แอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แต่การบริโภคเป็นประจำในปริมาณที่มากเกินไปคือภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพอย่างช้าๆ องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่โรคเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิตมากมาย เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เป็นสารพิษที่ทำลายได้แทบทุกระบบในร่างกาย
ผลกระทบจากการดื่มมีตั้งแต่ความเสียหายต่อตับซึ่งนำไปสู่โรคไขมันพอกตับ ตับอักเสบ จนถึงตับแข็งและมะเร็งตับ ระบบหัวใจและหลอดเลือดก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม และโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ยังทำลายเซลล์สมองจนเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคทางประสาทอื่นๆ โรคภัยเหล่านี้มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่จะค่อยๆ สะสมความเสียหายจนยากเกินแก้ไข การตระหนักถึงพิษภัยและลด ละ เลิกการดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคร้ายแรงเหล่านี้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำและในปริมาณมากสามารถทำลายอวัยวะสำคัญทั่วร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด โดยโรคที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีดังนี้
โรคเกี่ยวกับตับ
1. โรคไขมันพอกตับ (Alcoholic Fatty Liver Disease)
เป็นระยะเริ่มต้นของโรคตับที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีการสะสมของไขมันในเซลล์ตับมากผิดปกติ มักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนและสามารถกลับมาเป็นปกติได้หากหยุดดื่มแอลกอฮอล์ทันที แต่หากยังคงดื่มต่อไป ภาวะนี้จะนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและโรคตับที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
2. โรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic Hepatitis)
เป็นภาวะตับอักเสบที่รุนแรงเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เกิดจากการดื่มหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์ตับถูกทำลายและเกิดการอักเสบอย่างชัดเจน ผู้ป่วยอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา และในรายที่รุนแรงมากอาจถึงแก่ชีวิตได้
3. โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
เป็นภาวะที่เนื้อตับปกติถูกทำลายอย่างถาวรและถูกแทนที่ด้วยพังผืดจำนวนมาก ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ พังผืดเหล่านี้จะขัดขวางการไหลเวียนของเลือดในตับ ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ท้องมาน เลือดออกในทางเดินอาหาร และภาวะตับวาย
4. มะเร็งตับ (Liver Cancer)
ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งตับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นโรคตับแข็งร่วมด้วย เซลล์มะเร็งจะแบ่งตัวและทำลายเนื้อตับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโรคที่มีความรุนแรงและมักตรวจพบในระยะลุกลามแล้ว
โรคหัวใจและหลอดเลือด
5. โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ความดันที่สูงเกินปกติเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง ซึ่งมักไม่มีอาการแสดงในระยะแรกแต่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อหลอดเลือดทั่วร่างกายได้
6. โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม (Cardiomyopathy)
เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ ยืดขยายออก และทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลง นำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว อาการที่พบได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจถี่ และเท้าบวม
7. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
เป็นภาวะที่หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) อาจรู้สึกใจสั่น หน้ามืด หรือแน่นหน้าอก ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงอย่างมากในการเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันที่สมองและเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองตามมา
8. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหลอดเลือดสมองมีสองชนิด ได้แก่ หลอดเลือดสมองแตก และหลอดเลือดสมองอุดตัน เมื่อเกิดโรคจะทำให้สมองขาดเลือดเฉียบพลัน ส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้
โรคทางสมองและระบบประสาท
9. ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรังทำลายเซลล์สมองและขัดขวางการทำงานของสารสื่อประสาท ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจลดลงอย่างเห็นได้ชัด บางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะสมองฝ่อหรือโรคสมองขาดวิตามินบี 1 (Wernicke-Korsakoff syndrome) ซึ่งรุนแรงมาก
10. โรคทางประสาท (Neuropathy and Mental Illness)
แอลกอฮอล์เป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการทางกาย เช่น ปลายมือปลายเท้าชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมถึงอาการทางจิตเวชที่รุนแรง เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวลรุนแรง ประสาทหลอน หรืออาการชักเมื่อหยุดดื่มกะทันหัน
11. โรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism/Alcohol Use Disorder)
