ณัฐวุฒิ เชื่อรัฐบาลเปิดประชุมสภาฯวิสามัญ ถก แก้รธน.ต้นเดือนธ.ค.ชี้สัญญาณดี เป็นไปตามMOA
https://www.matichon.co.th/politics/news_5458970
.
.
‘ณัฐวุฒิ’ เชื่อรัฐบาลเปิดประชุมสภาฯวิสามัญ ถกแก้ รธน.ต้นเดือน ธ.ค.นี้ ชี้สัญญาณดี ทุกอย่างเป็นไปตาม MOA ‘ปชน.-ภท.’ รับ ‘ณัฐพงษ์-จุลพันธ์’ นัดคุยกัน คาดถกส่งคนนั่งวิปฝ่ายค้าน
.
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2568 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในชั้น กมธ.พิจาณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ว่า มีการหารือกันมาตั้งแต่มีการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ วาระที่ 1 ว่า ในการพิจารณาทำได้โดยเร็ว และเสร็จในช่วงเดือน พ.ย. อย่างไรทางเราก็ขอให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตรงนี้ทางรัฐบาลก็รับทราบ และรับรู้โดยตลอด ประเด็นจริง ๆ คือคิดว่าการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะเสร็จในวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีหลายประเด็น คิดเห็นแตกต่าง ทำให้เราพิจารณาล่าช้ากว่ากรอบเวลาที่วางไว้ อย่างไรก็ตามคาดว่าในเชิงเนื้อหาสาระทั้งหมด ในเชิงรายมาตรา น่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสัปดาห์หน้า ไม่เกินวันที่ 21 พ.ย.นี้ อาจมีขั้นตอนทางธุรการนิดหน่อย เช่น การเชิญผู้แปรญัตติ ไม่ว่า สส. หรือ สว.ที่ใช้สิทธิแปรญัตติไว้ 6 คน ต้องมาชี้แจง และเราต้องทำรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งสภาฯอีกครั้ง
.
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ กมธ. เราก็เน้นย้ำว่า อยากให้เนื้อหาสำเร็จก่อน ขณะที่ นายภราดร ตัวแทนรัฐบาลด้วย และ กมธ.ด้วย ก็รับปากว่ากรณีมีความชัดเจนว่า ร่างการพิจารณาของเราใกล้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ ให้แจ้งมา เขาจะได้แจ้งรัฐบาลเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ คิดว่าตรงไปตรงมาไม่น่าจะมีประเด็นอะไรซับซ้อน ในเรื่องเปิดประชุมวิสามัญ อยู่ที่เนื้อหาแล้วเสร็จเมื่อไหร่ เมื่อเสร็จแล้วเราส่งสัญญาณไปที่รัฐบาล ก็รอดูว่าจะตอบรับอย่างไร
“ส่วนประเด็นนอกเหนือจาก กมธ. ไม่ว่าจะเป็นกรณีพรรค ปชน.ส่งสัญญาณว่า ถ้าไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือพรรคอื่นส่งสัญญาณลักษณะอย่างไร คงเป็นเรื่องแต่ละพรรคการเมือง แต่เรื่อง กมธ.เราคุยทั้งหมด ไม่ว่า สส. หรือ สว.ว่า เราจะทำให้เสร็จให้รอบคอบโดยเร็วที่สุด ส่วนเสร็จแล้วเปิดวันไหนอย่างไร เป็นเรื่องแต่ละฝ่ายมาคุยทีหลัง เกินไปกว่าสิ่งที่ กมธ.กำหนดได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
.
เมื่อถามถึงกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.นัดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีการหารือเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทราบมาจากทั้ง 2 ฝ่าย คือนายจุลพันธ์เคยให้ข่าวว่า จะพูดคุยกัน ตนไม่ทราบว่าการคุยกันระหว่าง ปชน. และเพื่อไทย จะมีจริงหรือไม่ อย่างไร หรือหารือเรื่องใด เข้าใจว่าติดพันกันมาตั้งแต่สมัยประชุมที่แล้ว เดิมพอมีการเปลี่ยนรัฐบาล ฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐบาลทั้งหมด ต้องมาเป็นฝ่ายค้าน
.
