ห้องทำงานของเอกภพเต็มไปด้วยเอกสารกองพะเนิน แสงโคมไฟตั้งโต๊ะส่องกระทบหน้าตาเคร่งเครียดของชายหนุ่ม เขาหยิบแฟ้มบางอย่างที่ส่งมาจากบรรจงขึ้นมาเปิด
ภายในมีสำเนาเอกสารทางราชการ รวมถึงใบสมัครงานของอรสา และรายการนำเข้าสิ้นค้าของหญิงชื่อ “วิภา สินธวานนท์”
เอกภพหยิบเอกสารลายมือของอรสาที่แอบฉกมาระหว่างที่เขาไปบ้านวรภักด์ ขึ้นมาเพ่งดู แล้วเปรียบเทียบลายมือในเอกสารของวิภา
เอกภพ (พึมพำ):
“ลายมือเหมือนกัน…แถมยังเป็นคนถนัดซ้ายเหมือนกันเสียด้วย”
เขาหยิบภาพถ่ายจากอีกแฟ้ม เป็นภาพหญิงสาววัยรุ่นในชุดนักเรียนหญิงหน้าตามีเค้าโครงหน้าที่คล้ายอรสาอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาค่อย ๆ เทียบใบหน้าในภาพกับใบหน้าของอรสาในรูปปัจจุบัน
เอกภพ (เสียงเบา):
“อรสากับวิภางั้นเหรอ บางทีสองคนนี้อาจมีอะไรเชื่อมโยงถึงกัน… น่าสนใจๆ“
เขาพิงพนักเก้าอี้เงียบ ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
อรสานั่งนิ่งอยู่หน้ากระจก แต่งหน้าแต่งตาเล็กน้อยตามประสาโดยไม่ใยดีวรรณภพที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียง
เธอหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ใต้เตียงขึ้นมา เปิดมันออกอย่างระมัดระวัง
ภายในมีเศษภาพถ่ายเก่า ๆ ที่ถูกฉีกจนขาดครึ่ง
เธอหยิบภาพเหล่านั้นมาต่อช้า ๆ
ทีละเศษ ทีละชิ้น
ในที่สุด…ภาพที่ได้คือครอบครัวหนึ่ง — ชายหญิงคู่หนึ่งกับเด็กสาวในชุดนักเรียนที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน
อรสา (เสียงในใจ):
“พ่อ…แม่…หนูขอโทษ…”
ภาพตัดสลับกับความทรงจำในอดีต — คืนที่บ้านถูกไฟไหม้
เสียงกรีดร้อง…เปลวเพลิง…เงาชายคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ด้วยสายตาเย็นชา
เธอหลับตาลงแน่น น้ำตาไหลรินอย่างเงียบงัน
ณ สำนักงานเอกภพสืบสวน
ทั้งบรรจงและเยาวภาต่างก็กำลังเตรียมเก็บของจะกลับบ้านหลังจากที่ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากโกดังร้าง
บรรจง (สีหน้าเคร่งเครียด):
“เธอจำศพผู้หญิงที่สวนสาธารณะ ที่มีคุณเอกภพอยู่ในเหตุการด้วยได้ไหม?“
อยู่ๆเขาก็โพล่งถามขึ้นมาในระหว่างที่กำลังเก็บเอกสารเข้ากระเป๋า
เยาวภาหันขวับ
เยาวภา:
“ใช่สิ ฉันลืมไปเสียสนิท เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยเหรอ?”
