ฉันทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ที่ตั้งไว้ริมสระน้ำ อย่างเหนื่อยล้า จากการต้อนรับและลงทะเบียนรายชื่อผู้เข้าประชุม การสัมมนาในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้ร่วมประชุมกันอย่างล้นหลาม ลมทะเลยามเย็น โชยมาปะทะใบหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่น ขึ้นมาเล็กน้อย พลันสายตา มองไปยังส่วนชายหาดที่ติดกับสระน้ำ ไปเห็น คุณภาคภูมิ ที่คอยกำกับ การตกแต่ง บูทรีสอร์ตของตัวเอง อีกบูทหนึ่ง ที่จัดไว้ตรงบริเวณชายหาด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มี โอกาสร่วมกิจกรรมที่ชายหาด ข้างนอกห้องประชุม
จะว่าไปแล้ว คุณภาคภูมิ ก็ดูดี ร่างสูงโปร่ง กำลังดี ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตลายดอก และกางเกงขายาวกากี ทำให้ดูภูมิฐาน สมกับเป็นประธานบริษัท อสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ ใบหน้าคมสัน ดูคมคาย ไม่บูดบึ้ง อย่างที่ฉันเคยเห็น แต่กลับมีรอยยิ้ม และพูดคุยเล่นหัวกับพนักงานของตนอย่างไม่ถือตัว และฉันคงมองเขานานเกินไป ทำให้ คนที่ถูกมอง หันกลับมามองฉันบ้าง ฉันจึงส่งยิ้มไปให้
“คุณหมอกมาทำอะไรอยู่ที่นี่ครับ” ภาคภูมิเดินตรงเข้ามาทัก
“พอลงทะเบียนผู้เข้าประชุมสัมมนาคนสุดท้าย หมอกก็รีบขอตัวมา พักเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” ฉันกล่าวขันๆ ทำให้ใบหน้าคมสัน มีรอยยิ้มสดใสขึ้นมาทันที
“คุณหมอกนี่ดูท่าทาง คุยสนุก และมีอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลานะครับ” เขาทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน
“มิน่าคุณจักร พักนี้อารมณ์ถึงได้ดีขึ้นเยอะ เพราะปกติ คนนั้นเขาซีเรียสอยู่ตลอดเวลา”
“เหรอคะ แต่ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนั้นเลยนะคะ” ฉันกล่าว ก่อนที่จะถามกลับว่า
“คุณภาครู้จักกับคุณจักร นานแล้วหรือคะ”
“ผม รู้จักกับคุณจักร กับคุณอ่อน มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วครับ คุณยายของผม กับคุณย่าของคุณจักร เป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไปวิ่งเล่นบ้านนั้นบ่อยๆ ตั้งแต่เล็กๆ” ดวงตาคมของคนพูด จ้องมองไปที่ขอบฟ้ายามเย็น เหมือนกับพยายามทบทวนอดีต ถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“พอคุณจักรถูกส่งไปเรียนที่เมืองนอก ก็เหลือแต่ผมกับคุณอ่อน ที่ไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ”
“คุณรักคุณอ่อนมากใช่ไหมคะ” ฉันไม่จำเป็นต้องเดา เพราะใบหน้า ที่กล่าวถึงภรรยาของเขา ช่างอ่อนละมุน แต่ดวงตากลับมีแววเศร้าลึก
“ผมรักเธอมากเหลือเกิน รักมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่เคยรักผมเลยแม้แต่น้อย” เขาถอนใจยาวอีกครั้ง