แต่ก็มีการตั้งคำถามว่าอันไหนฝ่ายค้านแท้ หรือเทียม คงพูดคุยเชิงหยอกกัน แต่ท้ายที่สุดฝ่ายค้านเดิม คือพรรค ปชน.ในฐานะแกนนำ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้เปิดช่องไว้ตลอดว่า ถ้าเพื่อไทยพร้อมเมื่อไหร่ ให้ส่งรายชื่อบุคคลเข้ามา ได้ตั้งเป็นวิปฝ่ายค้านร่วมกัน เลยไม่แน่ใจว่า ประเด็นที่เห็นว่าจะมีการนัดคุยกันนั้น เป็นเรื่องใดบ้าง คาดว่าทั้งหมดเรื่องของการร่วมมือทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ขณะเดียวกันอาจมีเรื่องรัฐธรรมนูญ หรืออื่น ๆ ประกอบด้วย ไม่ทราบรายละเอียดว่าจะนัดคุยเมื่อไหร่อย่างไร
.
เมื่อถามว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะกำหนดวันประชุมวิสามัญให้เราก่อน 12 ธ.ค.นี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเราเชื่อหรือไม่ แต่ตัวแทนรัฐบาลเองก็ส่งสัญญาณมาโดยตลอด ไม่ว่าการอภิปรายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 1 หรือนายกฯก็พูดชัด ขณะที่เราเองในฐานะเป็นพรรคการเมืองที่เคยเสนอเรื่อง MOA มีถึง 2 ข้อด้วยกันที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และตอนทางนู้นมาตกลง MOA เขาก็ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขใน MOA ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นไม่มีเหตุอื่นใดที่จะไม่มีการเปิดประชุมวิสามัญ
.
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนถ้าถามว่าทำไมต้องเปิดประชุมวิสามัญ เพราะเกี่ยวข้องกับการพิจารณาวาระ 3 และเกี่ยวกับช่วงเวลาในการที่ต้องเปิดจัดทำประชามติ เพราะกรณีกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่เหมือนกฎหมายอื่น มันต้องมี 3 ขั้นตอน 1.การเปิดวาระ 2 ขั้นตอนต่อไปคือ 2.ต้องรอ 15 วัน ถึงพิจารณาวาระ 3 ได้ และ 3.หากวาระ 3 ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว ต้องมีญัตติจากสภาฯไปอีก ขอให้รัฐบาลจัดทำประชามติ ตามกฎหมายใหม่ต้องมีการตั้งคำถามไว้ล่วงหน้าให้ประชาชนได้ศึกษาไม่น้อยกว่า 60 วัน หากเห็นว่าจะมีการเลือกตั้งแน่ ๆ ดังนั้นกำหนดกรอบ MOA ถ้าจะมีการยุบสภาฯปลายเดือน ม.ค. 2569 และอาจเลือกตั้ง มี.ค. 2569 ต้องทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ไม่ติดขัดเรื่องกรอบเวลาต่าง ๆ ฉะนั้นเป็นเรื่องของ MOA ด้วย เรื่องทุกฝ่ายส่งสัญญาณร่วมกันปลดล็อกแก้ไขรัฐธรรมนูญ
.
“ผมต้องยอมรับว่าเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ไม่ได้ไปต่างประเทศ รอประชุมตั้งแต่กลางเดือนนี้เป็นต้นไป แต่ด้วยความล่าช้าของ กมธ.ที่ต้องพิจารณารอบคอบ ขอเวลาอีกนิด ถ้า กมธ.ทำแล้วเสร็จอย่างไร จะเร่งส่งให้ประธานรัฐสภา เมื่อประธานฯส่งไป เชื่อว่าการเปิดประชุมวิสามัญเกิดขึ้นแน่ ๆ ต้นเดือน ธ.ค.แน่ ๆ ส่วนวันใดคงไม่อาจกำหนดได้ ยังไม่มีสัญญาณ หรือประเด็นอื่นใด ทำให้การเดินหน้าครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหา ข้อจำกัดหลายประการต่อเสถียรภาพทางการเมือง และการแก้ไขปัญหาประเทศ ดังนั้นถ้าทุกคนเห็นตรงกัน นี่คือโอกาสดีสุดที่จะปลดล็อกการแก้ไข และนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต” นายณัฐวุฒิ กล่าว
.
.
นักวิชาการ เตือน สหรัฐระงับเจรจาภาษีมีผลกระทบ แนะ ต้องบาลานซ์ อธิปไตย-การค้า
https://www.matichon.co.th/economy/news_5459006
.
