หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิวร้าน "วิเสทสรร" บ้านไม้โบราณอายุกว่า 70 ปี เสิร์ฟเมนูตำรับไทยรสจัดจ้าน ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 32
กระทู้รีวิว
อาหารไทย
อาหารพื้นบ้าน
ร้านอาหาร
อาหารคาว
ร้านอาหารย่านสุขุมวิท
ภายในซอยสุขุมวิท 32 จะมีบ้านหลังสีขาวโบราณขนาดใหญ่ 2 ชั้นอายุมากกว่า 70 ปีพื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้สูงปกคลุมให้ความร่มรื่นดูสวยงามสะดุดตา ร้านนี้ มีชื่อว่า "วิเสทสรร" เป็นร้านอาหารไทยโบราณสูตรต้นตำรับที่ตกทอดสืบต่อกันมาคงรสชาติเอาไว้ดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแม้กาลเวลาจะผ่านไป โดยชื่อเรียกของทางร้านมีความหมายแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือ 1.วิเสทแปลว่า "ผู้ทำกับข้าวในวังหลวง" และ 2.สรรที่แปลว่า "คัดเลือก-คัดสรร" หรือมีอีกความหมายโดยนัยว่า "สร้างสรรค์" ป้ายชื่อร้านใช้เป็นพื้นหลังสีแดงสดถูกเขียนด้วยตัวอักษรลายมือสีทองดูวิจิตรช่วยบ่งบอกถึงความเป็นไทยแท้ได้เป็นอย่างดี วิธีการเดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ให้ปักหมุดมาตามแผนที่บนมือถือภายในรั้วมีลานจอดรถขนาดใหญ่กว้างขวาง ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ใช้ BTS ลงสถานีทองหล่อแล้วออกกำลังกายอีกหน่อยโดยตั้งต้นจากปากซอยสุขุมวิท 36 เดินมาเรื่อยๆประมาณ 300 เมตร ก็จะมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว สถานที่ตั้งร้านถือว่าโดดเด่นและหาง่ายๆมากรับรองว่าไม่หลงทางอย่างแน่นอนครับ
บ้านหลังเก่าอายุมากกว่า 70 ปี ถูกทำให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้สีขาวทั้งหลังทำให้ดูสะอาดและสบายตา ภายในตกแต่งตามมุมต่างๆให้น่าถ่ายรูปเพื่อเก็บความประทับใจ เริ่มจากเรือนไม้สีขาวขนาดจิ๋วหลังคากระจกใสที่ให้แสงแดดผ่านเข้ามาดูละมุนชวนฝันมากยิ่งขึ้น ส่วนด้านหน้ามีโอ่งน้ำพุเล็กๆเรียงกันเป็นแนวยาวก่อนถึงทางเข้าประตูบ้านหลักกับฉากสีแดงสดประกบด้วยลายกราฟฟิกรูปดอกไม้สีทองดูสวยแปลกตานอกจากนี้ยังมีต้นไม้สูงใหญ่อายุรวมกันกว่าหลายสิบปีล้อมรอบเต็มทั้งพื้นที่ ให้อารมณ์ราวกับได้มาเที่ยวในบ้านสวนใจกลางธรรมชาติทั้งที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิทใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครสุดวุ่นวาย ช่วงที่เรามาถึงแดดค่อนข้างจะร้อนเข้าไปรับแอร์เย็นๆข้างในกันครับ