“ไม่ว่าผมจะทำตัวดี หรือจะทำตัวเลว ผมก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยสักนิด” ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ที่ทำให้ในที่สุดเขาก็โพล่งออกมา กับเรื่องที่รบกวนใจเขามากที่สุด
“คุณอ่อน เธอก็คงรักคุณนะคะ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะแต่งงานกับคุณทำไมคะ” ฉันพูดปลอบใจ หวังว่าจะทำให้เขาสบายใจขึ้น แต่มันดันกลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
“ที่เธอแต่งงานกับผม เพราะเธอขัดใจคุณย่าของเธอไม่ได้นะสิครับ” ภาคภูมิถอนใจยาว
“มันคงไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงหรอกค่ะ มันอะไรจะ นิยายขนาดนั้นคะ” ฉันแสร้งพูดขำๆ อยากให้เขาสบายใจขึ้น
“แต่เรื่องของเรา นี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าอีกคุณ” เขาหันมามองสบตาฉันนิ่ง จนฉันเห็นแวววิบวับในดวงตา ก่อนที่จะค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ ว่า
“ผมว่า คุณกับผม บางทีก็อาจจะลงเรือลำเดียวกัน”
“มานั่งทำอะไรตรงนี้จ้ะ เมียจ๋า” เสียงทักดังใกล้ใบหู ก่อนที่ใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครา ปะทะใบหน้าฉันเบาๆ
“แก้มหอมชื่นใจจริงๆ เลยเมียผม” คนพูดดูเหมือนจะจงใจพูดเน้นคำ เพื่อประชดใครหรืออย่างไร ก็ไม่รู้ได้
“คุณจักร” ฉันหันไปมองเจ้าของเสียง ที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ฉันอย่างเร็ว ก่อนที่จะดึงตัวฉันไป โอบกอดเบาๆ
“มาได้ยังไงคะเนี่ย ตกใจหมดเลย” ฉันหันไปตีที่ต้นแขนแข็งแรงของเขาเบาๆ ที่ยังเกาะโอบไหล่ฉันไว้ โดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“มากับผู้กองพันวา กับจ่าพร้อยจ้า เมียจ๋า”
เขาพยักหน้า ไปยังนายทหารนอกเครื่องแบบสองนาย ที่กำลังยืนยิ้ม พูดคุยก้อร่อก้อติกสาวๆ บริเวณสระว่ายน้ำ ก่อนจะหันไปทักชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
“ต้องขอบคุณคุณภาค ที่ช่วยเอ็นเตอร์เทน เมียผม ตอนที่ผมไม่อยู่ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ เพราะผมจะทำหน้าที่นี้เอง”
คนพูดเอ่ยเสียงแข็งกับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม ดวงตาคมของจักรินทร์ จ้องไปสบดวงตานิ่งของเขา พร้อมใบหน้าเปลี่ยนเป็นเครียดขึงขึ้นมา อย่างที่จักรินทร์ไม่แม้แต่จะคิด ปกปิดอาการของเขาแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับคุณหมอก” ใบหน้าของภาคภูมิ ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส กลายเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันทีเหมือนกัน ก่อนที่จะขอตัว และเดินจากไป
“คุณไปพูดแขวะเขาทำไม คุณจักรนี่ไม่ได้เรื่องเลย” ฉันตีเข้าที่ต้นแขนของ.. สามี.. อีกครั้ง
“ผมไม่ไว้ใจนายแมวขโมยนั่น ” คนพูด พูดอย่างจริงจังใบหน้าเครียด