นักวิชาการ เตือน สหรัฐระงับเจรจาภาษีมีผลกระทบ แนะ ต้องบาลานซ์ อธิปไตย-การค้า
.
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับ มติชน ถึง กรณีสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศระงับการเจรจาด้านอัตราภาษีการค้าทวิภาคีระหว่างไทย-สหรัฐ จนกว่าไทยจะกลับมาปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Declaration) ในประเด็นการหยุดยิงและยุติความขัดแย้งชายแดน ว่า แม้จะรัฐบาลหรือหลายฝ่ายจะบอกว่าประเด็นดังกล่าวยังคงไม่กระทบภาษีสหรัฐฯ 19% แต่จากมุมมองของตน เรื่องนี้มีผลกระทบแน่นอน
.
นายสมชาย กล่าวว่า ยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่สหรัฐฯ จะใช้วิธีนี้กดดันเพราะการที่สหรัฐฯ เชื่อมโยงประเด็นการเจรจาสันติภาพและการค้าระหว่างประเทศเข้าด้วยกันนั้น เป็นการแสดงออกที่ส่งสัญญาณกระทบต่อการค้าในตัวเองอยู่แล้ว และ ตนเคยเตือนล่วงหน้าว่าการตัดสินใจของรัฐบาลที่มีการสื่อสารถ้อยคำที่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านอธิปไตยเช่นนี้มีแนวโน้มจะกระทบต่อการค้าและการทูตของไทยแน่นอน
.
นายสมชาย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมจากนี้ไม่ใช่การละเลยหรือเลือกดำเนินมาตรการใดมาตรการหนึ่งเพียงด้านเดียว แต่ต้องพิจารณา ทั้งสองด้านควบคู่กัน ได้แก่ ความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ กับ การเจรจาด้านการค้า และทั้งสองเรื่องต้องเดินคู่กันอย่างสมดุล ย้ำว่าการรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนยังคงเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลที่ต้องปฏิบัติต่อ นายสมชาย กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ การสื่อสารไปยังสหรัฐฯและมาเลเซีย รวมถึงประชาคมโลก ว่าไทยยังคงเคารพต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ แต่ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามปฏิบัติตามข้อตกลงด้วย ไม่ละเมิดกติกา และ การเจรจาด้านการค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะสหรัฐฯเป็นตลาดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัว การละเลยตลาดสหรัฐฯอาจทำให้เสียโอกาสด้านการค้าและรายได้มหาศาล ซึ่งตลาดสหรัฐมีสัดส่วนเกือบ 20% ของ GDP ไทย
.
นายสมชาย กล่าวว่า ย้ำว่า การเจรจาในยุคที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจทางนโยบายต่างประเทศ ดังนั้น รัฐบาลไทยต้องพิจารณาทั้ง เนื้อหาและท่าที ของประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากนโยบายและการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นอยู่กับทั้งอุดมการณ์และอารมณ์ความพอใจส่วนตัว ย้ำว่า การใช้ ท่าทีและคำพูดในการเจรจาทางการทูต ให้เหมาะสมทุกขั้นตอนระมัดระวังและชัดเจน จะช่วยสร้างความเกรงใจและป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นจากสื่อและโซเชียลมีเดีย และ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงจากการตีความผิดของฝ่ายตรงข้าม และ อีกข้อเสนอแนะคือ กระทรวงพาณิชย์ ควรพิจารณาช่องทางการค้าและสินค้าที่สหรัฐขาดแคลน เช่น สินค้าด้านภาคการเกษตร อาทิ กล้วยหอม เพื่อเจรจาเป็นข้อเสนอรองรับการค้าขยายตลาด
.
นายสมชาย กล่าวว่า ทั้งนี้ อย่างที่กล่าวไปว่าการตัดสินใจของทรัมป์ขึ้นอยู่กับ อารมณ์และความพอใจไม่พอใจ เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับประเทศอินเดีย ที่เคยถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้หลังจากเกิดความไม่พอใจเรื่องของประเด็นน้ำมัน ดังนั้นจากนี้ต่อไป รัฐบาลรวมถึง ผู้นำของไทย จะต้องระมัดระวังการสื่อสารเพิ่มขึ้นแม้ที่ผ่านมาถ้อยคำที่ว่า “หากมีปัญหากับอเมริกา เราก็มีตลาดอื่น” จะไม่ได้ผิดพลาดร้ายแรงและเป็นการสื่อถึงการปกป้องประเทศไทย แต่ส่วนนี้ต้องระวังการ ถูกตีความ”ในระดับสากล ซึ่งอาจทำให้ถูกมองว่าเป็นการ ลดความสำคัญของตลาดอเมริกาและส่งผลลบต่อการเจรจาได้
.