ภายในร้านบริเวณชั้น 1 ถูกทาด้วยสีขาวดูสวยงามสะอาดตาแบบเดียวกับด้านนอกบ้านพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ที่ช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้ลอดเข้ามาเพิ่มความสว่างสดใสให้ความอบอุ่นดูเป็นร้านอาหารแนวครอบครัวด้วยการใช้หลอดไฟโทนสีส้ม ส่วนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเกือบทุกชิ้นได้สั่งทำขึ้นพิเศษจากไม้สักทองทาด้วยน้ำยาเคลือบเงาสีเข้มดีไซน์ย้อนยุคตามแบบที่ทางร้านตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกโครงสร้างจึงแข็งแรงมั่นคงและทนทานเป็นพิเศษ สิ่งที่ชอบมากสุดก็คือเก้าอี้ไม้สักทองถูกออกแบบเบาะเป็นทรงกลมถูกบุด้วยนวมนุ่มทุกตัวช่วยให้นั่งสบายยาวนานยิ่งขึ้น ส่วนบรรยากาศข้างบนชั้น 2 จะมีการตกแต่งที่สวยงามอย่างอย่างไรนั้นเราเดินขึ้นไปชมบรรยากาศพร้อมกันครับผม
ยังไม่ทันเดินขึ้นบันไดเหยียบถึงบริเวณชั้น 2 สิ่งที่ชวนสะดุดตาให้ถ่ายรูปก่อนก็คือซุ้มประตูทรงโค้งขนาดใหญ่ที่ด้านหลังถูกทำให้เป็นห้องส่วนตัวขนาดเล็กรองรับลูกค้าได้ถึง 10 ถึง 12 คน ผนังบางส่วนถูกทาด้วยสีแดงสดสลับสีขาวแบบเดียวกับป้ายชื่อหน้าร้านพร้อมตัวอักษรสีทองสไตล์ไทยสุดวิจิตรเขียนว่า "วิเสทสรร" ตกแต่งด้วยโคมไฟโบราณห้อยตามจุดต่างๆเพิ่มความหรูหราลงตัวยิ่งขึ้น เลือกโต๊ะที่จะนั่งให้เรียบร้อยแล้วมาเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
เล่มเมนูของที่ร้านยังใช้โทนสีขาว-สีแดงผสมครีมแบบเดียวกับผนังภายในของบ้านโบราณแห่งนี้ หมวดแรกของเมนูเป็นของว่างสไตล์ไทยโบราณราคาเริ่มต้นที่ 250-650 บาท กุ้งเผา-กุ้งทอดซอสมะขามที่เป็น Signature ของทางร้านมีให้เลือกสั่งตั้งแต่ไซส์ 3 ตัว 1 กิโลกรัมไปจนถึงขนาด 6 ขีดราคาเริ่มต้นที่ 579-1,199 บาทต่อตัว เมนูยำมีให้สั่ง 3 รายการราคาเริ่มต้นที่ 220-250 บาท เมนูประเภทแกงก็มีให้เลือกหลากหลายราคาเริ่มต้นที่ถ้วยละ 200 ไปจนถึง 450 บาท เมนูหมวดน้ำพริกเสิร์ฟพร้อมผักชุดใหญ่มีให้เลือก 4 เมนูราคารายการละ 280 บาท เมนูปลามีทั้งทอด/ผัด/นึ่งเริ่มต้นที่ตัวละ 550-750 บาท เมนูประเภทผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 200-280 บาท แกงจืดสำหรับสั่งมาซดร้อนๆแก้เผ็ดราคาเริ่มต้นที่ถ้วยละ 200-220 บาท เมนูปูดำหรือปูป่าชายเลนเอามาผัดซอสต่างๆกับอบวุ้นเส้นราคาขีดละ 280 บาท ส่วนใครขี้เกียจกระเทาะเปลือกปูก็มีเป็นเนื้อล้วนๆให้สั่ง ราคาขีดละ 450 บาท ข้าวสวย-ข้าวผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่จานละ 30 ไปจนถึงจานเปลใหญ่ 380 บาท ขนมหวานก็มีให้สั่ง 4 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 95 ไปจนถึงผลไม้ชุดใหญ่ราคา 250 บาท โดยราคาอาหารที่เห็นในเล่มยังไม่รวม Service Charge 10% ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างสมเหตุผลกับสถานที่ตั้งร้าน แต่จะได้ปริมาณกับรสชาติที่ดีขนาดไหนเดี๋ยวเรามาพิสูจน์ไปพร้อมกันเลยครับ
