JJNY : ณัฐวุฒิชี้กมธ.แก้รธน.ถกจบ 26 พ.ย.│ณัฐวุฒิจี้ปลด ‘รมต.เทา’│ทบ.2 แฉสารพัดเหลี่ยมกัมพูชา│คำพูดทาคาอิจิทำคนจีนเดือด

ณัฐวุฒิ ชี้ กมธ.แก้รธน.ถกจบ 26 พ.ย. ยันรอบคอบ หวังเปิดวิสามัญ 8-11 ธ.ค.
.

.
“ปธ.กมธ.แก้รธน.” ยันจบทุกอย่าง 26 พ.ย.นี้ ชี้พิจารณาอย่างรอบคอบ เชื่อไม่นำสู่การยื่นตีความจนทำให้รัฐธรรมนูญแท้ง หวังครม.นำเข้าที่ประชุมอังคาร เคาะวันเปิดสมัยประชุมวิสามัญถก 8-11 ธ.ค.
.
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา กล่าวว่า ขณะนี้การพิจารณาโดยภาพรวมได้เดินหน้าไปทั้งหมดแล้ว และเมื่อพิจารณารายมาตราได้เดินมาถึง พิจารณากลไกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรับฟังความคิดเห็นและความสัมพันธ์กับรัฐสภาไปแล้ว และการประชุมในวันนี้จะเป็นการพิจารณาหลักการพื้นฐาน เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า ทุกอย่างจะต้องถามประชาชน ซึ่งจะทำต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า หากจะมีรัฐธรรมนูญฉบับจะมีขั้นตอน รูปแบบ กระบวนการจัดทำอย่างไร ซึ่งต้องมีหลักการพื้นฐานเพียงพอที่จะระบุให้ประชาชนเข้าใจว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร
.
ยืนยันว่าการพิจารณาทั้งหมดจะแล้วเสร็จในวันที่ 21 พฤศจิกายน ซึ่งเราค่อนข้างมั่นใจ และการพิจารณาไม่ใช่ว่าจะเดินหน้าอย่างเดียว แต่เราพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ยังมีขั้นตอนทางธุรการในเรื่องของการเชิญผู้แปรญัตติและการจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อส่งให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อนำแจ้งต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงความพร้อมของรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การเปิดประชุมสมัยวิสามัญ”นายณัฐวุฒิ กล่าว
.
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีการตรวจสอบละเอียดและรอบคอบ ฉะนั้นจึงจะมีการหารือในที่ประชุมว่า ในสัปดาห์จะขอประชุมเพิ่มเติมในวันอังคารและวันพุธได้หรือไม่ และหากเป็นไปตามกรอบทั้งหมด คาดว่าในชั้นตอนทางธุรการจะจบอย่างแล้วเสร็จในวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน และเมื่อเสร็จสิ้นจนจะรีบดำเนินทางธุรการส่งเอกสารทั้งหมดไปยังประธานรัฐสภา และเมื่อส่งไปให้ครม.พิจารณาก็ยังมั่นใจว่าในการประชุมครม.ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ควรจะต้องมีมติว่าเห็นควรให้มีการกราบบังคมทูลฯเพื่อให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญฯหรือไม่ เชื่อว่าน่าจะอยู่ในกรอบระหว่างวันที่ 8-11 ธันวาคม
.
เมื่อถามว่า ทางกมธ.จะต้องตั้งคำถามเพื่อทำประชามติหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้เราพิจารณากันหลายรอบ และได้มีการเชิญหน่วยงานต่างๆมาให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันว่าคำถามน่าจะเป็นครม.เป็นผู้ตั้งคำถาม แต่ในส่วนของญัตติที่จะนำไปสู่การมีคำถามไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 จะต้องไปจากรัฐสภา ก็คงขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองจะคุยกันอย่างไร แต่เชื่อว่าจะต้องพิจารณาญัตติที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่ประชามติ ในวาระ 2 หรืออย่างช้าที่สุดในวาระ 3
.
เมื่อถามถึงคุณสมบัติของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ยังรอการพิจารณาอยู่ ซึ่งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอยู่ในระหว่างที่คณะกรรมการกฤษฎีกาขอปรับแก้ถ้อยคำ โดยใส่ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น การห้ามไม่ให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามานั่งในคณะกรรมการยกร่าง และคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ ซึ่งคาดว่าไม่เกินวันที่ 21 พฤศจิกายน คงจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะมีการกำหนดสิ่งเหล่านี้หรือไม่
.
เมื่อถามว่า เงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา และยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดูเหมือนเกี่ยวพันกันไปหมด ทางกมธ.มีความกังวลหรือไม่ว่าสุดท้ายแล้วรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นตัวประกัน และต้องแท้งไป นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงต้นของการประชุมกมธ.ก็มีความกังวลในส่วนนี้ ถ้าเรามองว่า รัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันเราคงทำให้รัฐธรรมนูญเสร็จไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว การที่ยังไม่เสร็จไม่ใช่มีฝ่ายหนึ่งดึง แต่เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและต้องไม่มีประเด็นใดๆที่อาจจะนำไปสู่การร้องหรือการยื่นตีความที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียไป
.
เพราะฉะนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับกมธ.ทุกคนที่อาจมภารกิจ อย่างไรก็ตามเราชัดเจนว่าเราขอทำหน้าที่ บทบาทของกมธ.ทั้ง 43 คนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และพยายามจะทำหน้าที่โดยเร็ว เพื่อให้อย่างน้อยจะมีหลักประกันว่าเราทำได้เร็ว และมีการพิจารณาอย่างก้าวหน้าไปตามลำดับ เหตุผลเรื่องอื่นๆที่จะทำให้การเมืองมามีผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจุดนี้คือจุดสำคัญที่สุดที่จะปลดล็อคไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60
.
ผมยืนยันในนามในนามของกมธ. โดยไม่ได้ติดว่า ณัฐวุฒิมาจากพรรคไหน ฝ่ายไหน ก็ขอโอกาสจริงๆเพราะกมธ.อยากให้โอกาสที่ดีที่สุดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ส่วนท้ายที่สุดการเมืองจะเป็นอย่างไรก็เกินกว่าที่กมธ.จะตอบได้ แต่ยังมั่นใจว่าสาระสำคัญจะจบในสัปดาห์นี้ และเมื่อเปิดสมัยประชุมวิสามัญแม้จะมีเรื่องอื่นผมก็ยังมั่นใจว่าความสนใจจะกลับมาที่การพิจารณารัฐธรรมนูญ เพราะเกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนทั้งหมดอย่างแท้จริง” นายณัฐวุฒิ กล่าว
.

