⸻
บทที่ 32: เงาที่คลี่คลายไม่ได้
ห้องนอนที่มืดสลัว มีเพียงแสงจากโคมไฟหัวเตียงสาดส่องเป็นวงแคบ วรรณภพนอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างเขาไม่ได้หลับ ดวงตาเปิดค้าง จ้องไปยังเพดานที่มืดทึบ ดวงตาแดงก่ำด้วยความเครียดสะสมและความสับสนที่กัดกินไม่หยุด
ค่ำคืนนี้เขาต้องอยู่คนเดียวเพราะอรสายังไม่กลับจากธุระที่ต่างเมือง
เสียงนาฬิกาเดินติ๊กๆ ประสานกับเสียงแมลงในค่ำคืน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบอันไม่น่าไว้วางใจ
ทันใดนั้น…เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านนอก เหมือนใครบางคนกำลังเดินผ่านหน้าห้อง
เขาหันขวับไปทางประตูทันที มือขยับไปแตะที่ลิ้นชักข้างเตียงโดยสัญชาตญาณ
แต่เสียงนั้นเงียบลง
เงียบจนน่าสงสัย
วรรณภพยันตัวลุกขึ้น เขาเดินไปที่ประตู ค่อยๆ เปิดออกช้าๆ…
ไม่มีใคร
มีเพียงทางเดินยาวที่เงียบงัน แสงจากโคมไฟในโถงนวลส้มทอดเงาร่างเขายาวเหยียดไปจนถึงปลายสุดทางเดิน
เขาถอยกลับเข้าห้อง แต่อะไรบางอย่างในใจสั่งให้เขาหันไปมองกระจกที่หัวเตียง…
…และในเงาสะท้อนนั้น—เขาเห็นหญิงสาวในชุดไทยยืนอยู่เบื้องหลังเขา!
เขาหันขวับกลับไปทันที
…ว่างเปล่า
กระจกกลับไปสะท้อนเพียงห้องโล่ง
เขายืนนิ่ง ใบหน้าซีดขาว มือเย็นเฉียบ ก่อนจะค่อยๆ พึมพำกับตัวเองเสียงแหบพร่า
วรรณภพ (พึมพำ):
“เธอเป็นอะไรกันแน่ อรสา“
ภายในห้องที่แทบไม่มีแสง ร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ผ้าม่านบางปลิวไสวด้วยลมกลางคืน ข้างกายเขามีโต๊ะไม้เก่าๆ ซึ่งวางซองเอกสารหนึ่งไว้
มือหยาบกร้านหยิบซองนั้นขึ้นมา ภายในคือภาพถ่าย และเอกสารสืบสวนหลายชุด รวมถึงรายงานข่าวเกี่ยวกับสารหนู และภาพเอกภพ
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขารับสายด้วยเสียงเรียบ เยือกเย็น
ชายลึกลับ:
“…เริ่มสงสัยกันแล้วเหรอ?”
(เว้นจังหวะเงียบขรึม)
“…อย่าให้พวกมันล่วงรู้อะไรมากไปกว่านี้”
เขาวางสายอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหยิบปากกา ขีดฆ่ารูปของหมวดวิสุทธิ์ทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้น สบตาตัวเองในกระจกเงาเล็กที่อยู่มุมห้อง ดวงตาของเขาวาววับอย่างไม่อาจอ่านใจได้
เช้าวันถัดมา
แสงแดดส่องผ่านช่องกระเบื้องแตกในหลังคา ฝุ่นลอยคลุ้ง เยาวภายืนอยู่กลางโกดังร้าง รื้อค้นกล่องเอกสารเก่า ๆ อย่างระวัง
บรรจงก้มลงฉีกผ้าใบที่คลุมลังใบหนึ่งออก แล้วพบแฟ้มสภาพขึ้นรา มีตราสัญลักษณ์กรมศุลกากรจางๆ ติดอยู่
เขาเปิดมันออก
ข้างในคือรายงานการนำเข้าสินค้า พร้อมชื่อผู้รับปลายทางที่ไม่คุ้นตา
เยาวภา:
“นี่ไง… นางสาววิภา สินธวานนท์”
บรรจง:
(นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเบา)
“ชื่อปลอมแน่ ๆ …แต่ลายเซ็นนี่สิ”
เขาหยิบสำเนาใบสมัครงานของหญิงสาวคนหนึ่งจากกระเป๋า
เปรียบเทียบลายเซ็นในมือกับลายเซ็นในแฟ้ม — เหมือนกันเป๊ะ
เขาเงยหน้าขึ้นมองเยาวภา ดวงตาฉายแววตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งพบ
“เอกภพสั่งเธอมากับฉันใช่มั้ย?”