จานแรกเป็นเมนู Signature ของทางร้านนั่นก็คือ "กุ้งซอสมะขามไซส์ 3 ตัวโล" ราคาตัวละ 579 บาท เป็นกุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่น้ำหนักประมาณ 300 กว่ากรัม เอามาผ่าครึ่งเฉพาะกลางลำตัวยกเว้นส่วนหัวลงทอดในน้ำมันจนเนื้อสุกแน่นกระชับเคี้ยวสู้ฟัน ราดด้วยซอสรสหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นมะขามเปียกเพิ่มสัมผัสความกรุบกรอบด้วยหอมเจียวและเผ็ดร้อนพริกแห้งทอดกรอบเข้ากันได้เป็นอย่างดีอีกทั้งมันในหัวยังสามารถเอามาคลุกกับข้าวสวยผสมซอสมะขามได้อีกเป็นจานๆ อร่อยสมกับที่ทางร้านแนะนำให้สั่งเลยครับ ชามต่อไปเป็นเมนูแกงสั่งมาทานกับข้าวสวยก็คือ "หมูรัญจวนกวนใจ" ราคา 200 บาท เป็นน้ำพริกกะปิใส่มะเขือเปราะเอามาแกงใส่พริกขี้หนูเม็ดโดดกับสันคอหมูปิดท้ายด้วยใบโหระพาสดรสชาติเปรี้ยว-เค็มหอมกลิ่นกะปิผสมมะนาวสดซดร้อนๆสดชื่นมาก ข้อควรระวังของชามนี้ก็คือเผ็ดมาก/เปลืองข้าวสวยแต่อร่อยสุดๆเป็นแกงรัญจวนหมูใส่มะเขือเปราะลงไปด้วยร้านแรกที่เคยทานมาเลยครับ
เมนูต่อไปเป็นแกงกะทิ Signature ที่เห็นรีวิวก่อนหน้านี้เขาสั่งกันก็คือ "แกงคั่วใบชะพลูเนื้อปูก้อนยักษ์" ราคา 450 บาท ดูรูปในเล่มเมนูเหมือนให้มานิดเดียวแต่ของจริงเป็นกรรเชียงชิ้นใหญ่ใส่มา 7-8 ก้อนเนื้อหวานแน่น ส่วนน้ำแกงรสชาติเค็มเผ็ดหอมกลิ่นพริกแกงคั่วและใบชะพลูซอยทานคู่กับขนมจีนเส้นสด ขนาดสั่งแบบเผ็ดปกติไปก็ยังรู้สึกว่าเผ็ดมาก (ถ้าใครทานเผ็ดไม่เก่งแนะนำให้บอกน้องพนักงานก่อน) น้ำแกงข้นๆเนื้อปูหวานฉ่ำเข้ากับขนมจีนได้ดีสุดๆที่สำคัญก็คือขอเพิ่มเส้นได้ทางร้านไม่คิดเงินแต่อย่างใดครับ สั่งแต่เมนูแกงเผ็ดๆไป 2 ชามน้องพนักงานก็ช่วยเตือนว่าแม่ครัวที่ร้านมือหนักมากๆเลยแนะนำให้สั่งผัดผักมาทานคู่กันคือ "ใบเหลียงผัดไข่" ราคา 200 บาท รสชาติเค็มอมหวานผัดใส่ไข่นัวๆกับยอดใบเหลียงอ่อนๆฉบับร้านปักษ์ใต้มาเอง เพิ่มความพิเศษไม่เหมือนใครด้วยหอมเจียวและกระเทียมเจียวให้กลิ่นและสัมผัสกรุบกรอบแปลกใหม่ ถ้าอยากทานแบบต้นตำรับบอกทางร้านให้ไม่ใส่ได้นะครับ
ชามต่อมาในเล่มเมนูเขียนว่า "พะโล้หมูสามชั้นทอด" ราคา 290 บาท แต่ที่จริงมันคือพะโล้โบราณ โดยเริ่มจากการเอาหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ไปทอดกรอบ หลังจากนั้นเคี้ยวน้ำตาลมะพร้าวในกระทะให้เปลี่ยนสีเป็นคาราเมลก่อนที่จะนำเอาหมูทอด/ไข่ต้ม/เต้าหู้ทอดและสามเกลอตำละเอียดลงไปผัดและเติมน้ำตุ๋นจนนุ่มเข้าเนื้อ โดยชามที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟเราวันนี้น้ำขุ่นไปหน่อยเพราะมีไข่แดงผสมลงไปในน้ำซุปแต่รสชาติหวานเค็มอร่อยหมูสามชั้นเปื่อยและไข่ต้มดูดน้ำซุปเข้าไปดีมากใครเป็นคนรักพะโล้แบบผมห้ามพลาดเลยครับ สั่งเมนูต้มผัดไปแล้วมาต่อกันที่ของทอดกันบ้างเริ่มจาก "หมูสามชั้นคั่วพริกเกลือวังหลัง" ราคา 250 บาท เป็นหมูสามชั้นหั่นชิ้นพอดีคำหมักเกลือทอดกรอบให้หนังฟูนิดๆเอาไปคลุกกับเครื่องผัดพริกเกลือทั้งกระเทียมเจียว/หอมเจียว/พริกสดและต้นหอมปรุงรสให้อมหวานตัดเค็มกับตัวหมูทอดเรียงลงใส่จานให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ ส่วนตัวคิดว่าจานนี้เหมาะสำหรับทานเป็นกับแกล้มมากเลยครับ