.
สถานการณ์ส่อระอุ! เรือจีนลาดตระเวนใกล้เซ็งกากุหลังห้ามพลเมืองเดินทางไปญี่ปุ่น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10021745
.
สถานการณ์ส่อระอุ! – วันที่ 16 พ.ย.
รอยเตอร์ รายงานว่า หน่วยยามฝั่งจีนออกแถลงการณ์ว่า ขบวนเรือของหน่วยยามฝั่งแล่นผ่านน่านน้ำใกล้ หมู่เกาะเตียวหยู หรือ หมู่เกาะเซ็งกากุ พื้นที่พิพาทระหว่างจีน-ญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก ตามสิทธิ์ในการบังคับใช้เพื่อลาดตระเวน
.
พร้อมเสริมว่าเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการญี่ปุ่นเรียกร้องให้จีนดำเนินมาตรการอย่างเหมาะสม
.
ภายหลังรัฐบาลจีนประกาศเตือนพลเมืองชาวจีนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น และไม่กี่วันหลังจาก นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ผู้นำหญิงแห่งญี่ปุ่น กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการโจมตีไต้หวันด้วยอาวุธ
.
อาจทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องส่งกำลังทหารไปสนับสนุนไต้หวันภายใต้การป้องกันตนเองร่วมกัน ส่งผลให้จีนไม่พอใจและเรียกร้องให้นางทาคาอิจิถอนคำพูด แต่ผู้นำหญิงของญี่ปุ่นยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวไปนั้นสอดคล้องกับจุดยืนของญี่ปุ่น
.
https://www.reutersconnect.com/all?id=tag%3Areuters.com%2C2025%3Anewsml_P8N3QF043%3A543008421&media-types=txt
JJNY : ณัฐวุฒิชี้สัญญาณดีตามMOA│เตือนสหรัฐระงับเจรจาภาษีมีผลกระทบ│เรือจีนลาดตระเวนใกล้เซ็งกากุ│สื่อเขมรเย้ยทรัมป์ทำถูก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5458970
.
.
นักวิชาการ เตือน สหรัฐระงับเจรจาภาษีมีผลกระทบ แนะ ต้องบาลานซ์ อธิปไตย-การค้า
https://www.matichon.co.th/economy/news_5459006
.
.
สถานการณ์ส่อระอุ! เรือจีนลาดตระเวนใกล้เซ็งกากุหลังห้ามพลเมืองเดินทางไปญี่ปุ่น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10021745
.
สถานการณ์ส่อระอุ! – วันที่ 16 พ.ย. รอยเตอร์ รายงานว่า หน่วยยามฝั่งจีนออกแถลงการณ์ว่า ขบวนเรือของหน่วยยามฝั่งแล่นผ่านน่านน้ำใกล้ หมู่เกาะเตียวหยู หรือ หมู่เกาะเซ็งกากุ พื้นที่พิพาทระหว่างจีน-ญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก ตามสิทธิ์ในการบังคับใช้เพื่อลาดตระเวน
.
พร้อมเสริมว่าเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการญี่ปุ่นเรียกร้องให้จีนดำเนินมาตรการอย่างเหมาะสม
.
ภายหลังรัฐบาลจีนประกาศเตือนพลเมืองชาวจีนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น และไม่กี่วันหลังจาก นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ผู้นำหญิงแห่งญี่ปุ่น กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการโจมตีไต้หวันด้วยอาวุธ
.
อาจทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องส่งกำลังทหารไปสนับสนุนไต้หวันภายใต้การป้องกันตนเองร่วมกัน ส่งผลให้จีนไม่พอใจและเรียกร้องให้นางทาคาอิจิถอนคำพูด แต่ผู้นำหญิงของญี่ปุ่นยืนยันว่าสิ่งที่กล่าวไปนั้นสอดคล้องกับจุดยืนของญี่ปุ่น
.
https://www.reutersconnect.com/all?id=tag%3Areuters.com%2C2025%3Anewsml_P8N3QF043%3A543008421&media-types=txt