“สวัสดีครับคุณหมอก” ผู้กองพันวา กล่าวทักเสียงใส ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งพร้อมจ่าพร้อย
“สวัสดีค่ะ มากันยังไงคะเนื่ย พร้อมหน้า พร้อมตา สามทหารเสือเลย เอ๊ะๆ หรือว่า ผู้กองพันวาจะมาเป็นวิทยากร ที่ทางกรมทหารเรือส่งมาร่วมสัมมนาด้วยคะ”
“ถูกต้องครับผม” คนตอบทำหน้า ทะเล้นกลับมา
“คุณหมอกคาดไม่ถึงล่ะสิครับ ที่คนอย่างผม จะสามารถทำอะไร เป็นงานเป็นการ มีความรู้ทางวิชาการกับเขาด้วย”
“แหม หมอกไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย ค่ะ เพียงแต่ว่า ทางกรมทหารเรือ ไม่ได้ให้รายชื่อวิทยากรมาคะ”
“ปกติผู้กองก็ไม่ค่อยเป็นงาน เป็นการหรอกครับ ก็ถูกแล้วที่คุณนายผู้พันหมอก ที่จะคิดไม่ถึง” จ่าพร้อยยื่นหน้าเข้ามาพูด แต่รีบลุกขึ้นทันที เมื่อผู้กองตวาดกลับเสียงห้วนว่า
“ไอ้พร้อย... เดี๋ยวเอ็งกับข้า.. จะไม่ได้กลับเรือลำเดียวกันหรอกเอ็งนี่” ผู้กองพันวา ออกท่าเต้นแร้งเต้นกา ทำท่าจะไล่เตะจ่าพร้อยที่เร่ ไปไกลก่อนที่จะตะโกนมาบอกว่า
“ไม่ต้องห่วงพร้อยนะผู้กอง พร้อยจะไปดูสาวๆ ทางนู้นก่อน”
“ดูมันทะลึ่งนัก” ผู้กองพันวาหัวเราะ แล้วหันมาพูดว่า
“ผมก็คงต้องขอตัวก่อนนะครับคุณหมอก เดี๋ยวจ่าพร้อยจะไปทำคะแนนกับสาวๆ ก่อนผม” ว่าแล้วก็ขอตัววิ่งตาม จ่าพร้อยไป
“ดูท่าสองคนนั้น จะอยู่เกาะนานไปหน่อย พอได้ออกมาขึ้นฝั่งก็เฟี้ยวกันน่าดู”
จักรินทร์หัวเราะเสียงดัง อดขำไม่ได้กับทีท่าเพื่อนชาย ที่พยายามอย่างยิ่ง จะชวนคุยกับสาวๆ ชาวฝรั่ง ที่สระว่ายน้ำ
“ส่วนผมนี่ อยู่ที่เกาะแค่อาทิตย์เดียว โดยที่ไม่มีคุณ ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ใจมันมัวคิดถึงแต่คนทางนี้” คนพูดยื่นหน้ามาจนชิด ทำให้ฉันผลุดลุกขึ้นอย่างเร็ว
“ใครคะ คนทางนี้ที่คิดถึงน่ะ”
... เอาล่ะสิ อารมณ์เพชรหึงของฉัน ตีขึ้นมารำไรๆ...
“ก็คุณ เมียของผมสิครับ จะให้ผมคิดถึงใครได้” เขาคว้าตัวฉันเข้าไปกอดแน่นๆ อีกครั้ง
“คุณจักร อายคนอื่นไหมเนี่ย คนเยอะแยะ อย่าทำอะไร ให้มันรุ่มร่ามนักสิคะ”
“นั่นสิ จะทำอะไร ให้มันไว้หน้าฉันบ้าง” เสียงห้วนดัง อย่างทรงอำนาจ ทำให้เราทั้งสองหันกลับไปมอง หญิงชราเจ้าของต้นเสียงนั้น ที่กำลังเดินตรงมาทางเราอย่างช้าๆ
“คุณย่า” จักรินทร์ เอ่ยทักอย่างตกใจ ที่เห็นผู้เป็นย่าของตน
“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ หญิงสูงอายุพร้อมๆ กันกับฉัน ดวงตาคมทำท่ามองเมินไม่สบตา ดวงตาสวยของหญิงสาวอ่อนวัย ที่เดินประคองหญิงสูงวัยเข้ามาใกล้
“คุณย่ามาถึงนานแล้วหรือครับ ผมไม่ทราบว่า คุณย่าก็มางานสัมมนากับเขาด้วย”
จักรินทร์ถาม ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ขยับเก้าอี้ให้ผู้เป็นย่า เมื่อคุณหญิงจารุวรรณทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ ทำให้ทั้งสองคน ทรุดตัวลงนั่งด้วยเช่นกัน