จานต่อไปเป็นเมนูปลาที่ไม่ค่อยเห็นร้านไหนในกรุงเทพฯเอามาเสิร์ฟก็คือ "ปลาจารเม็ดทอดกระเทียม" ตัวนี้เป็นขนาด 4 ขีด ราคา 750 บาท ตามชื่อเลยคือปลาจารเม็ดตัวใหญ่เนื้อสดแน่นเอาไปทอดในน้ำมันร้อนๆจนกรอบเกือบทั้งตัวโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวสไลด์ แต่ความเด็ดไม่ได้จบลงแค่นี้เพราะซอสที่เสิร์ฟมาคู่กันชื่อค่อนข้างแปลกนั่นก็คือ "ซอสน้ำกระเทียมดองโบราณ" มีความข้นเหนียวคล้ายกับน้ำราดหน้า เมื่อเอามาประกอบร่างเข้ากับปลาจารเม็ดทอดกระเทียมแล้วมีความคล้ายเมนูราดหน้าปลาทอดแปลกใหม่ดี หรือถ้ารู้สึกว่าไม่ค่อยชอบก็สามารถขอน้ำจิ้มซีฟู้ดได้ฟรีนะครับ จานสุดท้ายเห็นชื่อเมนูค่อนข้างแปลกเลยสั่งมาลองทานนั่นคือ "ข้าวผัดแมวสูตรยายพิกุล" เสิร์ฟมาในจานแปลขนาดใหญ่แบบนี้ราคา 300 บาท เป็นข้าวหอมมะลิสุรินทร์คลุกเนื้อปลาทูทอด/หอมแดง/ใบมะกรูดซอย/ใบชะพลูซอยและหอมเจียว เสิร์ฟพร้อมเครื่องสมุนไพรสดต่างๆมากมายทั้งมะนาวสดหั่นชิ้นติดเปลือก/หอมแดงซอย/พริกขี้หนูสดกับขิงอ่อนหั่นเต๋าวิธีการทานก็คือเอาทุกอย่างลงไปคลุกในชามเดียวกัน รสชาติคล้ายกับข้าวผัดเมี่ยงใส่เนื้อปลาทูทานง่ายรสชาติเค็มอ่อนๆแต่ถ้าอยากให้เข้มข้นขึ้นก็ราดน้ำปลาพริกสดลงไปอีกหน่อยอร่อยเด็ด หากกำลังเบื่อข้าวสวยหรือเมนูข้าวผัดธรรมดาๆแล้วลองสั่งเมนูนี้มาทานดู อร่อยและได้รสชาติ/ประสบการณ์แปลกใหม่ดีครับ
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:
วิเสทสรร สุขุมวิท 32
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ทอดปลาส้มจีน
ทอดปลาส้มจีน วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568 รายการอาหารวันนี้ ทอดปลาส้มจีน..แกงผักกาด..ผัดมะเขือเทศ..ถั่วผัดไข่ พอช่วยให้อิ่มท้อง อาหารพื้นบ้านที่ทำกินกันง่าย ๆ แต่
สมาชิกหมายเลข 2148931
วันนี้มียำตะลิงปลิงมาฝากจ้า ยั่วๆน้ำลายกันจ้า
ฉันที่ตาตื่นเมื่อตอนบ่าย วันนี้ไปเดินตลาดสดแถวบ้านมาจ้าเจอตะลิงปลิงที่ตลาด แบบที่ว่าน้ำลายสอจนต้องซื้อ แม่ค้าเขาก็จะจัดใส่จานพลาสติกสีฟ้าไว้แล้ว ขายจานละ 10 บาท แค่คิดก็ส้มแข่วแล้วนะ 555+ ตะลิงปลิง&h
ปากกาดาว
บอสพาชิม: ศรีตราด - อาหารไทยแสนละมุนจากชายฝั่งตะวันออก
บอสพาชิม: ศรีตราด - อาหารไทยแสนละมุนจากชายฝั่งตะวันออก รีวิวในวันนี้เราจะพาไปพบกับร้านอาหารไทยที่ผมว่ามีอัตลักษณ์น่าสนใจเลยครับ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33 ไม่ห่างจากห้างเอ็มควอ
EatLikeTheBOSS
