISA ไปให้ไกล มองว่าทำได้ยากลำบาก เพราะพื้นฐานเด็กส่วนใหญ่ เป็นเด็กเรียนช้า ให้เรียนรู้เรื่องการคิดวิเคราะห์ การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่างๆ นั้น เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ มีข้อมูลเด็กที่ยากจน 40% ไม่ได้กินข้าวเช้า ส่งผลให้เด็กผอม ไม่มีสมาธิในการเรียน กระทรวงสาธารณะสุข (สธ.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องทำงานหนักกว่านี้ โดยเฉพาะรัฐบาล ที่ขณะนี้กำลังฝันว่าไทยจะกลายเป็นประเทศก้าวหน้า เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน ทั้งที่คนส่วนใหญ่ของประเทศมีไอคิว 88.87 เท่านั้น” ศ.ดร.
สมพงษ์ กล่าว
ศ.ดร.
สมพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะเห็นหลายประเทศที่ลงทุนด้านการศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กที่จะเป็นกำลังของประเทศในอนาคต แต่จะเห็นว่าไทยกลับไม่ลงทุนกับเด็ก ฉะนั้น อยากฝากรัฐบาลให้ดูเรื่องภาวะทุพโภชนาการให้เด็ก ทำอย่างไรให้เด็กออกกำลัง ออกห่างจากโทรศัพท์มือถือ ให้เด็กมีพื้นที่ปลอดภัย ครูสอนหนังสือโดยการตั้งคำถาม และกระตุ้นการคิด ทำโครงงาน ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ และถ้าปล่อยให้สังคมไทยเคลื่อนตัวด้วยพลเมืองที่มีไอคิว 88.87 สังคมไทยจะมืดมน จึงอยากจะขอให้นายกรัฐมนตรีดูแลประเด็นนี้ด้วย
ฝ่ายค้านยื่น ‘วันนอร์’ เปิดศึกซักฟอกม.152 พรุ่งนี้ 10 โมง แย้มมีเรื่อง ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4467031
พรุ่งนี้! 10 โมง ฝ่ายค้านยื่น ‘วันนอร์’ เปิดศึกซักฟอก ม.152 ‘ปกรณ์วุฒิ’ แย้มมีเรื่อง ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ งงข่าว ‘ก้าวไกล’ เกี้ยเซี้ยรัฐบาล บอก ไม่รู้มองกันมุมไหน ทั้งที่ตั้งกระทู้-ออกข่าวตลอดเวลา
เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 12 มีนาคม ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ขณะนี้ตัวร่างญัตติอยู่ที่นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) เวลา 10.00 น. เราได้นัดหมายกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นญัตติดังกล่าว
นายป
กรณ์วุฒิกล่าวด้วยว่า ส่วนสัดส่วนการอภิปรายนั้น ต้องรอดูวันและเวลาอภิปรายของแต่ละฝ่ายก่อน ส่วนการจัดการเรื่องเวลานั้น ตนคิดว่าไม่เป็นเรื่องยากเพราะเราเคยผ่านการอภิปรายงบประมาณและการแถลงนโยบายของรัฐบาลมาแล้ว ทั้งนี้ เราได้มีการพูดคุยเรื่องหัวข้อกันแล้ว ซึ่งนายชัยธวัชได้แจ้งกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าเราจะต้องมีการจัดหมวดหมู่กันอีกครั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกัน
เมื่อถามว่า ประเด็นที่จะอภิปรายตกผลึกแล้วใช่หรือไม่ นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในส่วนของพรรค ก.ก. ตอนนี้เราได้จัดหมวดหมู่และเห็นภาพมากขึ้น แต่ต้องบอกว่าผู้ที่เสนอหัวข้อก็มีจำนวนมากเหมือนเดิม และเราคงต้องมีการมาคัดอีกครั้งว่าจุดที่เป็นไฮไลต์เราจะพูดเรื่องอะไรบ้างตามเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัด สำหรับพรรคอื่นเราได้มีการพูดคุยไปแล้ว และเป็นหน้าที่ที่เขาจะรวบรวมประเด็นกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หากไม่มีประเด็นเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลจะมีช่องทางใดที่สามารถอภิปรายได้บ้าง นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า การอภิปรายแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นการอภิปรายเพื่อซักถามรัฐมนตรีถึงเรื่องต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการ ซึ่งต้องย้อนไปถึงตอนรัฐบาลแถลงนโยบายที่มีการแถลงใหญ่ แต่อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย บางเรื่องต้องบอกว่าอาจไม่จำเป็นต้องมีงบ ก็สามารถเริ่มดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ แม้อาจจะไม่ได้มีการทุจริตอะไร แต่มันคือการที่ยังไม่ได้เริ่มทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