“มาตั้งแต่สายๆ แล้วล่ะ แต่ใครบางคนไม่โผล่หน้ามาให้เห็น คนแบบนี้หรือ ที่จะให้มาเป็นหลานสะใภ้” คนพูดแขวะฉัน ก่อนที่จะนั่งทำหน้าเชิด คอตั้ง
“หมอกต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่เสียมารยาท เผอิญว่า หมอกรับหน้าที่ ต้อนรับและลงทะเบียนแขกค่ะ” ฉันยกมือไหว้ขอโทษ แต่คุณหญิงจารุวรรณหาได้แคร์ไม่
“นั่นสิครับคุณย่า หมอก เขาก็มีหน้าที่ ที่ต้องทำ ผมคิดว่าคุณย่า ก็ไม่ได้มาที่นี่ ในฐานะผู้ร่วมประชุมสัมมนาสักหน่อย ถ้าจะให้เดา ผมว่าคุณย่าน่าจะมาอวดหลานเขย มหาเศรษฐีซะมากกว่า”
“ตาจักร” คุณหญิงจารุวรรณเรียกชื่อหลานชาย ห้วนสั่น ด้วยความโมโห
“อย่าระรานคนอื่นให้มันมากนัก ตอนที่อยู่กับฉัน แก ไม่เคยทำนิสัย แบบนี้ สงสัยคงจะอยู่กับคนชั้นต่ำมากเกินไป นิสัยถึงได้ กักขฬะขนาดนี้”
“คุณย่าคะ” อรุณฉายเอ่อปรามผู้สูงอายุกว่าเบาๆ
“ที่จริงผมก็ไม่ได้สูงส่งอะไรนักหนาหรอกครับคุณย่า ผมมันก็แค่คนจน คนธรรมดา ไม่เลิศเลออย่างใครๆ เขา ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
"เดี๋ยวก่อนสิคะพี่จักร เพิ่งมาถึงแท้ๆ ยังไม่ได้คุยกับอ่อนเลย" อรุณฉายเอื้อมมือไปคว้าข้อมือ ของพี่ชายที่รักของเธอ เพื่อรั้งไว้ก่อนที่คนร่างสูง ที่ทำหน้าตึง ก่อนที่จะดันตัวลุกขึ้นยืน
"เอาไว้คุยกันวันหลังก็แล้วกัน พี่ขอตัวก่อน"
คนพูดเอามือไปดึงมือเรียวบางของน้องสาว ที่ยึดข้อมือของเขาเหนียวแน่น อย่างกับตีนตุ๊กแก ให้หลุดออกอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะดันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งดึงตัวฉันลุกขึ้นยืนด้วย แล้วก็เดินออกมาจากที่ตรงนั้น ราวกับจะวิ่งหนีใครบางคน ทำให้ฉันต้องกึ่งวิ่ง กึ่งเดินตามเขามาไวๆ ซึ่งเมื่อเราเดินมานานไกลพอสมควร จักรินทร์จึงหยุดเดิน และถอนหายใจถี่ๆ อยู่หลายครั้ง เพื่อสงบอารมณ์ขุ่นมัวของเขา ก่อนที่จะหันมามองฉัน ที่เดินตามหลังเขาเงียบๆ จักรินทร์ยิ้มเฝื่อนๆ ให้ฉันก่อนที่จะเดินมาจับมือของฉัน
“ผมขอโทษนะ ที่คุณย่าพูดไม่ดีกับคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หมอกเข้าใจ”
“ผมช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เมียดีๆ อย่างคุณ” จักรินทร์พูดก่อนที่จะดึงฉันเข้าไปกอด
“คุณโอเคไหมคะ” ฉันถามเบาๆ ทำให้เขาดันตัวฉันออก แล้วจ้องหน้าฉันชั่วครู่ ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน
“โอเคสิ.. โอเคมาก...”
เขาตอบและฝืนยิ้มให้ฉันแต่ดวงตาที่มองมา ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่าทางของเขาแสดงสักนิด คนที่ได้ชื่อว่าสามี ดึงฉันเข้ากอดอีกครั้ง ทำให้ฉันแอบลอบถอนหายใจ
เพราะถึงแม้ว่าฉันจะรู้แล้วว่า เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่า ... คู่ผัวเมียถูกต้องตามกฎหมาย ... แต่จะให้ฉันผลักไสเขาไป หรือทำตัวเป็นคนแปลกหน้าใส่เขาในตอนนี้ ฉันก็ยังทำใจไม่ได้...