สูตรทำ "กะหรี่ปั๊บ" (Curry Puff) ขอบหยักสวยงาม ตัวแป้งบางกรอบ ไส้แน่นรสกลมกล่อม
เวลาเตรียม: 1.5 - 2 ชั่วโมง (รวมเวลาพักแป้ง) เวลาปรุง: 30-40 นาที สำหรับ: 20-25 ชิ้น (ขนาดกลาง) credit: https://pixabay.com/photos/curry-puff-snack-indonesia-food-7224451/ ส่วนผสมแป้งชั้นนอก (แป้
ตองจี
ครัวเข้าท่า คาเฟ่
ครัวเข้าท่า คาเฟ่ ผมได้ไปมา วันนี้ของเดือนที่แล้วตอนที่ไปทำงานที่แหลมผักเบี้ย จ. เพชรบุรีไปถึงร้านก็มืดแล้ว ฝนก็ตก เปิด Map ร้านนี้คือได้ดาวสูงมากมีรีวิวทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติด้วยแถมอยู่ไม่ไกลจากโ
Topyutt
❤ + แกงระแวง ไม่ใช่ พะแนง + ❤
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวห้องก้นครัว....กระทู้นี้แม่ครัวบี๊ห์(บ่งบ๊ง) ขอนำเสนออาหารไทย แกงไทยโบราณหากินยาก แทบไม่เคยเห็นใครทำขาย อยากรับประทานคงต้องทำเอง ได้ยินชื่อแกงชนิดนี้มายาวนาน แต่ยังไม่เคยทำ ลองทำค
บ่งบ๊ง
กระเพราหมูสับ พริกป่น 🌶️🍛🌶️🍛🌶️🍛
เมื่อวานช่วงเย็น จขกท. รู้สึกหิวมาก 🤤🤤🤤 ไม่รู้จะกินอะไรดี ได้เปิดตู้เย็น เห็นหมูเนื้อแดงอยู่ชิ้นนึง🥩 ทำผัดกระเพราหมูสับดีกว่า เก็บใบกระเพราหลังบ้าน 🍃🍃 พริกสดก็ไม่มีติดตู้เย็น🌶️🌶️🌶️ และไม่ได้ปลูกไว้ด้ว
เท่าที่รู้คือฉันรักเธอ
焼きそば ผัดยากิโซบะแบบเชฟ
ยากิโซบะ เส้นสด มารูจัง พกมาจากโตเกียว แช่เย็นไว้นานแล้วครับ ให้แฟนผัดให้กิน อร่อยจัง วันนี้ดูตามยูทูป ตามเชฟ ทำจะอร่อยกว่าปกติครับ https://youtu.be/IXcHDUcyb5A?si=I8f8lfEVV9hJDyEe หันผัก กะ
สมาชิกหมายเลข 4755513
น้า Low Batt :: แกงป่าไก่ ไข่เจียวหอมใหญ่
สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน ตอนบ่ายแก่ ๆ ออกไปหาซื้อแตงโมให้ท่าน ผบ. ที่ตลาดแถวบ้านเพราะเมื่อเช้าไปตลาดบางแคหาไม่เห็นมี ตอนเดินในตลาดเห็นเห็ดฟางสวยดีเลยซื้อติดมาด้วยแค่ขีดเดียวพอ 18.- ไม่ซื้อเยอะเพราะเก็บ
น้า Low Batt
BufFeast Review :"No.43 Italian Bistro" ห้องอาหารบรรยากาศร่มเย็นในซอยย่านชิดลม @โรงแรมเคปเฮาส์ ถ.หลังสวน
ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้ลองบุฟเฟ่ต์โรงแรม เลยมาจัดซักหน่อย ณ ห้องอาหาร No.43 Italian Bistro ที่อยู่ในโรงแรมเคปเฮาส์ เป็นบุฟเฟ่ต์มื้อกลาง สไตล์อิตาเลียนนั่นเอง โรงแรมอยู่ใน ซอยหลังสวน ติดกับทางลงB
TheHeatBufFeast
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารไทย
อาหารพื้นบ้าน
ร้านอาหาร
อาหารคาว
ร้านอาหารย่านสุขุมวิท
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิวร้าน "วิเสทสรร" บ้านไม้โบราณอายุกว่า 70 ปี เสิร์ฟเมนูตำรับไทยรสจัดจ้าน ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 32