“
หากเราอยากเห็นภาพว่าใน 4 ปี ประเทศจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ผมคิดว่าประมาณ 7-9 เดือน ก็ต้องเห็นเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว หากเรื่องไหนที่พูดแล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็คิดว่าเป็นการทวงถาม หรือบางนโยบายที่พูดไว้อีกแบบ แต่ทิศทางการทำอาจจะไปอีกแบบ
เราก็ต้องทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตกลงแล้วจะเป็นไปตามที่เคยแถลงไว้หรือไม่ เช่น เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ขณะนี้เป็นนโยบายที่คิดไป ทำไปหรือไม่ หรือเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่หลายอย่างไม่จำเป็นต้องใช้งบ หรือแม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยพูดบ่อยมาก และคิดว่าน่าจะเป็นนโนบายที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ด้วยซ้ำ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นความชัดเจน ไม่ตรงกับที่เคยพูดไว้”
นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการตรวจสอบของฝ่ายค้านจะมีประสิทธิภาพ หลังที่ผ่านมาถูกมองว่าการตั้งกระทู้ถามสด เป็นการเกี้ยเซี้ยกับรัฐบาล นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามองกันมุมไหน แต่ในมุมของตนที่เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน เช่น เรื่องของการตั้งกระทู้ถามในส่วนของพรรค ก.ก. เราก็มีการคัดเลือกกันอย่างเต็มที่ อีกอย่างที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยที่ผ่านมาคือเมื่อเราได้กระทู้มากขึ้น
เราก็อยากถามกระทู้สดที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อน ปากท้องประชาชน เราอยากให้ความสำคัญในหลายๆ เรื่อง ส่วนประเด็นทางการเมืองหากไม่ได้แหลมคมจริงๆ เราก็คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เวทีการถามกระทู้สด เราสามารถใช้เวทีอื่นในการตรวจสอบได้ หากมองดีๆ การออกสื่อของพรรค ก.ก. คือการตรวจสอบของรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา
“
ผมคิดว่าการอภิปราย 152 พรรคก้าวไกลอภิปรายอยู่ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะนอกสภา หรือในสภา เราก็พูดเรื่องนี้อยู่ทุกสัปดาห์ หลายประเด็นสื่อก็เอาจับไปเป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำ” นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า พรรค ก.ก.จะพูดเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ปฏิบัติต่อนาย
ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า มีอยู่ในหัวข้อที่วางเอาไว้ ส่วนจะเป็นเจ้าภาพหลักเองหรือไม่นั้นตนคิดว่าในแต่ละเรื่อง อาจไม่ได้มีใครเป็นเจ้าภาพโดยตรง เพียงแต่เราต้องคุยกันเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านหวังผลให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างไร นาย