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดว่า มันย่อมจะมีวันหนึ่งที่เราสองคนต้อง หาบทสรุปให้กับความสัมพันธ์ของเราให้ได้ แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น...
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 25
จะว่าไปแล้ว คุณภาคภูมิ ก็ดูดี ร่างสูงโปร่ง กำลังดี ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป ในชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตลายดอก และกางเกงขายาวกากี ทำให้ดูภูมิฐาน สมกับเป็นประธานบริษัท อสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ ใบหน้าคมสัน ดูคมคาย ไม่บูดบึ้ง อย่างที่ฉันเคยเห็น แต่กลับมีรอยยิ้ม และพูดคุยเล่นหัวกับพนักงานของตนอย่างไม่ถือตัว และฉันคงมองเขานานเกินไป ทำให้ คนที่ถูกมอง หันกลับมามองฉันบ้าง ฉันจึงส่งยิ้มไปให้
“คุณหมอกมาทำอะไรอยู่ที่นี่ครับ” ภาคภูมิเดินตรงเข้ามาทัก
“พอลงทะเบียนผู้เข้าประชุมสัมมนาคนสุดท้าย หมอกก็รีบขอตัวมา พักเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” ฉันกล่าวขันๆ ทำให้ใบหน้าคมสัน มีรอยยิ้มสดใสขึ้นมาทันที
“คุณหมอกนี่ดูท่าทาง คุยสนุก และมีอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลานะครับ” เขาทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน
“มิน่าคุณจักร พักนี้อารมณ์ถึงได้ดีขึ้นเยอะ เพราะปกติ คนนั้นเขาซีเรียสอยู่ตลอดเวลา”
“เหรอคะ แต่ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนั้นเลยนะคะ” ฉันกล่าว ก่อนที่จะถามกลับว่า
“คุณภาครู้จักกับคุณจักร นานแล้วหรือคะ”
“ผม รู้จักกับคุณจักร กับคุณอ่อน มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วครับ คุณยายของผม กับคุณย่าของคุณจักร เป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไปวิ่งเล่นบ้านนั้นบ่อยๆ ตั้งแต่เล็กๆ” ดวงตาคมของคนพูด จ้องมองไปที่ขอบฟ้ายามเย็น เหมือนกับพยายามทบทวนอดีต ถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“พอคุณจักรถูกส่งไปเรียนที่เมืองนอก ก็เหลือแต่ผมกับคุณอ่อน ที่ไปมาหาสู่กันอย่างสม่ำเสมอ”
“คุณรักคุณอ่อนมากใช่ไหมคะ” ฉันไม่จำเป็นต้องเดา เพราะใบหน้า ที่กล่าวถึงภรรยาของเขา ช่างอ่อนละมุน แต่ดวงตากลับมีแววเศร้าลึก
“ผมรักเธอมากเหลือเกิน รักมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่เคยรักผมเลยแม้แต่น้อย” เขาถอนใจยาวอีกครั้ง
“ไม่ว่าผมจะทำตัวดี หรือจะทำตัวเลว ผมก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยสักนิด” ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ที่ทำให้ในที่สุดเขาก็โพล่งออกมา กับเรื่องที่รบกวนใจเขามากที่สุด
