เรื่อง:
กำจัดเชื้อในช่องปาก
บทคัดย่อ:
การกำจัดเชื้อในช่องปากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดและผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย วันนี้ ทพญ.สุธาสินี ฉันท์เรืองวณิชย์ งานทันตกรรม มีความรู้มาฝาก
การกำจัดเชื้อในช่องปากเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคที่มีความสำคัญ เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ หากมีการติดเชื้อจากเหงือกและฟันแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เชื้อในช่องปากนั้นลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆได้ และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด หรืออาจทำให้ผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้
ผู้ที่ควรได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปาก คือ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องได้รับยาสลบผ่านท่อช่วยหายใจ สำหรับผู้ป่วยที่ความจำเป็นต้องได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากทุกราย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหัวใจชนิดต่างๆ เช่น ผู้ป่วยที่มีประวัติการติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อบุหัวใจ โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคหัวใจรูห์มาติก ผู้ป่วยก่อนให้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยก่อนการได้รับเคมีบำบัด ผู้ป่วยก่อนได้รับยาสเตียรอยด์ ผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ผู้ป่วยโรค SLE ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังหรือโรคทางโลหิตวิทยา เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือด โรคธาลัสซีเมียที่ต้องได้รับการผ่าตัด รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่มีความสัมพันธ์กับโรคในช่องปาก เช่น โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับรังสีรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ เหล่านี้ล้วนต้องได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากทั้งสิ้น นอกจากนั้นคือ กลุ่มสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ
ในเบื้องต้นทันตแพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับโรคทางระบบของผู้ป่วย กรณีผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทันตแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนรับการรักษาทางทันตกรรม จากนั้นจะทำการตรวจสภาพในช่องปากอย่างละเอียด ถ่ายภาพรังสี ร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เพื่อวินิจฉัยโรคและวางแผนให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และรักษาโรคเหงือกอักเสบเพื่อเตรียมสภาพช่องปากและฟันให้เรียบร้อยก่อนการรักษาโรคที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
หลังจากนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลสุขภาพช่องปากของตนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและแปรงลิ้นทุกครั้งหลังการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดซอกฟันทุกครั้งหลังการแปรงฟัน ส่วนผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและลำคอจะต้องใช้น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ทุกวัน เพื่อป้องกันฟันผุที่อาจเกิดขึ้น
สรุปได้ว่าการรักษาผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว จะประสบผลดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากก่อนเริ่มการรักษาทางการแพทย์ ร่วมกับได้รับคำแนะนำทางด้านทันตสุขศึกษา โดยเน้นให้ผู้ป่วยดูแลตนเอง แปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ และควรได้รับการดูแลใกล้ชิดจากทันตแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ที่สำคัญคือจะเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อรองรับการรักษาอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมา
และตามมาด้วยของศิริราช
การกำจัดเชื้อในช่องปาก
ทพญ.สุธาสินี ฉันท์เรืองวณิชย์
งานทันตกรรม รพ.ศิริราช
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
การกำจัดเชื้อในช่องปากเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคและการรักษาทางการแพทย์ที่มีความสำคัญเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้วและมีความต้านทานโรคต่ำ หากมีการติดเชื้อจากเหงือกและฟันแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เชื้อในช่องปากนั้นลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง หรือกระจายทั่วร่างกาย ดังนั้นผลการรักษาอาจไม่เป็นไปตามคาดหมายและอาจทำให้เกิดความรุนแรงถึงชีวิตได้
