คืนนั้นผมตามร่างนั้นไป
เธอคือหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง และผมก็ตามติดเธอไป
หญิงคนนั้นคล้ายจะรอผมอยู่ จนกระทั่งแน่ใจว่าผมเดินตามมา เธอจึงหมุนตัว แล้วเดินหายเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง
ผมยังคงตามติดเธอไป
ยิ่งผมเข้าไปใกล้ตรอกแห่งนั้นมากเท่าไหร่ ระบบของผมก็ยิ่งส่งสัญญาณเตือนระดับความอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนั้นเองที่ชายคู่รักสองคนตื่นตกใจเมื่อเห็นเธอกับผม
ร่างทั้งสองผละออกจากกันในความมืด จัดเครื่องแต่งกายตนเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนิ่งรอให้พวกเราเดินผ่านไป
“โอ” ชายร่างใหญ่กระซิบขึ้นในความมืด เขามองหญิงคนนั้น กระแอมเล็กน้อย เพื่อปรับเสียงทุ้มใหญ่ของตนเองให้กลับมาเล็กดั่งเดิม “ฉันคิดว่าเธอกลับไปแล้วเสียอีก --”
“เท็ดดี้” ชายร่างเล็กสะกิดชายร่างใหญ่ สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทีอันแปลกพิกลของเรา “เราเปลี่ยนไปที่อื่นกันดีกว่า --”
ผมรอให้พวกเขาวิ่งจากไป --
จากนั้นจึงเดินเข้าไปในตรอก หยุดยืน และเว้นระยะห่างจากเธอระยะหนึ่ง พยายามป้องกันตัวจากสิ่งที่ไม่คาดคิดอย่างระมัดระวัง
ทว่าเธอกลับไม่ได้หยุดอยู่ในตรอกแห่งนั้น --
เธอเดินไปตามเส้นทางอันมืดสลัว จนกระทั่งตัดออกไปยังถนนใหญ่
ผมมองร่างที่ยืนรอผมอยู่กลางถนนนั้น เธอยืนตัวตรง ประสานมือทั้งสองข้างไว้เบื้องหน้าตนเอง
จนกระทั่งแน่ใจว่าผมตามเธอมา เธอจึงเดินเข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง -- อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ --
ผมเดินตามเธอไป นึกประหลาดใจที่อาคารแห่งนี้ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยดังที่คาด
เธอเลี่ยงการใช้ลิฟต์หลักของอาคาร และใช้บันไดเก่าที่ไม่มีใครใช้มานานแทน
ผมเว้นระยะห่าง จนแน่ใจว่าเธอขึ้นไปหลายชั้นมากพอ จึงตัดสินใจเดินตามเธอไป --
เธอกำลังพยายามเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารแห่งนี้ -- ผมชำเลืองมองกล้องวงจรปิดตามมุมโถง -- เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกำลังพาผมเข้ามาในอาคารแห่งนี้
และไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอกในเวลานี้
“คุณให้ผมตามคุณมา” ผมบอก หลังจากที่เดินตามเธอเข้ามาในห้องๆหนึ่ง
ผมสำรวจเธออย่างพิจารณา -- พยายามดึงข้อมูลในระบบขึ้นมา ก่อนจะอ่านตัวอักษรเรืองแสงในม่านตาตัวเองอย่างรวดเร็ว
ไม่พบข้อมูลในระบบ
หากแต่ระดับอันตรายของเธอกลับอยู่ที่สูงสุด
“คุณคือใครกัน” ผมถาม
เธอไม่ได้ตอบกลับมาในทันที หากแต่เธอยกมือทั้งสองขึ้นกลางอากาศอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาใกล้ผม ราวกับต้องการประกาศให้ผมรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง
เธอไม่มีอาวุธ --
“หยุดอยู่ตรงนั้น” ผมสั่งเธอ
เธอหยุดฝีเท้า ก่อนจะถามว่า “คุณสืบอยู่ไม่ใช่หรือ” ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงามืดนั่นเอนไปทางด้านหนึ่งเล็กน้อย “คุณถึงพยายามตามหาผู้สร้างนิรนาม -- คุณถึงเข้าหาเอ็ดมุนน์ที่โรงแรมนั่น”
ผมนิ่งชะงักไป --
เธอรู้ได้อย่างไรกันว่าผมกำลังสืบตามหาอะไรอยู่ --
“คุณตามผมไปที่โรงแรมงั้นหรือ” ผมถาม
ใบหน้าสวยคมค่อยๆปรากฏออกมาจากเงามืด “ไม่” เธอตอบ “ฉันแค่รู้ว่ามีคนพยายามเข้าระบบเขา -- คุณพยายามเข้าถึงตัวผู้สร้างนิรนามหลังจากที่คุณกำจัดเอ็ดมุนน์”
ผมมองเธออย่างระมัดระวัง
ทำไมเธอถึงรู้ว่าผมพยายามเข้าถึงตัวผู้สร้างนิรนามผ่านระบบของเอ็ดมุนน์
“ระบบของผู้สร้างนิรนาม คือระบบเดียวกันกับฉัน” เธอพูดราวกับรู้ทันความคิดของผม
ผมนิ่งชะงักไป -- คราวนี้จ้องมองเธออย่างพิจารณา
ผู้หญิงคนนี้คือใครกัน
เธอเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น -- อย่างเงียบกริบ และรวดเร็ว จนแทบจะไม่มีเสียง
“คุณจะทำลาย
เขาหรือ”
ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น
“คุณจะทำลาย
ฉันไหม” เธอถาม
ผมส่ายหน้า
“คุณจะทำร้ายฉันไหม” เธอถามอีก
ผมยังคงส่ายหน้า
และนั่นดูเหมือนเป็นคำตอบที่เธอต้องการ เพราะเธอพูดต่อไปว่า --
“คุณจะได้ตัวเขาไป” เธอบอก “คุณจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเขา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของทุกอย่าง -- และคุณจะเจอเขาที่โรงละครในคืนพรุ่งนี้ -- นั่นคือโอกาสที่คุณจะได้ตัวเขา -- และโอกาสที่แผนของคุณจะสำเร็จ”
ผมส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้” ผมบอก “ผมผ่านระบบตรวจสอบความปลอดภัยของโรงละครไม่ได้แน่ -- ”
“คุณจะผ่านไปได้” เธอบอก “ฉันจะทำให้ชื่อของคุณอยู่ในระบบ ชื่อคุณจะเป็นชื่อของฉัน -- คุณจะผ่านเข้าไปในโรงละครได้แน่นอน ตราบใดที่มันเป็นชื่อของฉัน”
“แต่ทุกคนในนั้นจะรู้ตัวทันทีที่เห็นผม --” ผมบอก “พวกเขารู้หน้าของทุกคนในเครือข่าย พวกเขารู้ว่าผมไม่ใช่หนึ่งในพวกเขา --”
“เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเข้าไปในตอนที่พวกเขาไม่เห็นคุณ” เธอตอบ “พวกเขามักไปถึงก่อนกำหนดการ -- แต่คุณไม่มีเหตุผลที่คุณต้องรีบไปโรงละครก่อนกำหนดอยู่แล้วนี่ จริงไหม”
“ทำไม” ผมถามออกมา “ทำไมคุณถึงให้ความร่วมมือกับผม”
แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือของเธอก็สัมผัสเข้าที่ขมับของผมอย่างแผ่วเบา -- พลันกระแสไฟฟ้าบางอย่างก็แล่นปราดไปทั่วทั้งร่างของผม จนผมสั่นกระตุกอย่างไร้การควบคุมขึ้นมาในทันที!
ภาพนับร้อยนับพันล้านภาพ และแสงสีหมื่นล้านเฉด ฉายผ่านม่านตาของผม จนผมต้องหลับตาลงแน่น!