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลทำอะไร บางอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน หรืออะไรที่ยังไม่ได้ทำก็จะได้มีการเคลื่อนไหว และทำตามที่สัญญาไว้บ้างหรืออะไรที่ผิดทางมีกลิ่นแปลกๆ ก็จะได้หยุดการกระทำ
ราคาน้ำมันโลกร่วงต่อเนื่อง ร่วงลงหลุดระดับ 78 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว
https://ch3plus.com/news/economy/morning/390943
ราคาน้ำมันวันนี้ (12 มี.ค.) อัปเดตราคาน้ำมันล่าสุด ทั้งน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล จาก 3 ปั๊มน้ำมัน ปตท., บางจาก และเชลล์ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 35.49 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 35.74 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 36.38 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 37.85 บาท/ลิตร ,เบนซิน อยู่ที่ 45.74 บาท/ลิตร ,ซูเปอร์พาวเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.54 บาท/ลิตร ,ดีเซล ราคา 29.94 บาท/ลิตร, ดีเซล B7 ราคา 29.94 บาท/ลิตร , ซูเปอร์พาวเวอร์ ดีเซล B7 ราคา 41.54 บาท/ลิตร
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันจันทร์(11มี.ค.) ร่วงลงหลุดระดับ 78 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ลบ 8 เซนต์ ปิดที่ 77.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 82.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลง 2.45% ในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในจีน รวมทั้งการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะมีอย่างเพียงพอในปีนี้ ขณะที่อุปสงค์มีการขยายตัวที่อ่อนแอ
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนก.พ.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันพุธ ตามเวลาสหรัฐ
JJNY : จี้ ‘ลงทุน-อัพไอคิว’ เด็กไทยด่วน│ยื่น ‘วันนอร์’ ซักฟอกพรุ่งนี้│ราคาน้ำมันโลกร่วงต่อเนื่อง│รัสเซียขังชายเกาหลีใต้
https://www.matichon.co.th/education/news_4464014
จี้รัฐบาล ‘ลงทุน-อัพไอคิว’ เด็กไทยด่วน หลังผลทดสอบความฉลาด ‘ต่ำกว่า’ เพื่อนบ้าน วอนนายกฯอัดฉีดการศึกษา-แก้ทุพโภชนาการ
ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากกรณีเว็บไซต์การทบทวนประชากรโลก เผยแพร่คะแนนเฉลี่ยของประเทศในการทดสอบความฉลาดทางสติปัญญามาตรฐาน (IQ) โดย 10 อันดับแรก ประเทศที่มีความฉลาดทางสติปัญญา ได้แก่ ญี่ปุ่น 106.48, ไต้หวัน 106.47, สิงคโปร์ 105.89, ฮ่องกง 105.37, จีน 104.1, เกาหลีใต้ 102.35, เบลารุส 101.6, ฟินแลนด์ 101.2, ลิกเตนสไตน์ 101.07 และเยอรมนี 100.74 ส่วนไทยอันดับ 64 ได้ 88.87 ขณะที่เพื่อนบ้านอาเซียนอย่าสิงคโปร์ อันดับ 2 ได้ 105.89, กัมพูชา อันดับ 15 ได้ 99.75, พม่า อันดับ 52 ได้ 91.18, เวียดนาม อันดับ 60 ได้ 89.5, มาเลเซีย และบรูไน อันดับ 73 ได้ 87.58, ฟิลิปปินส์ อันดับ 111 ได้ 81.6, ลาว อันดับ 114 ได้ 80.99 และอินโดนีเซีย อันดับ 130 ได้ 78.5
“เรื่องนี้สำคัญระดับประเทศ ทั้งนี้ จะเห็นว่าไทยเป็นรองแม้แต่กัมพูชา พม่า และเวียดนาม ทำให้เห็นว่าเด็กและเยาวชนในภาพรวมของไทยมีไอคิวตกต่ำลงมาโดยตลอด สิ่งที่น่าห่วงต่อไปนี้คือ จะปล่อยให้เด็กส่วนใหญ่ในประเทศกลายเป็นเด็กที่เรียนช้า พัฒนาขึ้นยาก ที่บอกว่าจะทำให้ประเทศพัฒนาแล้ว พ้นกับดักความยากจน เพื่อไปสู่ศตวรรษที่ 21 นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไอคิวเด็กอยู่ที่ 88.87” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เด็กที่มีไอคิว 88.87 จะเป็นเด็กที่เรียนช้า และมีเด็กจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่มีไอคิวมากกว่า 88.87 คือเป็นเด็กที่มีฐานะ เรียนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนสาธิต และโรงเรียเอกชน แต่เด็กอีกประมาณ 2.8 ล้านคนทั้งประเทศ อยู่ในภาวะเสี่ยงสุดๆ สาเหตุที่ทำให้เด็กไอคิวต่ำลงมาจาก 4 ปัญหา คือ 1.ปัญหาเศรษฐกิจ 2.ปัญหาภาวะทุพโภชนาการ 3.ปัญหาสังคมและครอบครัว และ 4.ปัญหาระบบการศึกษา
