..........ปล้น...ข้ามเวลา........ตอนที่ ๒..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา




              ขอบคุณ ภาพสุดคลาสสิก จาก       https://wallpaperboat.com/
              และ ขอบคุณ ฟอนต์สวย ๆ จาก      https://www.f0nt.com/        ครับผม                                                                                     
 
 
   

                                                                                          ..... ( ปล้นข้ามเวลา ) .....
 
 

             ตอนเดิมครับ

       
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 
 
         ตอนที่  ๒
 
 
……..ศักดา รู้สึกตัวเบาหวิว หัวโปร่งสบาย เหมือนเพิ่งตื่นจากหลับ เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ และพบว่าตัวเองยืนอยู่บนพื้นดินนุ่มเท้าจึงหันมองไปด้านข้าง และเห็นเพื่อนรักยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยอาการไม่ต่างกันเท่าไร  เขานึกถึงไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ในใจ ภาพของห้องซึ่งมีแสงสว่างรอบตัว จนมองเห็นร่างกายตัวเองและเพื่อนเบาบาง และคิดช้า ๆ ว่าตอนนี้ตัวเองคงอยู่ไม่ไกลจากที่เดิมพลางมองไปรอบตัว 
 
         สายตาของศักดาหยุดอยู่ตรงบ้านหลังใหญ่ดังคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้า และมั่นใจว่าเป็นบ้านของ ดร. เอกภพอย่างแน่นอน แต่สภาพตอนนี้ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
 
         “เฮ้ย เอ็งเห็นเหมือนข้ามั้ยศักดิ์”
 
         เสียงวีรภาพเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ขณะศักดายังยืนนิ่งเพราะพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะตั้งสติแล้วค่อย ๆ เอ่ยออกไป
 
        “เออ เหมือนบ้านดอกเตอร์เลยว่ะ แต่ไม่น่าใช่ บ้านดอกเตอร์สวยกว่านี้เยอะ”
 
        ทั้งสองมองบ้านร้างตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา รวมทั้งซากของรถยนต์สามสี่คันกองอยู่ตรงลาน ซึ่งเคยเป็นที่จอดรถสำหรับแขกผู้มาเยือน ส่วนตัวบ้านนั้น ปูนซึ่งฉาบไว้ภายนอกผุกร่อนทั่วหลัง ผนังบางแห่งมีเถาไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมยาวถึงชั้นบน กระจกหน้าต่างแตกร้าวอยู่หลายบาน มองดูแล้วเหมือนไม่มีคนอยู่มาหลายปี ศักดาถอยหลังช้า ๆ พลางหันมองรอบตัว และหยุดมองตรงไปยังถนนซึ่งตัวเองเคยจอดรถแล้วมองตรงมาที่นี่
 
        บัดนี้ ทุ่งโล่งซึ่งเคยมองสุดตา ได้กลายเป็นป่าสน สลับกับไม้ยืนต้นบางชนิด ขึ้นห่าง ๆ รอบบริเวณ ดูคล้ายกับป่าเขตร้อนแทนที่จะเป็นทุ่งหญ้าชานเมือง
 
        “ไม่ได้เรื่องแล้วว่ะศักดิ์ เราอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ กลับกันเหอะว่ะ”
 
        วีรภาพเอ่ยออกมาอย่างขัดใจพลางหมุนตัว เตรียมเดินตรงไปยังทิศซึ่งมั่นใจว่าเป็นถนนใหญ่ ขณะศักดาหมุนตัวกลับมายังบ้านร้างตรงหน้า แล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ
 
        “ข้าว่าใช่ว่ะ นี่แหละบ้านดอกเตอร์ ยังไงเข้าไปดูข้างในสักหน่อย จะได้หายคาใจ”
 
        วีรภาพชะงักเท้าหันมองเพื่อนที่พูดจบแล้วหมุนตัวไปทางประตูหน้ามุก เขายกมือตบตรงเอวด้วยความเคยชิน และพบว่าตรงนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร จึงถอนใจออกมาแล้วส่ายหน้าก่อนขยับเท้าตามเข้าไป
 
        เศษชิ้นส่วนปรักหักพังกระจายเต็มพื้น ประตูหน้านั้นเอียงออกจากกรอบประตูไปหนึ่งบาน ส่วนอีกบานปิดไว้โดยที่กระจกทุกช่องแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ศักดาก้าวช้า ๆ ผ่านช่องประตูซึ่งพอดีตัวเข้าไป พร้อมกับปรับสายตาให้เข้ากับความสลัวภายในโถงใหญ่ ซึ่งมีเสียงกรอบแกรบทุกครั้งที่ย่ำเท้าลงไป จากการเหยียบบนเศษกระจก และชิ้นส่วนเครื่องใช้ต่าง ๆ ซึ่งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั่วบริเวณ 
 