ผู้ที่ควรได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปาก ได้แก่กลุ่มสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องได้รับยาสลบผ่านท่อช่วยหายใจ สำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากโดยเฉพาะซึ่งได้แก่
- ผู้ป่วยโรคหัวใจชนิดต่างๆ เช่น ผู้ป่วยที่มีประวัติการติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อบุหัวใจ (Previous bacterial endocarditis)โรคหัวใจแต่กำเนิด (Congenital heart disease) โรคลิ้นหัวใจพิการ (Valvular heart disease)โรคหัวใจรูมาติก(Rheumatic heart disease) โรคลิ้นหัวใจทำหน้าที่ผิดปกติที่เกิดภายหลัง (Aquairedvalvular dysfunction)ผู้ป่วยใส่ลิ้นหัวใจเทียม(Prosthetic heart valves)ผู้ป่วยลิ้นหัวใจไมทรัลหย่อนและรั่ว (Mitral value prolapsed with regurgitation)ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertropic cardiomyopathy)
- ผู้ป่วยก่อนให้ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive drug)
- ผู้ป่วยก่อนการได้รับเคมีบำบัด (Chemotherapy)
- ผู้ป่วยก่อนได้รับยาสเตียรอยด์(Steroid)
- ผู้ป่วยก่อนทำการปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ transplant)
- ผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Neutropenia)
- ผู้ป่วยที่มีไข้สูงโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อตนเอง (SLE)
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง(Chronic kidney disease)
- ผู้ป่วยทางโลหิตวิทยา เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือด(Leukemia)โรคธาลัสซีเมียที่ได้รับการตัดม้าม นอกจากกลุ่มผู้ป่วยที่กล่าวมาแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ป่วยอีกบางโรคที่มีความสัมพันธ์กับโรคในช่องปาก เช่น โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับรังสีรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ
ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวควรได้รับการส่งมาพบทันตแพทย์เพื่อกำจัดเชื้อในช่องปาก โดยผู้ป่วยจะได้รับการซักประวัติโรคทางระบบ(Medical history) กรณีผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทันตแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อการป้องกันก่อนการรักษา จากนั้นทำการตรวจสภาพในช่องปากอย่างละเอียดร่วมกับการถ่ายภาพรังสี และการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ทันตแพทย์จะให้การวินิจฉัยโรค วางแผนการรักษา และกำหนดจำนวนครั้งที่จะให้การรักษา ซึ่งตามปกติจะรักษาโรคเหงือกอักเสบ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟันฯลฯ ตลอดจนมีการให้ทันตสุขศึกษาโดยเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก เริ่มจากการสอนการดูแลสุขภาพช่องปากโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือเช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงที่มีขนอ่อนนุ่ม หรือแปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและแปรงลิ้นทุกครั้งหลังการแปรงฟัน รวมทั้งการใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดซอกฟันหลังแปรงฟันทุกครั้ง และอธิบายผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของโรคแต่ละระบบ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและลำคอ จะได้รับคำแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากและฟลูออไรด์เป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันฟันผุ หลังจากนั้นจะมีการนัดผู้ป่วยกลับมาตรวจสภาพช่องปากเป็นระยะๆ เนื่องจากการมีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือหินน้ำลาย จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดตามมาได้การส่งผู้ป่วยมาพบทันตแพทย์เพื่อกำจัดเชื้อในช่องปากนั้น จำเป็นต้องอาศัยการดูแลอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง เพื่อเตรียมสภาพช่องปากและฟันให้เรียบร้อยก่อนสำหรับการรับรังสีรักษา เป็นต้น
สรุปได้ว่าการรักษาผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหลายๆโรคจะประสบผลดีไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยควรได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากก่อนเริ่มการรักษาทางการแพทย์ ร่วมกับได้รับคำแนะนำทางด้านทันตสุขศึกษา โดยเน้นให้ผู้ป่วยดูแลตนเองแปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ตลอดจนได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากกรณีมีฟันผุ หินน้ำลาย หรือปัญหาทางช่องปากอื่นๆ และควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทันตแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีอยู่เสมอ
ใครรู้จักการดูแลช่องปาก ชาวสมาชิกพันทิป เคยเป็น?หรือไม่เคยเป็นมาก่อน ?