บรรจง
ป่าวหรอก ฉันแค่รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมไม่มีข่าวการตายในสวนวันนั้นเลยสักฉบับ ไม่ว่าจะหน้าหนึ่งหรือหน้าสุดท้าย หนังสือพิมพ์ทั้งเมืองกลับเงียบสนิท ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
บรรจงมองเยาวภา ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
บรรจง:
“ศพคนหนึ่ง…หายไปจากสายตาทั้งเมืองได้ยังไง? เว้นแต่ว่าจะมีใคร…สั่งให้มันเงียบ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบราวกับนัดกันไว้
ก่อนที่ใครบางจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
เยาวภา:
“คนที่ชื่อวิภา เธอเคยทำงานที่กรมศุลกากรจริง ๆเหรอคะบรรจง’”
บรรจง:
“ใช่ เอกภพคงทราบแล้ว ฉันเพิ่งส่งแฟ้มไปให้เขาเมื่อกี๊”
เยาวภา (เสียงเบา):
“แล้วเธอคนนี้มีความสำคัญอะไรนอกจากเรื่องการนำเข้าสารหนู แล้วเธอเกี่ยวข้องอะไรกับคุณอรสา ฉันงงไปหมดแล้ว“
บรรจง :
“เธอนี่มันช่างสงสัยเสียจริงนะแม่เยา ฉันยังบอกอะไรเธอตอนนี้ไม่ได้หรอก จนกว่าเรื่องราวจะชัดเจน ถึงตอนนั้นเราก็คงได้รู้มันจากปากของคุณเอกภพนั้นแหละ”
พิษสวาท อำพราง บทที่ 33: เงื่อนงำในอดีต
ภายในมีสำเนาเอกสารทางราชการ รวมถึงใบสมัครงานของอรสา และรายการนำเข้าสิ้นค้าของหญิงชื่อ “วิภา สินธวานนท์”
เอกภพหยิบเอกสารลายมือของอรสาที่แอบฉกมาระหว่างที่เขาไปบ้านวรภักด์ ขึ้นมาเพ่งดู แล้วเปรียบเทียบลายมือในเอกสารของวิภา
เอกภพ (พึมพำ):
“ลายมือเหมือนกัน…แถมยังเป็นคนถนัดซ้ายเหมือนกันเสียด้วย”
เขาหยิบภาพถ่ายจากอีกแฟ้ม เป็นภาพหญิงสาววัยรุ่นในชุดนักเรียนหญิงหน้าตามีเค้าโครงหน้าที่คล้ายอรสาอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาค่อย ๆ เทียบใบหน้าในภาพกับใบหน้าของอรสาในรูปปัจจุบัน
เอกภพ (เสียงเบา):
“อรสากับวิภางั้นเหรอ บางทีสองคนนี้อาจมีอะไรเชื่อมโยงถึงกัน… น่าสนใจๆ“
เขาพิงพนักเก้าอี้เงียบ ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
อรสานั่งนิ่งอยู่หน้ากระจก แต่งหน้าแต่งตาเล็กน้อยตามประสาโดยไม่ใยดีวรรณภพที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียง
เธอหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ใต้เตียงขึ้นมา เปิดมันออกอย่างระมัดระวัง
ภายในมีเศษภาพถ่ายเก่า ๆ ที่ถูกฉีกจนขาดครึ่ง
เธอหยิบภาพเหล่านั้นมาต่อช้า ๆ
ทีละเศษ ทีละชิ้น
ในที่สุด…ภาพที่ได้คือครอบครัวหนึ่ง — ชายหญิงคู่หนึ่งกับเด็กสาวในชุดนักเรียนที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับเป็นคนเดียวกัน
อรสา (เสียงในใจ):
“พ่อ…แม่…หนูขอโทษ…”
ภาพตัดสลับกับความทรงจำในอดีต — คืนที่บ้านถูกไฟไหม้
เสียงกรีดร้อง…เปลวเพลิง…เงาชายคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ด้วยสายตาเย็นชา
เธอหลับตาลงแน่น น้ำตาไหลรินอย่างเงียบงัน
ณ สำนักงานเอกภพสืบสวน
ทั้งบรรจงและเยาวภาต่างก็กำลังเตรียมเก็บของจะกลับบ้านหลังจากที่ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากโกดังร้าง
บรรจง (สีหน้าเคร่งเครียด):
“เธอจำศพผู้หญิงที่สวนสาธารณะ ที่มีคุณเอกภพอยู่ในเหตุการด้วยได้ไหม?“
อยู่ๆเขาก็โพล่งถามขึ้นมาในระหว่างที่กำลังเก็บเอกสารเข้ากระเป๋า
เยาวภาหันขวับ
เยาวภา:
“ใช่สิ ฉันลืมไปเสียสนิท เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยเหรอ?”
บรรจง
ป่าวหรอก ฉันแค่รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมไม่มีข่าวการตายในสวนวันนั้นเลยสักฉบับ ไม่ว่าจะหน้าหนึ่งหรือหน้าสุดท้าย หนังสือพิมพ์ทั้งเมืองกลับเงียบสนิท ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
บรรจงมองเยาวภา ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
บรรจง:
“ศพคนหนึ่ง…หายไปจากสายตาทั้งเมืองได้ยังไง? เว้นแต่ว่าจะมีใคร…สั่งให้มันเงียบ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบราวกับนัดกันไว้
ก่อนที่ใครบางจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
เยาวภา:
“คนที่ชื่อวิภา เธอเคยทำงานที่กรมศุลกากรจริง ๆเหรอคะบรรจง’”
บรรจง:
“ใช่ เอกภพคงทราบแล้ว ฉันเพิ่งส่งแฟ้มไปให้เขาเมื่อกี๊”
เยาวภา (เสียงเบา):
“แล้วเธอคนนี้มีความสำคัญอะไรนอกจากเรื่องการนำเข้าสารหนู แล้วเธอเกี่ยวข้องอะไรกับคุณอรสา ฉันงงไปหมดแล้ว“
บรรจง :
“เธอนี่มันช่างสงสัยเสียจริงนะแม่เยา ฉันยังบอกอะไรเธอตอนนี้ไม่ได้หรอก จนกว่าเรื่องราวจะชัดเจน ถึงตอนนั้นเราก็คงได้รู้มันจากปากของคุณเอกภพนั้นแหละ”