        แม้รอบด้านจะเห็นเพียงเลือนราง แต่ทั้งคู่ยังจำห้องแรกทางซ้ายมือได้เป็นอย่างดี และพากันก้าวตรงไปอย่างระวังจนถึงประตูซึ่งเปิดกว้างอยู่   วีรภาพหันมองหน้าศักดานิดหนึ่งก่อนก้าวผ่านประตูเข้าไปเกือบพร้อมกัน 
 
        ห้องสี่เหลี่ยมกึ่งกลางห้องใหญ่ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม แต่สภาพตอนนี้ไม่น่าใช้งานได้ เพราะฝาทุกด้านได้ล้มลงมาอยู่กับพื้น ทำให้มองเห็นข้างในว่างเปล่า ปราศจากสายไฟโดยรอบแม้แต่เส้นเดียว แผงควบคุมนั้นมองเห็นเป็นแค่โครงสี่เหลี่ยมติดอยู่กับโต๊ะซึ่งหักพับห้อยร่องแร่ง ส่วนปุ่มกดซึ่งเคยมีแสงแพรวพราวระยิบระยับ บัดนี้ไม่มีหลงเหลือแม้แต่ปุ่มเดียว สองหนุ่มหันมองหน้ากัน ก่อนศักดาจะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
 
        “มันเป็นอย่างนี้ได้ไงวะวี ถ้าเรามาอยู่ที่ร้อยปีจากที่เดิมจริง แล็บของดอกเตอร์คงใช้ไม่ได้แล้ว แล้วนี่เราจะเจอคุณลูกเกดได้ยังไง”
 
        ศักดาหมุนตัวก้าวออกจากห้องโดยไม่รอคำตอบ ขณะวีรภาพมองรอบห้อง ก่อนหมุนตัวก้าวตามศักดาออกข้างนอก และมองไปยังห้องถัดไป ซึ่งเห็นข้างในได้ชัดเพราะห้องนั้นไม่มีประตูแม้แต่บานเดียว จึงมองเห็นความรกรุงรังจากเศษชิ้นส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจายได้ชัดเจน อีกทั้งยังสังเกตเห็นบางอย่างบนผนังรอบตัว
 
        “เอ็งว่านี่รอยลูกปืนหรือเปล่าวะ”
 
        วีรภาพหยุดลงตรงผนังด้านหนึ่ง พร้อมกับยกมือลูบไปตามรูเล็ก ๆ ซึ่งเรียงรายอยู่ห่าง ๆ กัน ศักดาจึงหันมองผนังข้างตัวและเห็นรูเหล่านั้นเช่นกัน 
 
       “ยิงกันแหลกเลยว่ะถ้าเป็นอย่างนี้ แต่ว่าเมื่อไรวะ แล้วดอกเตอร์ไม่รู้หรือไง”
 
        ศักดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ รวมทั้งคำถามมากมายอยู่ในใจทั้งสองคน วีรภาพมองสภาพโดยรอบอีกครั้งก่อนเอ่ยปากชวนศักดาออกไปจากตรงนี้
 
        “ไปก่อนเหอะว่ะ เดี๋ยวค่อยคิด เละขนาดนี้ถึงอยากอยู่ก็คงอยู่ไม่ได้”
 
        ศักดายืนนิ่งทำหน้าครุ่นคิดอยู่อึดใจจึงเอ่ยออกมา
 
        “แล้วเอ็งจะไปไหน นี่ก็ใกล้มืดแล้ว  หลบในนี้สักคืน เช้าค่อยไปดีกว่า”
 
        วีรภาพคิดช้า ๆ ตามคำเพื่อน พลางมองไปยังบันไดขึ้นชั้นบน ศักดามองตามแล้วหันมองเพื่อนก่อนพยักหน้าแล้วเตรียมก้าวไปทางบันได
 
        “เปรี้ยง……”
 
        เสียงสนั่นเหมือนดังอยู่ข้างหูพร้อมด้วยแรงอัดอากาศผ่านทั้งสองคนไปอย่างเร็ว ศักดาพลิกตัวหลบเข้าข้างผนังทันที พร้อมกับขยับตัวลึกเข้าไปเมื่อวีรภาพก้าวตามมาอยู่ข้าง ๆ  ก่อนที่เสียงกึกก้องจะดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
 
        “เปรี้ยง…..”
 
