วันนี้คุณตดแล้วหรือยัง ถ้าไม่ตดเลยไม่ดีนะครับ

จากหัวข้อกระทู้ ก่อนอื่น จขกท. ขอแจ้งสักหน่อยนะครับ
1. ขออนุญาต ใช้ คำว่า ตด นะครับ ภาษาบ้านๆนะครับ เข้าใจ เข้าถึง ง่ายครับ หากท่านใดคิดว่าไม่สุภาพ ขออภัย (จขกท. ใส่คำว่า ผายลม ไว้ในวงเล็บนะครับ)
2. หากหัวข้อกระทู้ ไป ซ้ำ หรือ คล้ายกับ ของเพื่อนๆสมาชิกท่านใด ต้องขออภัยด้วยนะครับ ไม่ได้มีเจตนา Copy หรือ ลอกกระทู้มาดัดแปลง แล้วตั้ง กระทู้ครับ ส่วนตัวไม่ชอบ และไม่ใช่คนที่ Copy หรือ นำกระทู้ของเพื่อนสมาชิกที่เคยตั้งแล้ว มาดัดแปลงแก้ไข แล้วตั้งกระทู้นะครับ🎀
ช่วงต้นเดือน จขกท.ได้ฟังคุณหมอท่านนึง พูดถึงเรื่อง ตด ได้น่าสนใจ เลยอยากนำมาตั้งกระทู้ถามครับ ว่า ใน1วันทุกท่านรู้ตัวมั้ยครับว่า ตด กัน วันละกี่ครั้ง หลายคนบอก ว้าย แหวะ พยายามอั้นตด ไว้ ไม่ต้องอั้นหรอกนะครับ แต่ทำในที่เหมาะสม (แต่ถ้าอยู่ในลิฟต์ คนเยอะๆก็ อั้นๆ ไว้ก่อนนะครับ 555) ตดเป็นเรื่องธรรมชาติ ใครไม่ตดสิครับแปลก ส่วนใครตดน้อยไป หรือ ไม่ตดเลย ไม่ดีนะครับบ่งบอกถึงเรื่องปัญหาสุขภาพได้นะครับ
"ลมตด” บอกสุขภาพภายในของลำไส้ได้จริงหรือ ? 
มารู้จักอาหาร 8 ชนิดที่ทำให้คุณผายลม และผายลมบ่อยแค่ไหน กลิ่นเป็นอย่างไร จึงน่ากังวล ?
อาหารชนิดใดที่ทำให้เราตด และชนิดใดบ้างที่ทำให้ตดเรามีกลิ่นเหม็น และคุณควรปรึกษาแพทย์เมื่อใด
1. อาหารที่มีไขมัน
การรับประทานอาหารที่มีไขมันปริมาณมากจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ซึ่งอาจทำให้อาหารหมักหมมในลำไส้ ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นและเน่าเสียได้
เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงนั้นย่อยยาก เพราะอุดมไปด้วยกรดอะมิโนเมไทโอนีน ซึ่งมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ ซึ่งกำมะถันจะถูกแบคทีเรียในลำไส้ย่อยสลายให้กลายเป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า และยังไปเพิ่มกลิ่นแก๊สที่เกิดจากอาหารอื่น ๆ ที่คุณรับประทาน รวมถึงเนื้อสัตว์ด้วย
2. ถั่วชนิดต่าง ๆ
ถั่วชนิดต่าง ๆ และถั่วเลนทิลมีไฟเบอร์สูง แต่ก็มีราฟฟิโนส ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงซ้อนที่ร่างกายของเราย่อยได้ไม่ดีนัก
น้ำตาลเหล่านี้จะเดินทางไปที่ลำไส้ ซึ่งลำไส้จะนำไปใช้เป็นพลังงาน ส่งผลให้เกิดไฮโดรเจน มีเทน และทำให้เกิดแม้กระทั่งกำมะถันที่มีกลิ่นเหม็นภายในลำไส้ได้
3. อาหารจำพวกไข่
นี่อาจจะเป็นข้อมูลที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนเชื่อกันอย่างแพร่หลายว่าอาหารประเภทไข่ไม่ได้ทำให้คนส่วนใหญ่ผายลม
ทว่าในไข่มีเมไทโอนีนซึ่งอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ ดังนั้น หากคุณไม่อยากผายลมที่มีกลิ่นเหม็น ก็อย่ากินไข่ร่วมกับอาหารที่ทำให้เกิดการผายลมประเภทอื่น ๆ เช่น ถั่วหรือเนื้อสัตว์ที่มีไขมัน