เสียงสายฝน เสียงปรบมือ และเสียงพูดของใครบางคนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน จนผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในหูของผม
แต่แล้วในวินาทีถัดมาทุกอย่างก็ดับวูบไป -- ทั้งแสงสีที่พร่างพราวอยู่ในม่านตา และเสียงสะท้อนที่ดังก้องในหูของผมได้หายไปในพริบตา
ในที่สุดผมก็ลืมตาขึ้น กะพริบตาสองสามครั้ง ให้แน่ใจว่าผมยังอยู่ในสภาพปกติดี
แล้วผมก็พบว่าผมยังคงสมบูรณ์ดีดั่งเดิม ไม่มีรอยแผล หรือร่องรอยต่อสู้ปะทะใดๆทั้งสิ้น --
“คุณ” ผมพูดขึ้น จ้องมองริมฝีปากหยักที่โผล่พ้นมาจากเงามืดตรงหน้านั่น “คุณนี่เอง”
“เป็นฉันเอง” เธอตอบ
ผมส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจ” ผมว่า “ทำไมกัน --”
ทำไมเธอถึงตัดสินใจให้ข้อมูลนี้แก่ผม
แวบนั้นผมดำดิ่งเข้าไปในคลังข้อมูลมหาศาลที่ได้รับก่อนหน้านั้น แหวกว่ายไปในภาพ แสง สี เสียง และเรื่องราวทั้งหลาย
ภาพที่เธอถูกสร้างและประกอบกันจนเป็นความสมบูรณ์แบบ -- ภาพที่ชิ้นส่วนของเธอถูกรื้อแยกออกจากกันอีกครั้ง และอีกหลายร้อยครั้ง จนอวัยวะทุกส่วนแยกออกจากร่าง และคืนกลับสู่ความไม่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง -- แล้วหวนกลับประกอบกันใหม่เป็นความสมบูรณ์แบบอีกครั้งหนึ่ง --
วนซ้ำไปซ้ำมา ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนวินาทีหนึ่ง ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมตื่นตกใจ!
ภาพมีดที่แทงเข้ากับร่างของชายคนนั้น จนเลือดเจิ่งนองไปทั่วเวที!
ผมเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ
เสียงต่างๆเงียบหายไป และถูกแทนที่ด้วยใบหน้าอันขาวซีดของเธอ -- ที่กลับดูมีชีวิตยิ่งกว่าก่อนหน้า
แล้วผมก็ได้เห็นชีวิตหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้น --
ชีวิตใหม่ของเธอที่ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
และเรื่องราวที่เต็มไปด้วยชีวิตนั่นก็ทำให้ข้อมูลทั้งหลายไหลผ่านเข้ามาในร่างของผมอย่างรวดเร็ว บีบอัดระบบในหัวของผมแน่น จนผมสัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลมาตามจมูกของตนเอง
แล้วเมื่อเวลาผ่านไปถึงจุดหนึ่ง ข้อมูลทุกอย่างก็อยู่ที่ผมจนหมดสิ้น --
ตอนนั้นเองที่ทั้งผมและเธอต่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ สบตามองกันผ่านความมืดสลัว --
แล้วผมก็ได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก
ดวงตาคู่โตที่เบิกกว้างนั่นอาบไปด้วยของเหลวสีแดง -- เช่นเดียวกันกับที่ปลายจมูก และริมฝีปากของเธอ -- ราวกับข้อมูลที่เธอส่งต่อมาให้ผมนั้นได้ทำลายอะไรบางอย่างในตัวเธอไป
ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“วันพรุ่งนี้ คุณจะจำเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้ชั่วขณะ” ผมกระซิบ “ถ้าคุณส่งมอบมันให้ผมจนหมดเสียขนาดนี้”
แมกดาลีนไม่สนใจคำเตือนนั้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตามองผม ก่อนจะบอกข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งเดียวของเธอออกมา “ฉันขอข้อแลกเปลี่ยนเพียงหนึ่งเดียว”
ผมนิ่งรอฟังเธอ โดยไม่ได้พูดแทรกใดๆออกมา
“ขอให้ฉันได้ขึ้นเวที” เธอบอก “ในคืนวันพรุ่งนี้ --”
ผมค่อยๆเช็ดของเลือดออกจากจมูกตนเอง ก่อนจะพินิจมองใบหน้าของเธอนิ่ง -- มองท่าทีอันอ่อนแรงของเธอที่ปลดซึ่งระบบป้องกันภัยใดๆในตัวเอง
“แผนการของคุณจะสำเร็จเป็นการแลกเปลี่ยน” เธอย้ำ “หลังจากนั้น เขาจะเป็นของคุณ -- คุณจะได้ตัวเขาไป”
คำขอของเธอเรียบง่ายกว่าที่ผมคิด