        กลุ่มกระสุนพุ่งเลยไปทางประตูห้องตรงข้าม ฉีกบานไม้ออกเป็นฝอย ขณะกลิ่นดินปืนลอยมาตามลม วีรภาพตบที่เอวด้านหลังแล้วเป่าลมออกจากปากอย่างขัดใจ ขณะศักดาร้องตะโกนออกไปดัง ๆ 
 
        “อย่ายิง อย่ายิง ผมมาดี”
 
       เสียงฝีเท้าย่ำบนบันไดทีละขั้นลงมาช้า ๆ ศักดาหันหน้าหันหลังก่อนขยับตัวแล้วถอยไปทางหน้าห้องที่เพิ่งออกมา ส่วนวีรภาพนั้นตามมาติด ๆ และพากันหยุดยืนอยู่หน้าประตู
 
        “เปรี้ยง…” 
 
        เสียงกึกก้องยังคงตามมา และเพิ่มรูพรุนบนผนังเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งคู่หันมองไปด้านหลังซึ่งเดาว่าน่าจะมีทางออก ขณะวีรภาพตะโกนออกไปพร้อมกับเตรียมขยับตัวถ้าเสียงปืนยังไม่หยุดลง 
 
        “อย่ายิง ผมไม่มีอาวุธ”
 
        รอบข้างเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนมีเสียงชักปั๊มปืนลูกซอง ดัง  แกร๊ก  พร้อมกับเสียงเกรี้ยวกราดตวาดมา
 
        “ไอ้พวกขโมย ยังมีหน้ากลับมาอีก ที่นี่ไม่มีอะไรให้แกอีกแล้ว”
 
        ศักดาหันมองหน้าเพื่อน ซึ่งมีสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กัน เมื่อเสียงที่ได้ยินนั้น ไม่ใช่เสียงผู้ชาย
 
        “ผมไม่ใช่ขโมย ปืนผมก็ไม่มี ผมเอาปืนมาไม่ได้”
 
        เสียงบนบันไดเงียบไปอีกอึดใจ ก่อนมีเสียงห้วน ๆ เอ่ยออกมา
 
        “แกมาจากไหนแกถึงไม่มีปืน ฉันไม่เชื่อ”
 
        สองเพื่อนรักหันมองหน้ากันก่อนที่วีรภาพจะกระซิบออกมา
 
        “เอาไงวะ จะบอกไงดี เขาว่าเราบ้าแน่เลย”
 
        ศักดาถอนใจพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิดอยู่สี่ห้าวินาที ก่อนตะโกนตอบออกไป
 
        “ดอกเตอร์ส่งผมมา ให้ผมมารับลูกสาวเขากลับ”
 
        ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงคำว่าข้ามเวลา เพราะถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง หรือ เป็นเรื่องจริงแต่คนฟังไม่เชื่อ เขามั่นใจว่าห่ากระสุนคงถูก ระดมออกมาหนักกว่าเดิมแน่นอน เสียงลงบันไดมาทีละขั้น ขณะสองหนุ่มใจเต้นรัว ศักดาค่อย ๆ เอียงใบหน้าไปทางมุมผนัง แล้วส่งสายตามองไปตรงบันได จึงเห็นขาเรียวยาวภายใต้กางเกงยีนรัดรูปและรองเท้าบูทหนังสีดำ ในขณะที่มือเรียวยาวเช่นกัน กำคอปืนลูกซองรุ่นโบราณไว้ข้างขาทิ้งปากกระบอกปืนลงพื้น ขณะขาทั้งคู่ก้าวลงบันไดมาทีละขั้นช้า ๆ
 
        “ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าคุณมาจากพ่อฉันจริง ๆ”
 
        เมื่อได้ยินคำว่าดอกเตอร์ เธอเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขาทั้งสอง แต่น้ำเสียงยังคงห้วนอยู่ และปืนซึ่งทิ้งอยู่ข้างตัวพร้อมที่จะชี้ปากกระบอกมาได้ทุกเวลา
 
        ศักดาค่อย ๆ ออกไปจากมุมที่ซ่อนอยู่ช้า ๆ พร้อมกับวีรภาพซึ่งค่อย ๆ เดินตามออกมา ขณะสายตาจ้องมองร่างซึ่งลงบันไดมายืนบนพื้นอย่างเต็มตัว
 
        ตรงหน้านั้นคือ หญิงสาวร่างสูงเพรียวสมส่วน ผมยาวถึงกลางหลัง หน้าตาคล้ายลูกครึ่ง สัดส่วนเหมือนนางแบบมีชื่อตามปกนิตยสารชื่อดัง ทั้งสองจ้องมองอย่างตะลึง  ขณะเธอจ้องตากลมโตมองมานิ่ง พร้อมกับขยับริมฝีปากอวบอิ่ม เอ่ยออกมาอย่างห้วน ๆ เช่นเดิม 
 