.
ณัฐวุฒิ ยันปชน.พร้อมตรวจสอบรัฐบาลทุกมิติ จี้ปลด ‘รมต.เทา’ ไม่ต้องรอยื่นซักฟอก
.
ณัฐวุฒิ ยันปชน.พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลทุกมิติ จี้ปลดรมต.เทาไม่ต้องรอยื่นซักฟอก
.
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะนายทะเบียนพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคให้ตนโฟกัสเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะมีพรรคการเมืองใดเริ่มยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนยืนยันว่าในฐานะที่เป็นพรรคฝ่ายค้านเราพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในทุกมิติแน่นอน ส่วนจะเป็นการยื่นอภิปรายด้วยตัวเองของพรรคประชาชนที่มีเสียงสส.ครบหรือไม่ ยังอยู่ในขั้นการพิจารณา
.
ซึ่งคงจะพิจารณาประกอบตามเงื่อนที่ปรากฎใน MOA เพราะคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า 2 ใน 5 ข้อนั้นเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ
.
ส่วนคุณสมบัติของรัฐมนตรีรายบุคคลก็ไม่ต้องรอให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากรัฐบาลเห็นว่าบุคคลเหล่านั้นมีคุณสมบัติที่มีปัญหา หรือมีข้อกังขาสำหรับประชาชนก็สามารถใช้กลไกอื่นจัดการได้อยู่แล้ว เพื่อให้การเดินหน้าตามข้อตกลง MOA เป็นไปด้วยดี และเป็นสิ่งที่รัฐบาลประกาศไว้เองว่าจะเป็นผู้ปราบปรามธุรกิจสีเทาต่าง ๆ และผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาล ถ้าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาการเปิดอภิปรายไม่ว่าจะเป็นมาตรา 151 หรือ 152 หรือการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติอื่นๆ ก็เป็นอาวุธหรือเครื่องมือที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้ทุกมิติ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
.
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เข้าใจว่าสส.ของพรรคประชาชนมีการหารือมาโดยตลอดว่าจะใช้เครื่องมือใดในการตรวจสอบรัฐบาล โดยจะเป็นการยื่นญัตติอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ไม่ว่าจะเป็นตามมาตรา 151 หรือ 152 ซึ่งคงต้องหาข้อสรุปของที่ประชุมสส.พรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
.

.
กองทัพภาค 2 แฉ สารพัดเหลี่ยมกัมพูชา ย่องตัดลวดหนาม วางทุ่นระเบิด ล่อทหารไทยเหยียบ
.
วันที่ 20 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้ให้เผยแพร่ข้อมูลให้กับทางกำลังพล และประชาชน เรื่องของทุ่นระเบิด PMN-2 ถึงรูปแบบการวางทุ่นระเบิดแบบใหม่ที่ตรวจพบในพื้นที่ชายแดนไทย
.
โดยจากหลักฐานที่รวบรวมมาจากในที่เกิดเหตุ ซึ่งในบางจุดทางเจ้าหน้าที่พบเป็นพัสดุที่ใส่ PMN-2 นำเข้ามาก่อนวาง ทำให้รู้ว่าทุกครั้งจะมีทุ่นระเบิดในจุดที่เกิดเหตุประมาณ 6 ทุ่น
.
ส่วนใหญ่มักพบทุ่นระเบิดใหม่ การวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา จะวางลักษณะเป็นกลุ่มจำนวน 3-6 ลูก โดยการวางจะวางในรูปแบบดักซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง แบบสลับฟันปลา ในเส้นทางที่คาดว่าฝ่ายไทยใช้ในการลาดตระเวนพื้นที่ หรือใช้การลวงให้เดินเข้าไปในเส้นทางพื้นที่สังหาร (Killing Zone) เช่น
.
- ตะโกนเรียกชวนให้เกิดการทะเลาะ แล้วเดินเข้าไปเหยียบ
- ทำการตัดลวดหีบเพลง เพื่อให้ทหารไทยเดินเข้าไปซ่อมแซมวางใหม่แล้วเหยียบ
- ใช้การวางก่อนถอนตัวในพื้นที่ที่ทางทหารไทยเข้ายึดครองได้
- กัมพูชาใช้การลาดตระเวนเข้ามาในเขตไทย เมื่อถูกให้ผลักดันออกไปนอกพื้นที่ ก็จะแอบมาวางในเวลากลางคืน เพราะรู้ว่าทหารไทยต้องเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ใหม่ในวันรุ่งขึ้น
.
ทั้งหมดนี้เป็นพฤติกรรมที่ล้วนแล้วแต่ส่อเจตนามุ่งหมายเอาชีวิตต่อทหารไทย อย่างไร้มนุษยธรรม และผิดหลักสากลตามอนุสัญญาออตตาวา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่