เยาวภาพยักหน้าเบาๆ เธอไม่พูดอะไร
บรรจงยิ้มบางๆ
เยาวภา (พึมพำ): น้ำเสียงเธอดูเป็นกังวล
“บางทีเราอาจจะขุดลึกเกินไป…”
บรรจง (เสียงเบาเย็นเยียบ):
“หรือบางที…เรายังขุดไม่ลึกพอ”
พิษสวาท อำพราง บทที่32 เงาที่คลี่คลายไม่ได้
บทที่ 32: เงาที่คลี่คลายไม่ได้
ห้องนอนที่มืดสลัว มีเพียงแสงจากโคมไฟหัวเตียงสาดส่องเป็นวงแคบ วรรณภพนอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างเขาไม่ได้หลับ ดวงตาเปิดค้าง จ้องไปยังเพดานที่มืดทึบ ดวงตาแดงก่ำด้วยความเครียดสะสมและความสับสนที่กัดกินไม่หยุด
ค่ำคืนนี้เขาต้องอยู่คนเดียวเพราะอรสายังไม่กลับจากธุระที่ต่างเมือง
เสียงนาฬิกาเดินติ๊กๆ ประสานกับเสียงแมลงในค่ำคืน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบอันไม่น่าไว้วางใจ
ทันใดนั้น…เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านนอก เหมือนใครบางคนกำลังเดินผ่านหน้าห้อง
เขาหันขวับไปทางประตูทันที มือขยับไปแตะที่ลิ้นชักข้างเตียงโดยสัญชาตญาณ
แต่เสียงนั้นเงียบลง
เงียบจนน่าสงสัย
วรรณภพยันตัวลุกขึ้น เขาเดินไปที่ประตู ค่อยๆ เปิดออกช้าๆ…
ไม่มีใคร
มีเพียงทางเดินยาวที่เงียบงัน แสงจากโคมไฟในโถงนวลส้มทอดเงาร่างเขายาวเหยียดไปจนถึงปลายสุดทางเดิน
เขาถอยกลับเข้าห้อง แต่อะไรบางอย่างในใจสั่งให้เขาหันไปมองกระจกที่หัวเตียง…
…และในเงาสะท้อนนั้น—เขาเห็นหญิงสาวในชุดไทยยืนอยู่เบื้องหลังเขา!
เขาหันขวับกลับไปทันที
…ว่างเปล่า
กระจกกลับไปสะท้อนเพียงห้องโล่ง
เขายืนนิ่ง ใบหน้าซีดขาว มือเย็นเฉียบ ก่อนจะค่อยๆ พึมพำกับตัวเองเสียงแหบพร่า
วรรณภพ (พึมพำ):
“เธอเป็นอะไรกันแน่ อรสา“
ภายในห้องที่แทบไม่มีแสง ร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ผ้าม่านบางปลิวไสวด้วยลมกลางคืน ข้างกายเขามีโต๊ะไม้เก่าๆ ซึ่งวางซองเอกสารหนึ่งไว้
มือหยาบกร้านหยิบซองนั้นขึ้นมา ภายในคือภาพถ่าย และเอกสารสืบสวนหลายชุด รวมถึงรายงานข่าวเกี่ยวกับสารหนู และภาพเอกภพ
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขารับสายด้วยเสียงเรียบ เยือกเย็น
ชายลึกลับ:
“…เริ่มสงสัยกันแล้วเหรอ?”
(เว้นจังหวะเงียบขรึม)
“…อย่าให้พวกมันล่วงรู้อะไรมากไปกว่านี้”
เขาวางสายอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหยิบปากกา ขีดฆ่ารูปของหมวดวิสุทธิ์ทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้น สบตาตัวเองในกระจกเงาเล็กที่อยู่มุมห้อง ดวงตาของเขาวาววับอย่างไม่อาจอ่านใจได้
เช้าวันถัดมา
แสงแดดส่องผ่านช่องกระเบื้องแตกในหลังคา ฝุ่นลอยคลุ้ง เยาวภายืนอยู่กลางโกดังร้าง รื้อค้นกล่องเอกสารเก่า ๆ อย่างระวัง
บรรจงก้มลงฉีกผ้าใบที่คลุมลังใบหนึ่งออก แล้วพบแฟ้มสภาพขึ้นรา มีตราสัญลักษณ์กรมศุลกากรจางๆ ติดอยู่
เขาเปิดมันออก
ข้างในคือรายงานการนำเข้าสินค้า พร้อมชื่อผู้รับปลายทางที่ไม่คุ้นตา
เยาวภา:
“นี่ไง… นางสาววิภา สินธวานนท์”
บรรจง:
(นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเบา)
“ชื่อปลอมแน่ ๆ …แต่ลายเซ็นนี่สิ”
เขาหยิบสำเนาใบสมัครงานของหญิงสาวคนหนึ่งจากกระเป๋า
เปรียบเทียบลายเซ็นในมือกับลายเซ็นในแฟ้ม — เหมือนกันเป๊ะ
เขาเงยหน้าขึ้นมองเยาวภา ดวงตาฉายแววตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งพบ
“เอกภพสั่งเธอมากับฉันใช่มั้ย?”
เยาวภาพยักหน้าเบาๆ เธอไม่พูดอะไร
บรรจงยิ้มบางๆ
เยาวภา (พึมพำ): น้ำเสียงเธอดูเป็นกังวล
“บางทีเราอาจจะขุดลึกเกินไป…”
บรรจง (เสียงเบาเย็นเยียบ):
“หรือบางที…เรายังขุดไม่ลึกพอ”