บ้านหลังเก่าอายุมากกว่า 70 ปี ถูกทำให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้สีขาวทั้งหลังทำให้ดูสะอาดและสบายตา ภายในตกแต่งตามมุมต่างๆให้น่าถ่ายรูปเพื่อเก็บความประทับใจ เริ่มจากเรือนไม้สีขาวขนาดจิ๋วหลังคากระจกใสที่ให้แสงแดดผ่านเข้ามาดูละมุนชวนฝันมากยิ่งขึ้น ส่วนด้านหน้ามีโอ่งน้ำพุเล็กๆเรียงกันเป็นแนวยาวก่อนถึงทางเข้าประตูบ้านหลักกับฉากสีแดงสดประกบด้วยลายกราฟฟิกรูปดอกไม้สีทองดูสวยแปลกตานอกจากนี้ยังมีต้นไม้สูงใหญ่อายุรวมกันกว่าหลายสิบปีล้อมรอบเต็มทั้งพื้นที่ ให้อารมณ์ราวกับได้มาเที่ยวในบ้านสวนใจกลางธรรมชาติทั้งที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิทใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครสุดวุ่นวาย ช่วงที่เรามาถึงแดดค่อนข้างจะร้อนเข้าไปรับแอร์เย็นๆข้างในกันครับ
ภายในร้านบริเวณชั้น 1 ถูกทาด้วยสีขาวดูสวยงามสะอาดตาแบบเดียวกับด้านนอกบ้านพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ที่ช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้ลอดเข้ามาเพิ่มความสว่างสดใสให้ความอบอุ่นดูเป็นร้านอาหารแนวครอบครัวด้วยการใช้หลอดไฟโทนสีส้ม ส่วนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเกือบทุกชิ้นได้สั่งทำขึ้นพิเศษจากไม้สักทองทาด้วยน้ำยาเคลือบเงาสีเข้มดีไซน์ย้อนยุคตามแบบที่ทางร้านตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกโครงสร้างจึงแข็งแรงมั่นคงและทนทานเป็นพิเศษ สิ่งที่ชอบมากสุดก็คือเก้าอี้ไม้สักทองถูกออกแบบเบาะเป็นทรงกลมถูกบุด้วยนวมนุ่มทุกตัวช่วยให้นั่งสบายยาวนานยิ่งขึ้น ส่วนบรรยากาศข้างบนชั้น 2 จะมีการตกแต่งที่สวยงามอย่างอย่างไรนั้นเราเดินขึ้นไปชมบรรยากาศพร้อมกันครับผม
ยังไม่ทันเดินขึ้นบันไดเหยียบถึงบริเวณชั้น 2 สิ่งที่ชวนสะดุดตาให้ถ่ายรูปก่อนก็คือซุ้มประตูทรงโค้งขนาดใหญ่ที่ด้านหลังถูกทำให้เป็นห้องส่วนตัวขนาดเล็กรองรับลูกค้าได้ถึง 10 ถึง 12 คน ผนังบางส่วนถูกทาด้วยสีแดงสดสลับสีขาวแบบเดียวกับป้ายชื่อหน้าร้านพร้อมตัวอักษรสีทองสไตล์ไทยสุดวิจิตรเขียนว่า "วิเสทสรร" ตกแต่งด้วยโคมไฟโบราณห้อยตามจุดต่างๆเพิ่มความหรูหราลงตัวยิ่งขึ้น เลือกโต๊ะที่จะนั่งให้เรียบร้อยแล้วมาเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
เล่มเมนูของที่ร้านยังใช้โทนสีขาว-สีแดงผสมครีมแบบเดียวกับผนังภายในของบ้านโบราณแห่งนี้ หมวดแรกของเมนูเป็นของว่างสไตล์ไทยโบราณราคาเริ่มต้นที่ 250-650 บาท กุ้งเผา-กุ้งทอดซอสมะขามที่เป็น Signature ของทางร้านมีให้เลือกสั่งตั้งแต่ไซส์ 3 ตัว 1 กิโลกรัมไปจนถึงขนาด 6 ขีดราคาเริ่มต้นที่ 579-1,199 บาทต่อตัว เมนูยำมีให้สั่ง 3 รายการราคาเริ่มต้นที่ 220-250 บาท เมนูประเภทแกงก็มีให้เลือกหลากหลายราคาเริ่มต้นที่ถ้วยละ 200 ไปจนถึง 450 บาท เมนูหมวดน้ำพริกเสิร์ฟพร้อมผักชุดใหญ่มีให้เลือก 