“อะไรทำให้ผมไว้ใจคุณได้ ว่าคุณจะไม่ทรยศผมในวันพรุ่งนี้” ผมถาม “ผมจะรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่แผนการหลอกให้ผมไปถูกทำลายทิ้งในโรงละครคืนพรุ่งนี้”
เธอมองผมด้วยดวงตาที่เปื้อนเลือด
“อะไรจะทำให้ผมแน่ใจได้ว่าคุณจะไม่ส่งคนมาลอบจับผมในโรงละคร” ผมถามต่อไป “ในเมื่อตอนนี้หุ่นกบฏเองก็ถูกพวกหุ่นในเครือข่ายลอบกำจัดกันเอง และส่งอะไหล่ขายไปในตลาดมืดไม่ใช่หรือ --”
เธอดูประหลาดใจที่ผมรู้ข้อมูลนั้น
“ใช่ หุ่นกบฏก็ถูกหุ่นด้วยกันกำจัดทิ้ง -- ในแบบเดียวกันกับที่มนุษย์กำจัดหุ่น -- ดูเหมือนมันจะไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่” เธอตอบ “แต่ฉันเป็นคนรักษาคำพูดของตัวเอง และวิธีเดียวที่คุณจะรู้ได้ว่าฉันโกหกไหมนั้น ก็คือมาที่นี่ ก่อนค่ำในวันพรุ่งนี้”
เธอค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น
“มาพร้อมกับกุหลาบ” เธอบอก “แล้วไปโรงละครกับฉันในฐานะคู่ควง -- วิธีนั้นคุณจะไปโรงละครพร้อมกับฉันได้ -- และชื่อของฉันในระบบจะทำให้คุณผ่านเข้าไปข้างในได้”
ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีแดงคู่นั้นอยู่นาน พยายามอ่านความคิดของเธอที่ปิดกั้นด้วยกำแพงสูงจนน่ากลัว
“แล้วอะไรทำให้คุณมั่นใจ ว่าคุณเชื่อผมได้” ผมกระซิบถาม “อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะไม่ทำร้ายคุณ”
เธอส่ายหน้าช้าๆ “เพราะคุณสัญญากับฉันแล้ว -- ไม่ใช่หรือ”
ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อเธอ
ผมต้องเชื่อว่าเธอจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่ผม
แล้วชื่อหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในระบบของผม
แมกดาลีน
POSTHUMOUS (32)
เธอคือหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง และผมก็ตามติดเธอไป
หญิงคนนั้นคล้ายจะรอผมอยู่ จนกระทั่งแน่ใจว่าผมเดินตามมา เธอจึงหมุนตัว แล้วเดินหายเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง
ผมยังคงตามติดเธอไป
ยิ่งผมเข้าไปใกล้ตรอกแห่งนั้นมากเท่าไหร่ ระบบของผมก็ยิ่งส่งสัญญาณเตือนระดับความอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนั้นเองที่ชายคู่รักสองคนตื่นตกใจเมื่อเห็นเธอกับผม
ร่างทั้งสองผละออกจากกันในความมืด จัดเครื่องแต่งกายตนเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนิ่งรอให้พวกเราเดินผ่านไป
“โอ” ชายร่างใหญ่กระซิบขึ้นในความมืด เขามองหญิงคนนั้น กระแอมเล็กน้อย เพื่อปรับเสียงทุ้มใหญ่ของตนเองให้กลับมาเล็กดั่งเดิม “ฉันคิดว่าเธอกลับไปแล้วเสียอีก --”
“เท็ดดี้” ชายร่างเล็กสะกิดชายร่างใหญ่ สีหน้าดูไม่ดีขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทีอันแปลกพิกลของเรา “เราเปลี่ยนไปที่อื่นกันดีกว่า --”
ผมรอให้พวกเขาวิ่งจากไป --
จากนั้นจึงเดินเข้าไปในตรอก หยุดยืน และเว้นระยะห่างจากเธอระยะหนึ่ง พยายามป้องกันตัวจากสิ่งที่ไม่คาดคิดอย่างระมัดระวัง
ทว่าเธอกลับไม่ได้หยุดอยู่ในตรอกแห่งนั้น --
เธอเดินไปตามเส้นทางอันมืดสลัว จนกระทั่งตัดออกไปยังถนนใหญ่
ผมมองร่างที่ยืนรอผมอยู่กลางถนนนั้น เธอยืนตัวตรง ประสานมือทั้งสองข้างไว้เบื้องหน้าตนเอง
จนกระทั่งแน่ใจว่าผมตามเธอมา เธอจึงเดินเข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง -- อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ --
ผมเดินตามเธอไป นึกประหลาดใจที่อาคารแห่งนี้ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยดังที่คาด
เธอเลี่ยงการใช้ลิฟต์หลักของอาคาร และใช้บันไดเก่าที่ไม่มีใครใช้มานานแทน