เป็นภาวะการติดสุราที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมปริมาณการดื่มได้ แม้จะทราบถึงผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ทางสังคมแล้วก็ตาม เป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับไปดื่มซ้ำ
โรคระบบทางเดินอาหาร
12. โรคกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะอาหาร (Gastritis and Peptic Ulcers)
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ระคายเคืองและทำลายเยื่อบุทางเดินอาหารโดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และอาจเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้มีอาการปวดท้อง แสบท้อง คลื่นไส้ หรืออาเจียนเป็นเลือดได้หากแผลรุนแรง
13. โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับอ่อนอักเสบ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่องท้องส่วนบนที่อาจปวดร้าวไปด้านหลัง หากเป็นเรื้อรังจะทำลายความสามารถในการสร้างเอนไซม์ย่อยอาหารและอินซูลิน ทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและโรคเบาหวานตามมา
14. โรคมะเร็ง (Cancer)
การดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหารส่วนบน ได้แก่ ช่องปาก คอหอย กล่องเสียง หลอดอาหาร และยังเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมในผู้หญิง
ปัญหาสุขภาพจิตและผลกระทบต่อระบบอื่นๆ
15. โรคซึมเศร้าและวิตกกังวล (Depression and Anxiety Disorders)
แอลกอฮอล์เป็นสารกดประสาทที่ส่งผลกระทบต่อสารเคมีในสมอง แม้หลายคนจะใช้เพื่อคลายเครียดในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับทำให้อาการของโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลแย่ลงอย่างมาก และเพิ่มความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย
16. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (Weakened Immune System)
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะไปรบกวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ร่างกายจึงมีความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ลดลง ส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น โรคปอดบวม ไข้หวัดใหญ่ หรือวัณโรค และหายช้ากว่าคนทั่วไป
ผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อทารกในครรภ์
การดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถซึมผ่านรกเข้าสู่กระแสเลือดของทารกได้โดยตรง อาจทำให้ทารกเกิดกลุ่มอาการผิดปกติที่เรียกว่า กลุ่มอาการของทารกในครรภ์ที่ได้รับแอลกอฮอล์ (Fetal Alcohol Spectrum Disorders - FASDs) ซึ่งส่งผลให้เกิดความพิการแต่กำเนิดหลายประการ ได้แก่ ความผิดปกติของใบหน้า ศีรษะเล็ก พัฒนาการทางสมองช้า มีปัญหาด้านสติปัญญา พฤติกรรม และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : WHO, Wikipedia, Gemini
ความรู้รอบตัว - EP7 : 16 โรคร้ายที่มากับเหล้าเบียร์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ผลกระทบจากการดื่มมีตั้งแต่ความเสียหายต่อตับซึ่งนำไปสู่โรคไขมันพอกตับ ตับอักเสบ จนถึงตับแข็งและมะเร็งตับ ระบบหัวใจและหลอดเลือดก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม และโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ยังทำลายเซลล์สมองจนเกิดภาวะสมองเสื่อมและโรคทางประสาทอื่นๆ โรคภัยเหล่านี้มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่จะค่อยๆ สะสมความเสียหายจนยากเกินแก้ไข การตระหนักถึงพิษภัยและลด ละ เลิกการดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคร้ายแรงเหล่านี้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำและในปริมาณมากสามารถทำลายอวัยวะสำคัญทั่วร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด โดยโรคที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีดังนี้
โรคเกี่ยวกับตับ
1. โรคไขมันพอกตับ (Alcoholic Fatty Liver Disease)
เป็นระยะเริ่มต้นของโรคตับที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีการสะสมของไขมันในเซลล์ตับมากผิดปกติ มักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนและสามารถกลับมาเป็นปกติได้หากหยุดดื่มแอลกอฮอล์ทันที แต่หากยังคงดื่มต่อไป ภาวะนี้จะนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและโรคตับที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
2. โรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic Hepatitis)
เป็นภาวะตับอักเสบที่รุนแรงเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เกิดจากการดื่มหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์ตับถูกทำลายและเกิดการอักเสบอย่างชัดเจน ผู้ป่วยอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา และในรายที่รุนแรงมากอาจถึงแก่ชีวิตได้
3. โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
เป็นภาวะที่เนื้อตับปกติถูกทำลายอย่างถาวรและถูกแทนที่ด้วยพังผืดจำนวนมาก ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ พังผืดเหล่านี้จะขัดขวางการไหลเวียนของเลือดในตับ ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ท้องมาน เลือดออกในทางเดินอาหาร และภาวะตับวาย
4. มะเร็งตับ (Liver Cancer)
ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งตับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นโรคตับแข็งร่วมด้วย เซลล์มะเร็งจะแบ่งตัวและทำลายเนื้อตับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโรคที่มีความรุนแรงและมักตรวจพบในระยะลุกลามแล้ว
โรคหัวใจและหลอดเลือด
5. โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ความดันที่สูงเกินปกติเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง ซึ่งมักไม่มีอาการแสดงในระยะแรกแต่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อหลอดเลือดทั่วร่างกายได้
6. โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม (Cardiomyopathy)
เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ ยืดขยายออก และทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลง นำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว อาการที่พบได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจถี่ และเท้าบวม
7. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
เป็นภาวะที่หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) อาจรู้สึกใจสั่น หน้ามืด หรือแน่นหน้าอก ภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงอย่างมากในการเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันที่สมองและเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองตามมา
8. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหลอดเลือดสมองมีสองชนิด ได้แก่ หลอดเลือดสมองแตก และหลอดเลือดสมองอุดตัน เมื่อเกิดโรคจะทำให้สมองขาดเลือดเฉียบพลัน ส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้
โรคทางสมองและระบบประสาท
9. ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรังทำลายเซลล์สมองและขัดขวางการทำงานของสารสื่อประสาท ทำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจลดลงอย่างเห็นได้ชัด บางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะสมองฝ่อหรือโรคสมองขาดวิตามินบี 1 (Wernicke-Korsakoff syndrome) ซึ่งรุนแรงมาก
10. โรคทางประสาท (Neuropathy and Mental Illness)
แอลกอฮอล์เป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการทางกาย เช่น ปลายมือปลายเท้าชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมถึงอาการทางจิตเวชที่รุนแรง เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวลรุนแรง ประสาทหลอน หรืออาการชักเมื่อหยุดดื่มกะทันหัน
11. โรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism/Alcohol Use Disorder)
เป็นภาวะการติดสุราที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมปริมาณการดื่มได้ แม้จะทราบถึงผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ทางสังคมแล้วก็ตาม เป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับไปดื่มซ้ำ
โรคระบบทางเดินอาหาร
12. โรคกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะอาหาร (Gastritis and Peptic Ulcers)
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ระคายเคืองและทำลายเยื่อบุทางเดินอาหารโดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และอาจเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้มีอาการปวดท้อง แสบท้อง คลื่นไส้ หรืออาเจียนเป็นเลือดได้หากแผลรุนแรง
13. โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับอ่อนอักเสบ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่องท้องส่วนบนที่อาจปวดร้าวไปด้านหลัง หากเป็นเรื้อรังจะทำลายความสามารถในการสร้างเอนไซม์ย่อยอาหารและอินซูลิน ทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและโรคเบาหวานตามมา
14. โรคมะเร็ง (Cancer)
การดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะมะเร็งในระบบทางเดินอาหารส่วนบน ได้แก่ ช่องปาก คอหอย กล่องเสียง หลอดอาหาร และยังเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมในผู้หญิง
ปัญหาสุขภาพจิตและผลกระทบต่อระบบอื่นๆ
15. โรคซึมเศร้าและวิตกกังวล (Depression and Anxiety Disorders)
แอลกอฮอล์เป็นสารกดประสาทที่ส่งผลกระทบต่อสารเคมีในสมอง แม้หลายคนจะใช้เพื่อคลายเครียดในระยะสั้น แต่ในระยะยาวกลับทำให้อาการของโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลแย่ลงอย่างมาก และเพิ่มความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย
16. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (Weakened Immune System)
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจะไปรบกวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ร่างกายจึงมีความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ลดลง ส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น โรคปอดบวม ไข้หวัดใหญ่ หรือวัณโรค และหายช้ากว่าคนทั่วไป
ผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อทารกในครรภ์
การดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถซึมผ่านรกเข้าสู่กระแสเลือดของทารกได้โดยตรง อาจทำให้ทารกเกิดกลุ่มอาการผิดปกติที่เรียกว่า กลุ่มอาการของทารกในครรภ์ที่ได้รับแอลกอฮอล์ (Fetal Alcohol Spectrum Disorders - FASDs) ซึ่งส่งผลให้เกิดความพิการแต่กำเนิดหลายประการ ได้แก่ ความผิดปกติของใบหน้า ศีรษะเล็ก พัฒนาการทางสมองช้า มีปัญหาด้านสติปัญญา พฤติกรรม และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา : WHO, Wikipedia, Gemini