4 เมนูราคารายการละ 280 บาท เมนูปลามีทั้งทอด/ผัด/นึ่งเริ่มต้นที่ตัวละ 550-750 บาท เมนูประเภทผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 200-280 บาท แกงจืดสำหรับสั่งมาซดร้อนๆแก้เผ็ดราคาเริ่มต้นที่ถ้วยละ 200-220 บาท เมนูปูดำหรือปูป่าชายเลนเอามาผัดซอสต่างๆกับอบวุ้นเส้นราคาขีดละ 280 บาท ส่วนใครขี้เกียจกระเทาะเปลือกปูก็มีเป็นเนื้อล้วนๆให้สั่ง ราคาขีดละ 450 บาท ข้าวสวย-ข้าวผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่จานละ 30 ไปจนถึงจานเปลใหญ่ 380 บาท ขนมหวานก็มีให้สั่ง 4 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 95 ไปจนถึงผลไม้ชุดใหญ่ราคา 250 บาท โดยราคาอาหารที่เห็นในเล่มยังไม่รวม Service Charge 10% ส่วนตัวถือว่าค่อนข้างสมเหตุผลกับสถานที่ตั้งร้าน แต่จะได้ปริมาณกับรสชาติที่ดีขนาดไหนเดี๋ยวเรามาพิสูจน์ไปพร้อมกันเลยครับ
จานแรกเป็นเมนู Signature ของทางร้านนั่นก็คือ "กุ้งซอสมะขามไซส์ 3 ตัวโล" ราคาตัวละ 579 บาท เป็นกุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่น้ำหนักประมาณ 300 กว่ากรัม เอามาผ่าครึ่งเฉพาะกลางลำตัวยกเว้นส่วนหัวลงทอดในน้ำมันจนเนื้อสุกแน่นกระชับเคี้ยวสู้ฟัน ราดด้วยซอสรสหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นมะขามเปียกเพิ่มสัมผัสความกรุบกรอบด้วยหอมเจียวและเผ็ดร้อนพริกแห้งทอดกรอบเข้ากันได้เป็นอย่างดีอีกทั้งมันในหัวยังสามารถเอามาคลุกกับข้าวสวยผสมซอสมะขามได้อีกเป็นจานๆ อร่อยสมกับที่ทางร้านแนะนำให้สั่งเลยครับ ชามต่อไปเป็นเมนูแกงสั่งมาทานกับข้าวสวยก็คือ "หมูรัญจวนกวนใจ" ราคา 200 บาท เป็นน้ำพริกกะปิใส่มะเขือเปราะเอามาแกงใส่พริกขี้หนูเม็ดโดดกับสันคอหมูปิดท้ายด้วยใบโหระพาสดรสชาติเปรี้ยว-เค็มหอมกลิ่นกะปิผสมมะนาวสดซดร้อนๆสดชื่นมาก ข้อควรระวังของชามนี้ก็คือเผ็ดมาก/เปลืองข้าวสวยแต่อร่อยสุดๆเป็นแกงรัญจวนหมูใส่มะเขือเปราะลงไปด้วยร้านแรกที่เคยทานมาเลยครับ
เมนูต่อไปเป็นแกงกะทิ Signature ที่เห็นรีวิวก่อนหน้านี้เขาสั่งกันก็คือ "แกงคั่วใบชะพลูเนื้อปูก้อนยักษ์" ราคา 450 บาท ดูรูปในเล่มเมนูเหมือนให้มานิดเดียวแต่ของจริงเป็นกรรเชียงชิ้นใหญ่ใส่มา 7-8 ก้อนเนื้อหวานแน่น ส่วนน้ำแกงรสชาติเค็มเผ็ดหอมกลิ่นพริกแกงคั่วและใบชะพลูซอยทานคู่กับขนมจีนเส้นสด ขนาดสั่งแบบเผ็ดปกติไปก็ยังรู้สึกว่าเผ็ดมาก (ถ้าใครทานเผ็ดไม่เก่งแนะนำให้บอกน้องพนักงานก่อน) น้ำแกงข้นๆเนื้อปูหวานฉ่ำเข้ากับขนมจีนได้ดีสุดๆที่สำคัญก็คือขอเพิ่มเส้นได้ทางร้านไม่คิดเงินแต่อย่างใดครับ สั่งแต่เมนูแกงเผ็ดๆไป 2 ชามน้องพนักงานก็ช่วยเตือนว่าแม่ครัวที่ร้านมือหนักมากๆเลยแนะนำให้สั่งผัดผักมาทานคู่กันคือ "ใบเหลียงผัดไข่" ราคา 200 บาท รสชาติเค็มอมหวานผัดใส่ไข่นัวๆกับยอดใบเหลียงอ่อนๆฉบับร้านปักษ์ใต้มาเอง เพิ่มความพิเศษไม่เหมือนใครด้วยหอมเจียวและกระเทียมเจียวให้กลิ่นและสัมผัสกรุบกรอบแปลกใหม่ ถ้าอยากทานแบบต้นตำรับบอกทางร้านให้ไม่ใส่ได้นะครับ