ผมเว้นระยะห่าง จนแน่ใจว่าเธอขึ้นไปหลายชั้นมากพอ จึงตัดสินใจเดินตามเธอไป --
เธอกำลังพยายามเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารแห่งนี้ -- ผมชำเลืองมองกล้องวงจรปิดตามมุมโถง -- เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกำลังพาผมเข้ามาในอาคารแห่งนี้
และไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอกในเวลานี้
“คุณให้ผมตามคุณมา” ผมบอก หลังจากที่เดินตามเธอเข้ามาในห้องๆหนึ่ง
ผมสำรวจเธออย่างพิจารณา -- พยายามดึงข้อมูลในระบบขึ้นมา ก่อนจะอ่านตัวอักษรเรืองแสงในม่านตาตัวเองอย่างรวดเร็ว
ไม่พบข้อมูลในระบบ
หากแต่ระดับอันตรายของเธอกลับอยู่ที่สูงสุด
“คุณคือใครกัน” ผมถาม
เธอไม่ได้ตอบกลับมาในทันที หากแต่เธอยกมือทั้งสองขึ้นกลางอากาศอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาใกล้ผม ราวกับต้องการประกาศให้ผมรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง
เธอไม่มีอาวุธ --
“หยุดอยู่ตรงนั้น” ผมสั่งเธอ
เธอหยุดฝีเท้า ก่อนจะถามว่า “คุณสืบอยู่ไม่ใช่หรือ” ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงามืดนั่นเอนไปทางด้านหนึ่งเล็กน้อย “คุณถึงพยายามตามหาผู้สร้างนิรนาม -- คุณถึงเข้าหาเอ็ดมุนน์ที่โรงแรมนั่น”
ผมนิ่งชะงักไป --
เธอรู้ได้อย่างไรกันว่าผมกำลังสืบตามหาอะไรอยู่ --
“คุณตามผมไปที่โรงแรมงั้นหรือ” ผมถาม
ใบหน้าสวยคมค่อยๆปรากฏออกมาจากเงามืด “ไม่” เธอตอบ “ฉันแค่รู้ว่ามีคนพยายามเข้าระบบเขา -- คุณพยายามเข้าถึงตัวผู้สร้างนิรนามหลังจากที่คุณกำจัดเอ็ดมุนน์”
ผมมองเธออย่างระมัดระวัง
ทำไมเธอถึงรู้ว่าผมพยายามเข้าถึงตัวผู้สร้างนิรนามผ่านระบบของเอ็ดมุนน์
“ระบบของผู้สร้างนิรนาม คือระบบเดียวกันกับฉัน” เธอพูดราวกับรู้ทันความคิดของผม
ผมนิ่งชะงักไป -- คราวนี้จ้องมองเธออย่างพิจารณา
ผู้หญิงคนนี้คือใครกัน
เธอเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น -- อย่างเงียบกริบ และรวดเร็ว จนแทบจะไม่มีเสียง
“คุณจะทำลายเขาหรือ”
ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น
“คุณจะทำลายฉันไหม” เธอถาม
ผมส่ายหน้า
“คุณจะทำร้ายฉันไหม” เธอถามอีก
ผมยังคงส่ายหน้า
และนั่นดูเหมือนเป็นคำตอบที่เธอต้องการ เพราะเธอพูดต่อไปว่า --
“คุณจะได้ตัวเขาไป” เธอบอก “คุณจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเขา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของทุกอย่าง -- และคุณจะเจอเขาที่โรงละครในคืนพรุ่งนี้ -- นั่นคือโอกาสที่คุณจะได้ตัวเขา -- และโอกาสที่แผนของคุณจะสำเร็จ”
ผมส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้” ผมบอก “ผมผ่านระบบตรวจสอบความปลอดภัยของโรงละครไม่ได้แน่ -- ”
“คุณจะผ่านไปได้” เธอบอก “ฉันจะทำให้ชื่อของคุณอยู่ในระบบ ชื่อคุณจะเป็นชื่อของฉัน -- คุณจะผ่านเข้าไปในโรงละครได้แน่นอน ตราบใดที่มันเป็นชื่อของฉัน”
“แต่ทุกคนในนั้นจะรู้ตัวทันทีที่เห็นผม --” ผมบอก “พวกเขารู้หน้าของทุกคนในเครือข่าย พวกเขารู้ว่าผมไม่ใช่หนึ่งในพวกเขา --”
“เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเข้าไปในตอนที่พวกเขาไม่เห็นคุณ” เธอตอบ “พวกเขามักไปถึงก่อนกำหนดการ -- แต่คุณไม่มีเหตุผลที่คุณต้องรีบไปโรงละครก่อนกำหนดอยู่แล้วนี่ จริงไหม”
“ทำไม” ผมถามออกมา “ทำไมคุณถึงให้ความร่วมมือกับผม”
แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือของเธอก็สัมผัสเข้าที่ขมับของผมอย่างแผ่วเบา -- พลันกระแสไฟฟ้าบางอย่างก็แล่นปราดไปทั่วทั้งร่างของผม จนผมสั่นกระตุกอย่างไร้การควบคุมขึ้นมาในทันที!