รายการ พบหมอศิริราช ตอน กำจัดเชื้อในช่องปาก
เรื่อง:
กำจัดเชื้อในช่องปาก
บทคัดย่อ:
การกำจัดเชื้อในช่องปากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดและผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย วันนี้ ทพญ.สุธาสินี ฉันท์เรืองวณิชย์ งานทันตกรรม มีความรู้มาฝาก
การกำจัดเชื้อในช่องปากเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคที่มีความสำคัญ เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ หากมีการติดเชื้อจากเหงือกและฟันแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เชื้อในช่องปากนั้นลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆได้ และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด หรืออาจทำให้ผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้
ผู้ที่ควรได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปาก คือ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องได้รับยาสลบผ่านท่อช่วยหายใจ สำหรับผู้ป่วยที่ความจำเป็นต้องได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากทุกราย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหัวใจชนิดต่างๆ เช่น ผู้ป่วยที่มีประวัติการติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อบุหัวใจ โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคหัวใจรูห์มาติก ผู้ป่วยก่อนให้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยก่อนการได้รับเคมีบำบัด ผู้ป่วยก่อนได้รับยาสเตียรอยด์ ผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ผู้ป่วยโรค SLE ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังหรือโรคทางโลหิตวิทยา เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือด โรคธาลัสซีเมียที่ต้องได้รับการผ่าตัด รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่มีความสัมพันธ์กับโรคในช่องปาก เช่น โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับรังสีรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ เหล่านี้ล้วนต้องได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากทั้งสิ้น นอกจากนั้นคือ กลุ่มสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ
ในเบื้องต้นทันตแพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับโรคทางระบบของผู้ป่วย กรณีผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทันตแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนรับการรักษาทางทันตกรรม จากนั้นจะทำการตรวจสภาพในช่องปากอย่างละเอียด ถ่ายภาพรังสี ร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เพื่อวินิจฉัยโรคและวางแผนให้การรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และรักษาโรคเหงือกอักเสบเพื่อเตรียมสภาพช่องปากและฟันให้เรียบร้อยก่อนการรักษาโรคที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
หลังจากนั้นผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลสุขภาพช่องปากของตนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและแปรงลิ้นทุกครั้งหลังการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดซอกฟันทุกครั้งหลังการแปรงฟัน ส่วนผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและลำคอจะต้องใช้น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ทุกวัน เพื่อป้องกันฟันผุที่อาจเกิดขึ้น
สรุปได้ว่าการรักษาผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว จะประสบผลดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากก่อนเริ่มการรักษาทางการแพทย์ ร่วมกับได้รับคำแนะนำทางด้านทันตสุขศึกษา โดยเน้นให้ผู้ป่วยดูแลตนเอง แปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ และควรได้รับการดูแลใกล้ชิดจากทันตแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี ที่สำคัญคือจะเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อรองรับการรักษาอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมา
และตามมาด้วยของศิริราช
การกำจัดเชื้อในช่องปาก
ทพญ.สุธาสินี ฉันท์เรืองวณิชย์
งานทันตกรรม รพ.ศิริราช
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
การกำจัดเชื้อในช่องปากเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคและการรักษาทางการแพทย์ที่มีความสำคัญเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้วและมีความต้านทานโรคต่ำ หากมีการติดเชื้อจากเหงือกและฟันแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เชื้อในช่องปากนั้นลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง หรือกระจายทั่วร่างกาย ดังนั้นผลการรักษาอาจไม่เป็นไปตามคาดหมายและอาจทำให้เกิดความรุนแรงถึงชีวิตได้
