JJNY : ติดเชื้อ18,363 ดับนิวไฮ35│ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม│เผ่าภูมิชี้มาตรการรถEVตบมือข้างเดียว│รัสเซียส่งทหารเข้ายูเครนตอ.

โควิดยังดุ! ยอดติดเชื้อ 18,363 ราย ดับนิวไฮ 35 ราย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3195770
 
 
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวนรวม 18,363 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 18,236 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 127 ราย ผู้ป่วยสะสม 526,126 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
หายป่วยกลับบ้าน 15,651 ราย หายป่วยสะสม 389,302 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 169,074 ราย และเสียชีวิต 35 ราย
 

  
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น
https://www.prachachat.net/economy/news-870285
 
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น
ปัจจัยบวก ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย- ยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นหลังมีรายงานว่าทหารรัสเซียได้ยิงกลุ่มผู้ก่อวินาศกรรมที่ลุกล้ำพรมแดน ก่อนหน้านั้น สำนักงานความมั่นคงกลางของรัสเซียกล่าวว่า ถูกปืนใหญ่ยิงโจมตีสถานอำนวยความสะดวกชายแดนของตนที่รอสต๊อก ในขณะเดียวกัน ปูตินได้ประกาศให้การรับรองเอกราช 2 แคว้นแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน
  
ปัจจัยบวก ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัว เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ ยังคงประสบปัญหาในการเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ตามเป้า ในขณะเดียวกันรัฐมนตรีจากกลุ่มประเทศอาหรับกล่าวว่า OPEC+  ควรยึดตามแผนข้อตกลงเดิมในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยปฏิเสธการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามคำเรียกร้อง
 
ปัจจัยบวก/ลบ มีความเป็นไปได้ที่อุปทานจากอิหร่านจะกลับสู่ตลาดมากกว่าหนึ่งล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดน้ำมันดิบยังคงตึงตัว แต่ราคายังคงมีความผันผวนในระยะสั้นเนื่องจากอุปทานของอิหร่านยังคงมีความไม่แน่นอน

ราคาน้ำมันเบนซิน
 
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากอินเดีย อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในออสเตรเลียและญี่ปุ่น เนื่องจากการคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
ราคาน้ำมันดีเซล
  
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนจะเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ในเวียดนามที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
  

 
เผ่าภูมิชี้มาตรการรถEVตบมือข้างเดียว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_295144/

เผ่าภูมิ เพื่อไทย ชี้มาตรการรถ EV ตบมือข้างเดียว จูงใจผู้ซื้อ ไม่จูงใจผู้ผลิต จุดจบไทยเป็นผู้นำเข้า แต่ไม่ใช่ฐานผลิต
 
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ว่า อุตสากรรมการผลิต EV ไทยอยู่ในภาวะหยั่งเชิงกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
 
“ผู้ซื้อรอผู้ขาย”: คนซื้อไม่ยอมซื้อ เพราะผู้ผลิตไม่เริ่มลงทุน ทำให้โครงสร้างพื้นฐาน EV ไม่พร้อม สถานีชาร์จไม่ครอบคลุม ใช้งานยังไม่สะดวก Economies of scale ไม่เกิด ราคาจึงยังสูง
 
“ผู้ขายรอผู้ซื้อ”: ผู้ขายไม่กล้าเริ่มลงทุน จนกว่าจะมีผู้ซื้อจำนวนมากพอ คุ้มทุนที่จะลงทุน รวมถึงรอทิศทาง EV จากภาครัฐ
 
ภาวะหยั่งเชิงแบบนี้ ทำให้การเดินสู่ศูนย์กลางการผลิต EV ของไทยจึงวนอยู่ในอ่าง ช้ากว่าคู่แข่งมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้อง Kick-Start และต้องผลักทั้งผู้ซื้อผู้ขายให้เลิกรอกันไปกันมา “การกระตุ้นผู้ซื้อให้ซื้อและผู้ผลิตให้ลงทุน ต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน” แต่มาตรการสนับสนุน EV ของรัฐบาลที่ออกมานั้น เป็นการ “ตบมือข้างเดียว” มีแต่ด้าน “จูงใจผู้ซื้อ” แต่ขาดมาตรการ “จูงใจผู้ผลิต” ให้เริ่มลงทุน
 
หากรัฐบาลยังทำมาตรการด้านผู้ซื้อด้านเดียวแบบนี้ ในที่สุดไทยจะกลายเป็น “ผู้นำเข้า EV แต่ไม่ใช่ฐานการผลิต EV” ซึ่งแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (ซึ่งใหญ่มาก) จะหายไป ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
 
ตำแหน่งงานทั้งหมด จะหายไป รัฐบาลจึงต้องออกแรงขนาดใหญ่และหนัก และต้องทำแบบครบวงจร ทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ผลิตพร้อมกัน เรื่องนี้ช้าแล้วอดเลย หากฐานการผลิตไปตั้งที่อื่นแล้ว ยากมากที่จะกลับมา และห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดจะถูกย้ายตามไปด้วย ฉะนั้นเรื่องนี้ Do or Die หรือ ไม่ชนะก็แพ้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่