“คุณอ่อน เธอก็คงรักคุณนะคะ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะแต่งงานกับคุณทำไมคะ” ฉันพูดปลอบใจ หวังว่าจะทำให้เขาสบายใจขึ้น แต่มันดันกลับไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
“ที่เธอแต่งงานกับผม เพราะเธอขัดใจคุณย่าของเธอไม่ได้นะสิครับ” ภาคภูมิถอนใจยาว
“มันคงไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงหรอกค่ะ มันอะไรจะ นิยายขนาดนั้นคะ” ฉันแสร้งพูดขำๆ อยากให้เขาสบายใจขึ้น
“แต่เรื่องของเรา นี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าอีกคุณ” เขาหันมามองสบตาฉันนิ่ง จนฉันเห็นแวววิบวับในดวงตา ก่อนที่จะค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ ว่า
“ผมว่า คุณกับผม บางทีก็อาจจะลงเรือลำเดียวกัน”
“มานั่งทำอะไรตรงนี้จ้ะ เมียจ๋า” เสียงทักดังใกล้ใบหู ก่อนที่ใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครา ปะทะใบหน้าฉันเบาๆ
“แก้มหอมชื่นใจจริงๆ เลยเมียผม” คนพูดดูเหมือนจะจงใจพูดเน้นคำ เพื่อประชดใครหรืออย่างไร ก็ไม่รู้ได้
“คุณจักร” ฉันหันไปมองเจ้าของเสียง ที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ฉันอย่างเร็ว ก่อนที่จะดึงตัวฉันไป โอบกอดเบาๆ
“มาได้ยังไงคะเนี่ย ตกใจหมดเลย” ฉันหันไปตีที่ต้นแขนแข็งแรงของเขาเบาๆ ที่ยังเกาะโอบไหล่ฉันไว้ โดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“มากับผู้กองพันวา กับจ่าพร้อยจ้า เมียจ๋า”
เขาพยักหน้า ไปยังนายทหารนอกเครื่องแบบสองนาย ที่กำลังยืนยิ้ม พูดคุยก้อร่อก้อติกสาวๆ บริเวณสระว่ายน้ำ ก่อนจะหันไปทักชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
“ต้องขอบคุณคุณภาค ที่ช่วยเอ็นเตอร์เทน เมียผม ตอนที่ผมไม่อยู่ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ เพราะผมจะทำหน้าที่นี้เอง”
คนพูดเอ่ยเสียงแข็งกับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม ดวงตาคมของจักรินทร์ จ้องไปสบดวงตานิ่งของเขา พร้อมใบหน้าเปลี่ยนเป็นเครียดขึงขึ้นมา อย่างที่จักรินทร์ไม่แม้แต่จะคิด ปกปิดอาการของเขาแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับคุณหมอก” ใบหน้าของภาคภูมิ ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส กลายเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันทีเหมือนกัน ก่อนที่จะขอตัว และเดินจากไป
“คุณไปพูดแขวะเขาทำไม คุณจักรนี่ไม่ได้เรื่องเลย” ฉันตีเข้าที่ต้นแขนของ.. สามี.. อีกครั้ง
“ผมไม่ไว้ใจนายแมวขโมยนั่น ” คนพูด พูดอย่างจริงจังใบหน้าเครียด
“สวัสดีครับคุณหมอก” ผู้กองพันวา กล่าวทักเสียงใส ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งพร้อมจ่าพร้อย
“สวัสดีค่ะ มากันยังไงคะเนื่ย พร้อมหน้า พร้อมตา สามทหารเสือเลย เอ๊ะๆ หรือว่า ผู้กองพันวาจะมาเป็นวิทยากร ที่ทางกรมทหารเรือส่งมาร่วมสัมมนาด้วยคะ”