ผู้ที่ควรได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปาก ได้แก่กลุ่มสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องได้รับยาสลบผ่านท่อช่วยหายใจ สำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากโดยเฉพาะซึ่งได้แก่
- ผู้ป่วยโรคหัวใจชนิดต่างๆ เช่น ผู้ป่วยที่มีประวัติการติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อบุหัวใจ (Previous bacterial endocarditis)โรคหัวใจแต่กำเนิด (Congenital heart disease) โรคลิ้นหัวใจพิการ (Valvular heart disease)โรคหัวใจรูมาติก(Rheumatic heart disease) โรคลิ้นหัวใจทำหน้าที่ผิดปกติที่เกิดภายหลัง (Aquairedvalvular dysfunction)ผู้ป่วยใส่ลิ้นหัวใจเทียม(Prosthetic heart valves)ผู้ป่วยลิ้นหัวใจไมทรัลหย่อนและรั่ว (Mitral value prolapsed with regurgitation)ผู้ป่วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertropic cardiomyopathy)
- ผู้ป่วยก่อนให้ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive drug)
- ผู้ป่วยก่อนการได้รับเคมีบำบัด (Chemotherapy)
- ผู้ป่วยก่อนได้รับยาสเตียรอยด์(Steroid)
- ผู้ป่วยก่อนทำการปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ transplant)
- ผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Neutropenia)
- ผู้ป่วยที่มีไข้สูงโดยหาสาเหตุไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อตนเอง (SLE)
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง(Chronic kidney disease)
- ผู้ป่วยทางโลหิตวิทยา เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือด(Leukemia)โรคธาลัสซีเมียที่ได้รับการตัดม้าม นอกจากกลุ่มผู้ป่วยที่กล่าวมาแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ป่วยอีกบางโรคที่มีความสัมพันธ์กับโรคในช่องปาก เช่น โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับรังสีรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ
ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวควรได้รับการส่งมาพบทันตแพทย์เพื่อกำจัดเชื้อในช่องปาก โดยผู้ป่วยจะได้รับการซักประวัติโรคทางระบบ(Medical history) กรณีผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทันตแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อการป้องกันก่อนการรักษา จากนั้นทำการตรวจสภาพในช่องปากอย่างละเอียดร่วมกับการถ่ายภาพรังสี และการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ทันตแพทย์จะให้การวินิจฉัยโรค วางแผนการรักษา และกำหนดจำนวนครั้งที่จะให้การรักษา ซึ่งตามปกติจะรักษาโรคเหงือกอักเสบ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟันฯลฯ ตลอดจนมีการให้ทันตสุขศึกษาโดยเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก เริ่มจากการสอนการดูแลสุขภาพช่องปากโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือเช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงที่มีขนอ่อนนุ่ม หรือแปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและแปรงลิ้นทุกครั้งหลังการแปรงฟัน รวมทั้งการใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดซอกฟันหลังแปรงฟันทุกครั้ง และอธิบายผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของโรคแต่ละระบบ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและลำคอ จะได้รับคำแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากและฟลูออไรด์เป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันฟันผุ หลังจากนั้นจะมีการนัดผู้ป่วยกลับมาตรวจสภาพช่องปากเป็นระยะๆ เนื่องจากการมีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือหินน้ำลาย จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดตามมาได้การส่งผู้ป่วยมาพบทันตแพทย์เพื่อกำจัดเชื้อในช่องปากนั้น จำเป็นต้องอาศัยการดูแลอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง เพื่อเตรียมสภาพช่องปากและฟันให้เรียบร้อยก่อนสำหรับการรับรังสีรักษา เป็นต้น
สรุปได้ว่าการรักษาผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหลายๆโรคจะประสบผลดีไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยควรได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากก่อนเริ่มการรักษาทางการแพทย์ ร่วมกับได้รับคำแนะนำทางด้านทันตสุขศึกษา โดยเน้นให้ผู้ป่วยดูแลตนเองแปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ตลอดจนได้รับการกำจัดเชื้อในช่องปากกรณีมีฟันผุ หินน้ำลาย หรือปัญหาทางช่องปากอื่นๆ และควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทันตแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีอยู่เสมอ
ใครรู้จักการดูแลช่องปาก ชาวสมาชิกพันทิป เคยเป็น?หรือไม่เคยเป็นมาก่อน ?