        “ว่าไง ฉันจะรู้ได้ไงว่าคุณพูดความจริง ไหนลองบอกชื่อลูกสาวของเขามาซิ”
 
        เธอเอ่ยพร้อมกับขยับลูกซองในมือขึ้นมาระดับเอว มือซ้ายรองกระโจมชี้ปากกระบอกมาทางทั้งสองคน มือขวาจับคอปืนนิ้วแตะอยู่ตรงไกพร้อมยิงตลอดเวลา ศักดาจึงรีบเอ่ยระล่ำระลักออกไป
 
        “อย่ายิงครับอย่ายิง ลูกเกดครับลูกเกด ดอกเตอร์บอกให้ผมสองคนมารับคุณลูกเกดกลับไป”
 
        เธอลดปืนลงพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนดังขึ้นอีกอึดใจด้วยเสียงหัวเราะร่วนจนเห็นฟันขาวแวววาว พร้อมกลับแบกปืนขึ้นไว้บนบ่าพลางเดินเข้ามาหาเขาทั้งคู่ ขณะมองหน้าศักดาและวีรภาพสลับกัน แล้วส่ายหน้าไปมา
 
        “พ่อนะพ่อ เอาชื่อหนูมาเป็นชื่อลูก”
 
        ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ขณะหายใจถี่ ๆ เพราะเพิ่งผ่านความตายมาอย่างฉิวเฉียด พร้อมกับโล่งใจเมื่อหันไปมองเห็นสีหน้า และได้ยินน้ำเสียงของหญิงสาวซึ่งเริ่มเป็นมิตรกว่าเดิม  
  
        “หมายความว่าไงครับ ชื่อหนู”
 
        เธอได้ยินแล้วทำตาโตจ้องหน้าวีรภาพ พร้อมกับยิ้มกว้างขณะตอบกลับมา
 
        “พ่อบอกว่าทำชิพเสร็จแล้วจะรีบมา รอบนี้จะลองเอาหนูแฮมสเตอร์ที่เลี้ยงไว้ข้ามเวลามาด้วย อ้อ แล้วทำไมพ่อไม่มาเอง”
 
        เธอพูดยังไม่ทันจบประโยคดี ก็ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะตามเหตุผลแล้วคนที่มาต้องเป็นพ่อเธอ ศักดามองหน้าวีรภาพก่อนหันกลับมองหน้าเธอแล้วเอ่ยออกมา
 
        “ดอกเตอร์  ให้ผมมาแทน พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้าน คู่หมั้นของคุณบุกเข้าไปและข้ามเวลามา”
 
        จบคำศักดา  หญิงสาวหายใจเข้าลึกยาวก่อนเป่าลมออกจากปากช้า ๆ พร้อมกับถามออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล ขณะทำสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างในใจ
 
        “วิลลี่น่ะเหรอ แล้วคุณรู้ไหมเขาจะมาถึงนี่ตอนไหน”
 
        “สิบเจ็ด สิบเจ็ดมิถุนา  ตอนดอกเตอร์เดินไปหน้าจอผมเห็นแบบนั้น”
 
        วีรภาพตอบกลับไป พลางมองหน้าหญิงสาวอย่างแปลกใจ เมื่อเธอจ้องหน้าเขาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
        “ก็วันนี้น่ะสิ”
 
        “เฮ้ย…..” 
 
        สองหนุ่มร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ศักดาจะเอ่ยออกมาว่า
 
        “ต้องพรุ่งนี้สิ ก็ดอกเตอร์ตั้งเวลาให้ผมมาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน วันนี้ก็ต้องเป็นวันที่สิบหกสิครับ”
 
        หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ พลางถอนใจและเอ่ยออกมา
 
        “พ่อพาฉันมานี่ก็เรื่องนี้แหละ เครื่องข้ามเวลาของพ่อไม่สมบูรณ์”
 
        จบคำของเธอ ทุกคนก็หันไปทางหน้าบ้านพร้อมกัน เมื่อปรากฏแสงคล้ายฟ้าแลบย้ายตำแหน่งไปมานับสิบครั้ง สร้างความสว่างจ้าทั่วบริเวณ โดยปราศจากเสียงแต่อย่างใด  หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงก้าวยาว ๆ ผ่านทั้งสองไปทางหลังบ้าน พร้อมเอ่ยออกมาอย่างร้อนรน 
 
        “ตามมาทางนี้ เร็ว……”

 
 
        ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่