ชามต่อมาในเล่มเมนูเขียนว่า "พะโล้หมูสามชั้นทอด" ราคา 290 บาท แต่ที่จริงมันคือพะโล้โบราณ โดยเริ่มจากการเอาหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ไปทอดกรอบ หลังจากนั้นเคี้ยวน้ำตาลมะพร้าวในกระทะให้เปลี่ยนสีเป็นคาราเมลก่อนที่จะนำเอาหมูทอด/ไข่ต้ม/เต้าหู้ทอดและสามเกลอตำละเอียดลงไปผัดและเติมน้ำตุ๋นจนนุ่มเข้าเนื้อ โดยชามที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟเราวันนี้น้ำขุ่นไปหน่อยเพราะมีไข่แดงผสมลงไปในน้ำซุปแต่รสชาติหวานเค็มอร่อยหมูสามชั้นเปื่อยและไข่ต้มดูดน้ำซุปเข้าไปดีมากใครเป็นคนรักพะโล้แบบผมห้ามพลาดเลยครับ สั่งเมนูต้มผัดไปแล้วมาต่อกันที่ของทอดกันบ้างเริ่มจาก "หมูสามชั้นคั่วพริกเกลือวังหลัง" ราคา 250 บาท เป็นหมูสามชั้นหั่นชิ้นพอดีคำหมักเกลือทอดกรอบให้หนังฟูนิดๆเอาไปคลุกกับเครื่องผัดพริกเกลือทั้งกระเทียมเจียว/หอมเจียว/พริกสดและต้นหอมปรุงรสให้อมหวานตัดเค็มกับตัวหมูทอดเรียงลงใส่จานให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ ส่วนตัวคิดว่าจานนี้เหมาะสำหรับทานเป็นกับแกล้มมากเลยครับ
จานต่อไปเป็นเมนูปลาที่ไม่ค่อยเห็นร้านไหนในกรุงเทพฯเอามาเสิร์ฟก็คือ "ปลาจารเม็ดทอดกระเทียม" ตัวนี้เป็นขนาด 4 ขีด ราคา 750 บาท ตามชื่อเลยคือปลาจารเม็ดตัวใหญ่เนื้อสดแน่นเอาไปทอดในน้ำมันร้อนๆจนกรอบเกือบทั้งตัวโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวสไลด์ แต่ความเด็ดไม่ได้จบลงแค่นี้เพราะซอสที่เสิร์ฟมาคู่กันชื่อค่อนข้างแปลกนั่นก็คือ "ซอสน้ำกระเทียมดองโบราณ" มีความข้นเหนียวคล้ายกับน้ำราดหน้า เมื่อเอามาประกอบร่างเข้ากับปลาจารเม็ดทอดกระเทียมแล้วมีความคล้ายเมนูราดหน้าปลาทอดแปลกใหม่ดี หรือถ้ารู้สึกว่าไม่ค่อยชอบก็สามารถขอน้ำจิ้มซีฟู้ดได้ฟรีนะครับ จานสุดท้ายเห็นชื่อเมนูค่อนข้างแปลกเลยสั่งมาลองทานนั่นคือ "ข้าวผัดแมวสูตรยายพิกุล" เสิร์ฟมาในจานแปลขนาดใหญ่แบบนี้ราคา 300 บาท เป็นข้าวหอมมะลิสุรินทร์คลุกเนื้อปลาทูทอด/หอมแดง/ใบมะกรูดซอย/ใบชะพลูซอยและหอมเจียว เสิร์ฟพร้อมเครื่องสมุนไพรสดต่างๆมากมายทั้งมะนาวสดหั่นชิ้นติดเปลือก/หอมแดงซอย/พริกขี้หนูสดกับขิงอ่อนหั่นเต๋าวิธีการทานก็คือเอาทุกอย่างลงไปคลุกในชามเดียวกัน รสชาติคล้ายกับข้าวผัดเมี่ยงใส่เนื้อปลาทูทานง่ายรสชาติเค็มอ่อนๆแต่ถ้าอยากให้เข้มข้นขึ้นก็ราดน้ำปลาพริกสดลงไปอีกหน่อยอร่อยเด็ด หากกำลังเบื่อข้าวสวยหรือเมนูข้าวผัดธรรมดาๆแล้วลองสั่งเมนูนี้มาทานดู อร่อยและได้รสชาติ/ประสบการณ์แปลกใหม่ดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น