“ดังนั้น ภาพของประเทศที่เด็กจะเติบโตในอนาคตนั้น คุณภาพจะแย่ลง ปัจจุบันสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมที่เด็กส่วนใหญ่อยู่กับมือถือ และส่วนใหญ่ไปอยู่กับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการศึกษา เพราะจะเห็นว่าเด็กอยู่กับเกม การบันเทิง หรือตัวอย่างไม่ดี ล่าสุดคำที่เสิร์ชมากที่สุดในกู้เกิ้ลคำหนึ่งคือ เรื่องเพศของผู้หญิง สะท้อนให้เห็นว่าเด็กใช้โชเซลียมีเดียตอบสนองตนเอง มากกว่าที่ใช้ในการเรียนรู้” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวอีกว่า สังคมเต็มไปด้วยความรุนแรง ยาเสพติด มองว่าปัญหาสังคมกำลังเคลื่อนตัวไปในรูปแบบที่ซับซ้อน รุนแรง และขาดคนดูแล ทำให้สังคมไม่น่าอยู่ การบังคับกฎหมายก็เป็นประเด็นปัญหา ทำให้สังคมไทยไม่ใช่สังคมที่ตอบโจทย์เรื่องการเรียนรู้ หรือช่วยให้เด็กพัฒนา ส่วนปัญหาครอบครัวนั้น หลังจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ครอบครัวไทยยากจนเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนครอบครัว เศรษฐกิจดีเฉพาะข้างบน แต่ชาวบ้านยิ่งยากจน ประชาชนขณะนี้มีรายได้ต่อเดือน 1,039 บาทเท่านั้น ทำให้เด็กที่อยู่ในครอบครัวเหล่านี้ และเด็กที่อยู่ในชนบท มีภาวะทุพโภชนาการ เด็กแคระแกรน น้ำหนักส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน ในขณะที่เด็กในเมืองมีภาวะโรคอ้วน
“ขณะที่ระบบการศึกษาที่ตั้งเป้าไว้ ตั้งคณะกรรมการผลักดันคะแนนสอบ PISA ไปให้ไกล มองว่าทำได้ยากลำบาก เพราะพื้นฐานเด็กส่วนใหญ่ เป็นเด็กเรียนช้า ให้เรียนรู้เรื่องการคิดวิเคราะห์ การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่างๆ นั้น เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ มีข้อมูลเด็กที่ยากจน 40% ไม่ได้กินข้าวเช้า ส่งผลให้เด็กผอม ไม่มีสมาธิในการเรียน กระทรวงสาธารณะสุข (สธ.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องทำงานหนักกว่านี้ โดยเฉพาะรัฐบาล ที่ขณะนี้กำลังฝันว่าไทยจะกลายเป็นประเทศก้าวหน้า เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน ทั้งที่คนส่วนใหญ่ของประเทศมีไอคิว 88.87 เท่านั้น” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะเห็นหลายประเทศที่ลงทุนด้านการศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กที่จะเป็นกำลังของประเทศในอนาคต แต่จะเห็นว่าไทยกลับไม่ลงทุนกับเด็ก ฉะนั้น อยากฝากรัฐบาลให้ดูเรื่องภาวะทุพโภชนาการให้เด็ก ทำอย่างไรให้เด็กออกกำลัง ออกห่างจากโทรศัพท์มือถือ ให้เด็กมีพื้นที่ปลอดภัย ครูสอนหนังสือโดยการตั้งคำถาม และกระตุ้นการคิด ทำโครงงาน ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ และถ้าปล่อยให้สังคมไทยเคลื่อนตัวด้วยพลเมืองที่มีไอคิว 88.87 สังคมไทยจะมืดมน จึงอยากจะขอให้นายกรัฐมนตรีดูแลประเด็นนี้ด้วย
ฝ่ายค้านยื่น ‘วันนอร์’ เปิดศึกซักฟอกม.152 พรุ่งนี้ 10 โมง แย้มมีเรื่อง ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4467031