“ถูกต้องครับผม” คนตอบทำหน้า ทะเล้นกลับมา
“คุณหมอกคาดไม่ถึงล่ะสิครับ ที่คนอย่างผม จะสามารถทำอะไร เป็นงานเป็นการ มีความรู้ทางวิชาการกับเขาด้วย”
“แหม หมอกไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย ค่ะ เพียงแต่ว่า ทางกรมทหารเรือ ไม่ได้ให้รายชื่อวิทยากรมาคะ”
“ปกติผู้กองก็ไม่ค่อยเป็นงาน เป็นการหรอกครับ ก็ถูกแล้วที่คุณนายผู้พันหมอก ที่จะคิดไม่ถึง” จ่าพร้อยยื่นหน้าเข้ามาพูด แต่รีบลุกขึ้นทันที เมื่อผู้กองตวาดกลับเสียงห้วนว่า
“ไอ้พร้อย... เดี๋ยวเอ็งกับข้า.. จะไม่ได้กลับเรือลำเดียวกันหรอกเอ็งนี่” ผู้กองพันวา ออกท่าเต้นแร้งเต้นกา ทำท่าจะไล่เตะจ่าพร้อยที่เร่ ไปไกลก่อนที่จะตะโกนมาบอกว่า
“ไม่ต้องห่วงพร้อยนะผู้กอง พร้อยจะไปดูสาวๆ ทางนู้นก่อน”
“ดูมันทะลึ่งนัก” ผู้กองพันวาหัวเราะ แล้วหันมาพูดว่า
“ผมก็คงต้องขอตัวก่อนนะครับคุณหมอก เดี๋ยวจ่าพร้อยจะไปทำคะแนนกับสาวๆ ก่อนผม” ว่าแล้วก็ขอตัววิ่งตาม จ่าพร้อยไป
“ดูท่าสองคนนั้น จะอยู่เกาะนานไปหน่อย พอได้ออกมาขึ้นฝั่งก็เฟี้ยวกันน่าดู”
จักรินทร์หัวเราะเสียงดัง อดขำไม่ได้กับทีท่าเพื่อนชาย ที่พยายามอย่างยิ่ง จะชวนคุยกับสาวๆ ชาวฝรั่ง ที่สระว่ายน้ำ
“ส่วนผมนี่ อยู่ที่เกาะแค่อาทิตย์เดียว โดยที่ไม่มีคุณ ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ใจมันมัวคิดถึงแต่คนทางนี้” คนพูดยื่นหน้ามาจนชิด ทำให้ฉันผลุดลุกขึ้นอย่างเร็ว
“ใครคะ คนทางนี้ที่คิดถึงน่ะ”
... เอาล่ะสิ อารมณ์เพชรหึงของฉัน ตีขึ้นมารำไรๆ...
“ก็คุณ เมียของผมสิครับ จะให้ผมคิดถึงใครได้” เขาคว้าตัวฉันเข้าไปกอดแน่นๆ อีกครั้ง
“คุณจักร อายคนอื่นไหมเนี่ย คนเยอะแยะ อย่าทำอะไร ให้มันรุ่มร่ามนักสิคะ”
“นั่นสิ จะทำอะไร ให้มันไว้หน้าฉันบ้าง” เสียงห้วนดัง อย่างทรงอำนาจ ทำให้เราทั้งสองหันกลับไปมอง หญิงชราเจ้าของต้นเสียงนั้น ที่กำลังเดินตรงมาทางเราอย่างช้าๆ
“คุณย่า” จักรินทร์ เอ่ยทักอย่างตกใจ ที่เห็นผู้เป็นย่าของตน
“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ หญิงสูงอายุพร้อมๆ กันกับฉัน ดวงตาคมทำท่ามองเมินไม่สบตา ดวงตาสวยของหญิงสาวอ่อนวัย ที่เดินประคองหญิงสูงวัยเข้ามาใกล้
“คุณย่ามาถึงนานแล้วหรือครับ ผมไม่ทราบว่า คุณย่าก็มางานสัมมนากับเขาด้วย”
จักรินทร์ถาม ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ขยับเก้าอี้ให้ผู้เป็นย่า เมื่อคุณหญิงจารุวรรณทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ ทำให้ทั้งสองคน ทรุดตัวลงนั่งด้วยเช่นกัน
“มาตั้งแต่สายๆ แล้วล่ะ แต่ใครบางคนไม่โผล่หน้ามาให้เห็น คนแบบนี้หรือ ที่จะให้มาเป็นหลานสะใภ้” คนพูดแขวะฉัน ก่อนที่จะนั่งทำหน้าเชิด คอตั้ง
“หมอกต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่เสียมารยาท เผอิญว่า หมอกรับหน้าที่ ต้อนรับและลงทะเบียนแขกค่ะ” ฉันยกมือไหว้ขอโทษ แต่คุณหญิงจารุวรรณหาได้แคร์ไม่