อย่างไรก็ตาม หากไข่ทำให้คุณท้องอืดและผายลม คุณอาจแพ้ไข่หรือมีอาการแพ้ก็ได้
4. หัวหอม
หัวหอม อาร์ติโชก กระเทียม และต้นหอม ล้วนมีฟรุคแทน (fructans) ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้เกิดแก๊สในท้องและอาการท้องอืดได้
5. ผลิตภัณฑ์จากนม
ผลิตภัณฑ์นมจากวัวและแพะประกอบด้วยแลคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่อาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร
ยิ่งไปกว่านั้น ประมาณ 65% ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกมีอาการแพ้แลคโตสในระดับหนึ่ง และการรับประทานผลิตภัณฑ์นมอาจทำให้ท้องอืดและมีแก๊สในกระเพาะอาหารได้
6. ข้าวสาลีและธัญพืชไม่ขัดสี
ฟรุคแทนและไฟเบอร์ที่ทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร พบได้ในอาหารประเภทธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ตและผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี ดังนั้น ขนมปัง พาสต้า และธัญพืชไม่ขัดสี สามารถทำให้เกิดอาการท้องอืดได้
นอกจากนี้ ธัญพืชไม่ขัดสีบางชนิด เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ ยังมีกลูเตนอยู่ด้วย
หากคุณแพ้กลูเตน คุณอาจมีอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ หลังจากรับประทานอาหารที่มีสารเหล่านี้อยู่ด้วย
7. บร็อคโคลี กะหล่ำดอก และกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี บร็อคโคลี กะหล่ำดอก ถั่วงอก ผักเคล และผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ มีไฟเบอร์สูงมาก ซึ่งอาจทำให้ร่างกายย่อยกากใยอาหารได้ไม่เต็มที่
แต่แบคทีเรียในลำไส้ของคุณชอบนำไฟเบอร์เหล่านั้นไปใช้สร้างพลังงานให้กับตัวมันเอง ซึ่งผลที่ตามมาจากกระบวนการดังกล่าวคือ ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้
ผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดยังมีกำมะถันอยู่ด้วย และคุณคงทราบดีถึงลักษณะของกลิ่นที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดจากกำมะถัน
8. ผลไม้ชนิดต่าง ๆ
ผลไม้หลายชนิด เช่น แอปเปิล มะม่วง และลูกแพร์ มีน้ำตาลฟรุกโตสตามธรรมชาติสูง นอกจากนี้ แอปเปิลและลูกแพร์บางชนิดยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์อีกด้วย
สำหรับหลายคน ร่างกายอาจจะย่อยฟรุกโตสได้ไม่ดีนัก และอาจมีแก๊สในกระเพาะอาหารจากการกินผลไม้ที่มีรสชาติหวานเหล่านี้เพราะร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลได้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ภาวะแพ้ฟรุกโตสพบได้ไม่บ่อยเท่ากับภาวะแพ้แลคโตส
เราจะสามารถหยุดการผายลมได้หรือไม่ ?