พรุ่งนี้! 10 โมง ฝ่ายค้านยื่น ‘วันนอร์’ เปิดศึกซักฟอก ม.152 ‘ปกรณ์วุฒิ’ แย้มมีเรื่อง ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ งงข่าว ‘ก้าวไกล’ เกี้ยเซี้ยรัฐบาล บอก ไม่รู้มองกันมุมไหน ทั้งที่ตั้งกระทู้-ออกข่าวตลอดเวลา
เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 12 มีนาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ขณะนี้ตัวร่างญัตติอยู่ที่นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) เวลา 10.00 น. เราได้นัดหมายกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นญัตติดังกล่าว
นายปกรณ์วุฒิกล่าวด้วยว่า ส่วนสัดส่วนการอภิปรายนั้น ต้องรอดูวันและเวลาอภิปรายของแต่ละฝ่ายก่อน ส่วนการจัดการเรื่องเวลานั้น ตนคิดว่าไม่เป็นเรื่องยากเพราะเราเคยผ่านการอภิปรายงบประมาณและการแถลงนโยบายของรัฐบาลมาแล้ว ทั้งนี้ เราได้มีการพูดคุยเรื่องหัวข้อกันแล้ว ซึ่งนายชัยธวัชได้แจ้งกับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าเราจะต้องมีการจัดหมวดหมู่กันอีกครั้งเพื่อให้มีความสอดคล้องกัน
เมื่อถามว่า ประเด็นที่จะอภิปรายตกผลึกแล้วใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในส่วนของพรรค ก.ก. ตอนนี้เราได้จัดหมวดหมู่และเห็นภาพมากขึ้น แต่ต้องบอกว่าผู้ที่เสนอหัวข้อก็มีจำนวนมากเหมือนเดิม และเราคงต้องมีการมาคัดอีกครั้งว่าจุดที่เป็นไฮไลต์เราจะพูดเรื่องอะไรบ้างตามเวลาที่เรามีอยู่อย่างจำกัด สำหรับพรรคอื่นเราได้มีการพูดคุยไปแล้ว และเป็นหน้าที่ที่เขาจะรวบรวมประเด็นกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หากไม่มีประเด็นเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลจะมีช่องทางใดที่สามารถอภิปรายได้บ้าง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า การอภิปรายแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นการอภิปรายเพื่อซักถามรัฐมนตรีถึงเรื่องต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการ ซึ่งต้องย้อนไปถึงตอนรัฐบาลแถลงนโยบายที่มีการแถลงใหญ่ แต่อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย บางเรื่องต้องบอกว่าอาจไม่จำเป็นต้องมีงบ ก็สามารถเริ่มดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ แม้อาจจะไม่ได้มีการทุจริตอะไร แต่มันคือการที่ยังไม่ได้เริ่มทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
“หากเราอยากเห็นภาพว่าใน 4 ปี ประเทศจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ผมคิดว่าประมาณ 7-9 เดือน ก็ต้องเห็นเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว หากเรื่องไหนที่พูดแล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็คิดว่าเป็นการทวงถาม หรือบางนโยบายที่พูดไว้อีกแบบ แต่ทิศทางการทำอาจจะไปอีกแบบ
เราก็ต้องทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตกลงแล้วจะเป็นไปตามที่เคยแถลงไว้หรือไม่ เช่น เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ขณะนี้เป็นนโยบายที่คิดไป ทำไปหรือไม่ หรือเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ที่หลายอย่างไม่จำเป็นต้องใช้งบ หรือแม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยพูดบ่อยมาก และคิดว่าน่าจะเป็นนโนบายที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ด้วยซ้ำ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นความชัดเจน ไม่ตรงกับที่เคยพูดไว้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการตรวจสอบของฝ่ายค้านจะมีประสิทธิภาพ หลังที่ผ่านมาถูกมองว่าการตั้งกระทู้ถามสด เป็นการเกี้ยเซี้ยกับรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามองกันมุมไหน แต่ในมุมของตนที่เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน เช่น เรื่องของการตั้งกระทู้ถามในส่วนของพรรค ก.ก. เราก็มีการคัดเลือกกันอย่างเต็มที่ อีกอย่างที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยที่ผ่านมาคือเมื่อเราได้กระทู้มากขึ้น