“นั่นสิครับคุณย่า หมอก เขาก็มีหน้าที่ ที่ต้องทำ ผมคิดว่าคุณย่า ก็ไม่ได้มาที่นี่ ในฐานะผู้ร่วมประชุมสัมมนาสักหน่อย ถ้าจะให้เดา ผมว่าคุณย่าน่าจะมาอวดหลานเขย มหาเศรษฐีซะมากกว่า”
“ตาจักร” คุณหญิงจารุวรรณเรียกชื่อหลานชาย ห้วนสั่น ด้วยความโมโห
“อย่าระรานคนอื่นให้มันมากนัก ตอนที่อยู่กับฉัน แก ไม่เคยทำนิสัย แบบนี้ สงสัยคงจะอยู่กับคนชั้นต่ำมากเกินไป นิสัยถึงได้ กักขฬะขนาดนี้”
“คุณย่าคะ” อรุณฉายเอ่อปรามผู้สูงอายุกว่าเบาๆ
“ที่จริงผมก็ไม่ได้สูงส่งอะไรนักหนาหรอกครับคุณย่า ผมมันก็แค่คนจน คนธรรมดา ไม่เลิศเลออย่างใครๆ เขา ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
"เดี๋ยวก่อนสิคะพี่จักร เพิ่งมาถึงแท้ๆ ยังไม่ได้คุยกับอ่อนเลย" อรุณฉายเอื้อมมือไปคว้าข้อมือ ของพี่ชายที่รักของเธอ เพื่อรั้งไว้ก่อนที่คนร่างสูง ที่ทำหน้าตึง ก่อนที่จะดันตัวลุกขึ้นยืน
"เอาไว้คุยกันวันหลังก็แล้วกัน พี่ขอตัวก่อน"
คนพูดเอามือไปดึงมือเรียวบางของน้องสาว ที่ยึดข้อมือของเขาเหนียวแน่น อย่างกับตีนตุ๊กแก ให้หลุดออกอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะดันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งดึงตัวฉันลุกขึ้นยืนด้วย แล้วก็เดินออกมาจากที่ตรงนั้น ราวกับจะวิ่งหนีใครบางคน ทำให้ฉันต้องกึ่งวิ่ง กึ่งเดินตามเขามาไวๆ ซึ่งเมื่อเราเดินมานานไกลพอสมควร จักรินทร์จึงหยุดเดิน และถอนหายใจถี่ๆ อยู่หลายครั้ง เพื่อสงบอารมณ์ขุ่นมัวของเขา ก่อนที่จะหันมามองฉัน ที่เดินตามหลังเขาเงียบๆ จักรินทร์ยิ้มเฝื่อนๆ ให้ฉันก่อนที่จะเดินมาจับมือของฉัน
“ผมขอโทษนะ ที่คุณย่าพูดไม่ดีกับคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หมอกเข้าใจ”
“ผมช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เมียดีๆ อย่างคุณ” จักรินทร์พูดก่อนที่จะดึงฉันเข้าไปกอด
“คุณโอเคไหมคะ” ฉันถามเบาๆ ทำให้เขาดันตัวฉันออก แล้วจ้องหน้าฉันชั่วครู่ ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน
“โอเคสิ.. โอเคมาก...”
เขาตอบและฝืนยิ้มให้ฉันแต่ดวงตาที่มองมา ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่าทางของเขาแสดงสักนิด คนที่ได้ชื่อว่าสามี ดึงฉันเข้ากอดอีกครั้ง ทำให้ฉันแอบลอบถอนหายใจ
เพราะถึงแม้ว่าฉันจะรู้แล้วว่า เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่า ... คู่ผัวเมียถูกต้องตามกฎหมาย ... แต่จะให้ฉันผลักไสเขาไป หรือทำตัวเป็นคนแปลกหน้าใส่เขาในตอนนี้ ฉันก็ยังทำใจไม่ได้...
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดว่า มันย่อมจะมีวันหนึ่งที่เราสองคนต้อง หาบทสรุปให้กับความสัมพันธ์ของเราให้ได้ แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น...