ไขมันอิ่มตัว เป็น 1 ในไขมันหลายชนิดที่พบได้ในอาหารทั่วไป แต่ไขมันนี้ดีต่อสุขภาพหรือไม่ และควรรับประทานมากเท่าใด
หรือรับประทานอย่างไรให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้ไว้เพื่อระมัดระวังในการบริโภคอาหารแต่ละอย่าง
วันนีพี่หมอฝั่งธน...จะพามาให้ความรู้
มารู้จักกับ..อาหารไขมันอิ่มตัวสูง
ไขมันอิ่มตัว เป็นไขมันที่มีโมเลกุลของไฮโดรเจนเกาะอยู่ โดยเป็นไขมันที่สามารถแข็งตัวได้เมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง
ไขมันชนิดนี้พบได้ในเนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก น้ำมันหมู ดาร์กช็อกโกแลต ผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด
เช่น เนย ชีส และครีม เป็นต้น นอกจากนี้ อาจพบได้ในพืชอย่างมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม
รวมถึงในอาหารอบหรืออาหารสำเร็จรูปชนิดต่าง ๆ ด้วย
ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพ การรับประทานไขมันนี้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี ซึ่งจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือดแดงจนทำให้เกิดการอุดตันได้
จึงคาดว่าการบริโภคไขมันอิ่มตัวอาจทำให้เกิดโรคหัวใจทางอ้อม
จากคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ปริมาณไขมันทั้งหมดที่คนควรได้รับ
คือ ไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา แต่หากเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ควรรับประทานเพียงวันละ 3-4 ช้อนชา
ส่วนไขมันอิ่มตัวนั้น สมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่า
ควรรับประทานไขมันอิ่มตัวเพียง 5-6% จากปริมาณแคลอรี่รวมที่ร่างกายต้องการได้รับต่อวัน
ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยควรรับประทานแต่ในปริมาณน้อย
คนไข้ไม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันไปอย่างสิ้นเชิง เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
แต่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวแทนในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อสุขภาพที่ดี
เพื่อให้ร่างกายได้รับไขมันในปริมาณที่เหมาะสม ควรปฏิบัติตามแนวทาง ดังนี้
รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น ปลาแซลมอน หรือปลาแมคเคอร์เรล เป็นต้น
ซึ่งเป็นปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และเป็นไขมันไม่อิ่มตัว
ส่วนปลาน้ำจืดของไทย เช่น ปลาจาละเม็ดขาว ปลาสวาย ปลาดุก ปลาช่อน เป็นต้น ก็มีกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่มีในปริมาณที่น้อยกว่า
ควรรับประทานปลาเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากมีไขมันรวมสูง
เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ไขมันน้อย หากต้องรับประทานเนื้อสัตว์และอยากหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว
ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อยและไม่ติดหนัง เพราะไขมันสัตว์และหนังจากสัตว์มีไขมันอิ่มตัวสูง
หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวานที่ผ่านการแปรรูป เช่น ขนมกรุบกรอบ หรือขนมอบ เป็นต้น
เพราะของว่างเหล่านี้มีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และควรเปลี่ยนมารับประทานผลไม้เป็นของว่างแทน
เปรียบเทียบฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อการรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์สูงสุด และได้รับไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย
ควรเปรียบเทียบฉลากอาหารแต่ละชนิดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย และศึกษาปริมาณไขมันอิ่มตัวบนฉลากอาหารก่อนซื้อทุกครั้ง
ใช้น้ำมันแทนการใช้เนย เปลี่ยนจากการใช้เนยในการปรุงอาหารมาใช้น้ำมันแทน เพื่อช่วยลดปริมาณไขมันอิ่มตัวในอาหาร


มารู้จักกับ..อาหารไขมันอิ่มตัวสูง
หรือรับประทานอย่างไรให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้ไว้เพื่อระมัดระวังในการบริโภคอาหารแต่ละอย่าง
วันนีพี่หมอฝั่งธน...จะพามาให้ความรู้
ไขมันอิ่มตัว เป็นไขมันที่มีโมเลกุลของไฮโดรเจนเกาะอยู่ โดยเป็นไขมันที่สามารถแข็งตัวได้เมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง
ไขมันชนิดนี้พบได้ในเนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก น้ำมันหมู ดาร์กช็อกโกแลต ผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด
เช่น เนย ชีส และครีม เป็นต้น นอกจากนี้ อาจพบได้ในพืชอย่างมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม
รวมถึงในอาหารอบหรืออาหารสำเร็จรูปชนิดต่าง ๆ ด้วย
ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพ การรับประทานไขมันนี้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี ซึ่งจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือดแดงจนทำให้เกิดการอุดตันได้
จึงคาดว่าการบริโภคไขมันอิ่มตัวอาจทำให้เกิดโรคหัวใจทางอ้อม
จากคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ปริมาณไขมันทั้งหมดที่คนควรได้รับ
คือ ไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา แต่หากเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ควรรับประทานเพียงวันละ 3-4 ช้อนชา
ส่วนไขมันอิ่มตัวนั้น สมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่า
ควรรับประทานไขมันอิ่มตัวเพียง 5-6% จากปริมาณแคลอรี่รวมที่ร่างกายต้องการได้รับต่อวัน
ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยควรรับประทานแต่ในปริมาณน้อย
คนไข้ไม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไขมันไปอย่างสิ้นเชิง เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
แต่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวแทนในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อสุขภาพที่ดี
รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น ปลาแซลมอน หรือปลาแมคเคอร์เรล เป็นต้น
ซึ่งเป็นปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และเป็นไขมันไม่อิ่มตัว
ส่วนปลาน้ำจืดของไทย เช่น ปลาจาละเม็ดขาว ปลาสวาย ปลาดุก ปลาช่อน เป็นต้น ก็มีกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่มีในปริมาณที่น้อยกว่า
ควรรับประทานปลาเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากมีไขมันรวมสูง
เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ไขมันน้อย หากต้องรับประทานเนื้อสัตว์และอยากหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว
ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อยและไม่ติดหนัง เพราะไขมันสัตว์และหนังจากสัตว์มีไขมันอิ่มตัวสูง
หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวานที่ผ่านการแปรรูป เช่น ขนมกรุบกรอบ หรือขนมอบ เป็นต้น
เพราะของว่างเหล่านี้มีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และควรเปลี่ยนมารับประทานผลไม้เป็นของว่างแทน
เปรียบเทียบฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อการรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์สูงสุด และได้รับไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย
ควรเปรียบเทียบฉลากอาหารแต่ละชนิดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย และศึกษาปริมาณไขมันอิ่มตัวบนฉลากอาหารก่อนซื้อทุกครั้ง
ใช้น้ำมันแทนการใช้เนย เปลี่ยนจากการใช้เนยในการปรุงอาหารมาใช้น้ำมันแทน เพื่อช่วยลดปริมาณไขมันอิ่มตัวในอาหาร