เราก็อยากถามกระทู้สดที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อน ปากท้องประชาชน เราอยากให้ความสำคัญในหลายๆ เรื่อง ส่วนประเด็นทางการเมืองหากไม่ได้แหลมคมจริงๆ เราก็คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เวทีการถามกระทู้สด เราสามารถใช้เวทีอื่นในการตรวจสอบได้ หากมองดีๆ การออกสื่อของพรรค ก.ก. คือการตรวจสอบของรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา
“ผมคิดว่าการอภิปราย 152 พรรคก้าวไกลอภิปรายอยู่ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะนอกสภา หรือในสภา เราก็พูดเรื่องนี้อยู่ทุกสัปดาห์ หลายประเด็นสื่อก็เอาจับไปเป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำ” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า พรรค ก.ก.จะพูดเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ปฏิบัติต่อนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า มีอยู่ในหัวข้อที่วางเอาไว้ ส่วนจะเป็นเจ้าภาพหลักเองหรือไม่นั้นตนคิดว่าในแต่ละเรื่อง อาจไม่ได้มีใครเป็นเจ้าภาพโดยตรง เพียงแต่เราต้องคุยกันเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านหวังผลให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างไร นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลทำอะไร บางอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน หรืออะไรที่ยังไม่ได้ทำก็จะได้มีการเคลื่อนไหว และทำตามที่สัญญาไว้บ้างหรืออะไรที่ผิดทางมีกลิ่นแปลกๆ ก็จะได้หยุดการกระทำ
ราคาน้ำมันโลกร่วงต่อเนื่อง ร่วงลงหลุดระดับ 78 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว
https://ch3plus.com/news/economy/morning/390943
ราคาน้ำมันวันนี้ (12 มี.ค.) อัปเดตราคาน้ำมันล่าสุด ทั้งน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล จาก 3 ปั๊มน้ำมัน ปตท., บางจาก และเชลล์ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 35.49 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 35.74 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 36.38 บาท/ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 37.85 บาท/ลิตร ,เบนซิน อยู่ที่ 45.74 บาท/ลิตร ,ซูเปอร์พาวเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.54 บาท/ลิตร ,ดีเซล ราคา 29.94 บาท/ลิตร, ดีเซล B7 ราคา 29.94 บาท/ลิตร , ซูเปอร์พาวเวอร์ ดีเซล B7 ราคา 41.54 บาท/ลิตร
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันจันทร์(11มี.ค.) ร่วงลงหลุดระดับ 78 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ลบ 8 เซนต์ ปิดที่ 77.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 82.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลง 2.45% ในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในจีน รวมทั้งการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะมีอย่างเพียงพอในปีนี้ ขณะที่อุปสงค์มีการขยายตัวที่อ่อนแอ
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนก.พ.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันพุธ ตามเวลาสหรัฐ