ภาพนับร้อยนับพันล้านภาพ และแสงสีหมื่นล้านเฉด ฉายผ่านม่านตาของผม จนผมต้องหลับตาลงแน่น!
เสียงสายฝน เสียงปรบมือ และเสียงพูดของใครบางคนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน จนผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในหูของผม
แต่แล้วในวินาทีถัดมาทุกอย่างก็ดับวูบไป -- ทั้งแสงสีที่พร่างพราวอยู่ในม่านตา และเสียงสะท้อนที่ดังก้องในหูของผมได้หายไปในพริบตา
ในที่สุดผมก็ลืมตาขึ้น กะพริบตาสองสามครั้ง ให้แน่ใจว่าผมยังอยู่ในสภาพปกติดี
แล้วผมก็พบว่าผมยังคงสมบูรณ์ดีดั่งเดิม ไม่มีรอยแผล หรือร่องรอยต่อสู้ปะทะใดๆทั้งสิ้น --
“คุณ” ผมพูดขึ้น จ้องมองริมฝีปากหยักที่โผล่พ้นมาจากเงามืดตรงหน้านั่น “คุณนี่เอง”
“เป็นฉันเอง” เธอตอบ
ผมส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจ” ผมว่า “ทำไมกัน --”
ทำไมเธอถึงตัดสินใจให้ข้อมูลนี้แก่ผม
แวบนั้นผมดำดิ่งเข้าไปในคลังข้อมูลมหาศาลที่ได้รับก่อนหน้านั้น แหวกว่ายไปในภาพ แสง สี เสียง และเรื่องราวทั้งหลาย
ภาพที่เธอถูกสร้างและประกอบกันจนเป็นความสมบูรณ์แบบ -- ภาพที่ชิ้นส่วนของเธอถูกรื้อแยกออกจากกันอีกครั้ง และอีกหลายร้อยครั้ง จนอวัยวะทุกส่วนแยกออกจากร่าง และคืนกลับสู่ความไม่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง -- แล้วหวนกลับประกอบกันใหม่เป็นความสมบูรณ์แบบอีกครั้งหนึ่ง --
วนซ้ำไปซ้ำมา ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนวินาทีหนึ่ง ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมตื่นตกใจ!
ภาพมีดที่แทงเข้ากับร่างของชายคนนั้น จนเลือดเจิ่งนองไปทั่วเวที!
ผมเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ
เสียงต่างๆเงียบหายไป และถูกแทนที่ด้วยใบหน้าอันขาวซีดของเธอ -- ที่กลับดูมีชีวิตยิ่งกว่าก่อนหน้า
แล้วผมก็ได้เห็นชีวิตหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้น --
ชีวิตใหม่ของเธอที่ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
และเรื่องราวที่เต็มไปด้วยชีวิตนั่นก็ทำให้ข้อมูลทั้งหลายไหลผ่านเข้ามาในร่างของผมอย่างรวดเร็ว บีบอัดระบบในหัวของผมแน่น จนผมสัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลมาตามจมูกของตนเอง
แล้วเมื่อเวลาผ่านไปถึงจุดหนึ่ง ข้อมูลทุกอย่างก็อยู่ที่ผมจนหมดสิ้น --
ตอนนั้นเองที่ทั้งผมและเธอต่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะ สบตามองกันผ่านความมืดสลัว --
แล้วผมก็ได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก
ดวงตาคู่โตที่เบิกกว้างนั่นอาบไปด้วยของเหลวสีแดง -- เช่นเดียวกันกับที่ปลายจมูก และริมฝีปากของเธอ -- ราวกับข้อมูลที่เธอส่งต่อมาให้ผมนั้นได้ทำลายอะไรบางอย่างในตัวเธอไป
ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“วันพรุ่งนี้ คุณจะจำเรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้ชั่วขณะ” ผมกระซิบ “ถ้าคุณส่งมอบมันให้ผมจนหมดเสียขนาดนี้”
แมกดาลีนไม่สนใจคำเตือนนั้น เธอเงยหน้าขึ้นสบตามองผม ก่อนจะบอกข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งเดียวของเธอออกมา “ฉันขอข้อแลกเปลี่ยนเพียงหนึ่งเดียว”
ผมนิ่งรอฟังเธอ โดยไม่ได้พูดแทรกใดๆออกมา
“ขอให้ฉันได้ขึ้นเวที” เธอบอก “ในคืนวันพรุ่งนี้ --”
ผมค่อยๆเช็ดของเลือดออกจากจมูกตนเอง ก่อนจะพินิจมองใบหน้าของเธอนิ่ง -- มองท่าทีอันอ่อนแรงของเธอที่ปลดซึ่งระบบป้องกันภัยใดๆในตัวเอง
“แผนการของคุณจะสำเร็จเป็นการแลกเปลี่ยน” เธอย้ำ “หลังจากนั้น เขาจะเป็นของคุณ -- คุณจะได้ตัวเขาไป”
คำขอของเธอเรียบง่ายกว่าที่ผมคิด
“อะไรทำให้ผมไว้ใจคุณได้ ว่าคุณจะไม่ทรยศผมในวันพรุ่งนี้” ผมถาม “ผมจะรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่แผนการหลอกให้ผมไปถูกทำลายทิ้งในโรงละครคืนพรุ่งนี้”
เธอมองผมด้วยดวงตาที่เปื้อนเลือด
“อะไรจะทำให้ผมแน่ใจได้ว่าคุณจะไม่ส่งคนมาลอบจับผมในโรงละคร” ผมถามต่อไป “ในเมื่อตอนนี้หุ่นกบฏเองก็ถูกพวกหุ่นในเครือข่ายลอบกำจัดกันเอง และส่งอะไหล่ขายไปในตลาดมืดไม่ใช่หรือ --”
เธอดูประหลาดใจที่ผมรู้ข้อมูลนั้น
“ใช่ หุ่นกบฏก็ถูกหุ่นด้วยกันกำจัดทิ้ง -- ในแบบเดียวกันกับที่มนุษย์กำจัดหุ่น -- ดูเหมือนมันจะไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่” เธอตอบ “แต่ฉันเป็นคนรักษาคำพูดของตัวเอง และวิธีเดียวที่คุณจะรู้ได้ว่าฉันโกหกไหมนั้น ก็คือมาที่นี่ ก่อนค่ำในวันพรุ่งนี้”
เธอค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น
“มาพร้อมกับกุหลาบ” เธอบอก “แล้วไปโรงละครกับฉันในฐานะคู่ควง -- วิธีนั้นคุณจะไปโรงละครพร้อมกับฉันได้ -- และชื่อของฉันในระบบจะทำให้คุณผ่านเข้าไปข้างในได้”
ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีแดงคู่นั้นอยู่นาน พยายามอ่านความคิดของเธอที่ปิดกั้นด้วยกำแพงสูงจนน่ากลัว
“แล้วอะไรทำให้คุณมั่นใจ ว่าคุณเชื่อผมได้” ผมกระซิบถาม “อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะไม่ทำร้ายคุณ”
เธอส่ายหน้าช้าๆ “เพราะคุณสัญญากับฉันแล้ว -- ไม่ใช่หรือ”
ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อเธอ
ผมต้องเชื่อว่าเธอจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่ผม
แล้วชื่อหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในระบบของผม
แมกดาลีน