ผลไม้ ผักชนิดต่าง ๆ รวมถึงพืชตระกูลถั่วอาจทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ แต่การรับประทานอาหารเหล่านั้นให้ได้สัดส่วนในแต่ละวันมีความสำคัญมากกว่าการกำจัดลมในทางเดินอาหาร หากคุณไม่ได้รับประทานอาหารที่มีกากใยอยู่แล้ว การเพิ่มปริมาณอาหารที่รับประทานอย่างรวดเร็วเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว คำแนะนำคือ ค่อย ๆ เพิ่มอาหารที่มีกากใยในมื้ออาหารเพื่อป้องกันผลข้างเคียง
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการท้องผูก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดแก๊สในลำไส้มากเกินไป หากอุจจาระตกค้างอยู่ในลำไส้ จะยังคงหมักหมมต่อไป ทำให้เกิดแก๊สส่วนเกินซึ่งอาจมีกลิ่นเหม็นมาก คำแนะนำคือควรพยายามดื่มเครื่องดื่มทุกมื้อและดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน
สำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service - NHS) ในสหราชอาณาจักรแนะนำให้ดื่มชาเปปเปอร์มินต์เพื่อบรรเทาอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
สำหรับเครื่องดื่มอัดลมที่มีแก๊ส หากคุณดื่มมากเกินไป คุณอาจเรอและผายลมมากกว่าปกติ เช่นเดียวกับการเคี้ยวหมากฝรั่งหรือซดซุปหรือซีเรียลด้วยช้อน หากคุณกลืนอากาศเข้าไป ลมที่เข้าไปนั้นจะต้องไปอยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างกาย
ควรกังวลต่อการผายลมหรือไม่
ในกรณีส่วนใหญ่ แก๊สที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหารไม่ใช่สาเหตุที่ต้องกังวล สาเหตุของแก๊สที่ไม่ร้ายแรงหลายอย่างไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือการรักษาใด ๆ
แต่ในบางกรณีหากพบกว่ามีแก๊สในทางเดินอาหารมากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของอาการพื้นฐานที่รุนแรงกว่า ดังนั้น หากคุณรู้สึกกังวลควรปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ การผายลมที่มีกลิ่นเหม็นอาจเป็นผลข้างเคียงของยาบางชนิดได้เช่นกัน
วันนี้คุณตดแล้วหรือยัง ขอให้ตดทุกท่านนะครับ นะครับ เพราะถ้าไม่ตดเลย เสี่ยงและอันตรายครับ
ส่วนถ้าตดมากก็ลองปรับพฤติกรรมดูนะครับ
อย่าลืมดูแลสุขภาพและใส่ใจในเรื่องการตดกันด้วยนะครับ

ใน 1 วัน คุณตด (ผายลม) กันบ่อยมั้ยครับ เราต้องตด แต่ตดน้อยเกินไป หรือไม่ตดเลยไม่ดีนะครับ และอาหาร 8 ชนิดที่ทำให้คุณตด
1. ขออนุญาต ใช้ คำว่า ตด นะครับ ภาษาบ้านๆนะครับ เข้าใจ เข้าถึง ง่ายครับ หากท่านใดคิดว่าไม่สุภาพ ขออภัย (จขกท. ใส่คำว่า ผายลม ไว้ในวงเล็บนะครับ)
2. หากหัวข้อกระทู้ ไป ซ้ำ หรือ คล้ายกับ ของเพื่อนๆสมาชิกท่านใด ต้องขออภัยด้วยนะครับ ไม่ได้มีเจตนา Copy หรือ ลอกกระทู้มาดัดแปลง แล้วตั้ง กระทู้ครับ ส่วนตัวไม่ชอบ และไม่ใช่คนที่ Copy หรือ นำกระทู้ของเพื่อนสมาชิกที่เคยตั้งแล้ว มาดัดแปลงแก้ไข แล้วตั้งกระทู้นะครับ🎀
ช่วงต้นเดือน จขกท.ได้ฟังคุณหมอท่านนึง พูดถึงเรื่อง ตด ได้น่าสนใจ เลยอยากนำมาตั้งกระทู้ถามครับ ว่า ใน1วันทุกท่านรู้ตัวมั้ยครับว่า ตด กัน วันละกี่ครั้ง หลายคนบอก ว้าย แหวะ พยายามอั้นตด ไว้ ไม่ต้องอั้นหรอกนะครับ แต่ทำในที่เหมาะสม (แต่ถ้าอยู่ในลิฟต์ คนเยอะๆก็ อั้นๆ ไว้ก่อนนะครับ 555) ตดเป็นเรื่องธรรมชาติ ใครไม่ตดสิครับแปลก ส่วนใครตดน้อยไป หรือ ไม่ตดเลย ไม่ดีนะครับบ่งบอกถึงเรื่องปัญหาสุขภาพได้นะครับ