⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-11 "JFK-2" ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


30 ตุลาคม 1963 เวลาบ่ายสามโมง...

กัปตันวันชนะ ให้สองสาว จอยกับเล็ก อยู่ที่โรงแรมแห่งใหม่ซึ่งย้ายเข้าไปเมื่อตอนเช้า ในห้องของกัปตัน ให้ติดตั้งเครื่องรับส่งสัญญาณภาพที่กัปตันและลูกน้องสองคนคือเอกและแซมจะนำไปติดตั้งบริเวณสถานที่ที่จะเกิดเหตุ โดยสั่งไว้ว่าเมื่อติดตั้งเสร็จให้เปิดเครื่องรอรับสัญญาณไว้ทันที ส่วนเขา เอก และแซม พากันมาที่ถนนเอล์ม ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 500 เมตร มองเห็นตึกเก็บหนังสือซึ่งลี ฮาร์ลีย์ ออสวอลด์จะขึ้นไปซุ่มยิงห่างออกไป แต่ก็โดดเด่น

ขณะนี้ ชายจากอนาคตทั้งสาม เปิดเครื่องมือพรางตัวซึ่งติดไว้ข้างในเสื้อเรียบร้อยแล้ว ทำให้คนอื่นๆในอาณาบริเวณนั้นมองไม่เห็นพวกเขา แม้แต่เงาก็มองไม่เห็นเพราะแสงถูกหักเหอ้อมตัวพวกเขาไปหมดแล้ว จึงไม่มีเงาตกกระทบพื้น

""เอาละ เราจะเริ่มหาจุดติดตั้งกล้องเหมาะๆกัน" กัปตันเอ่ยขึ้นเมื่อาลูกน้องทั้งสองเดินเข้าไปถึงจุดที่ JFK จะถูกยิง "แซมกับเอกติดตั้งกล้องคนละ 2 ตัวในบริเวณนี้ แซมหาทางฝั่งซ้าย เอกหาทางฝั่งขวา ส่วนผมจะไปที่ตึกเก็บหนังสือโน่น จะรีบติดตั้งกล้องให้เร็วที่สุดที่ห้องของออสวอล์ด ติดตั้งกล้องเสร็จเปิดเครื่องไว้เลย มันรับพลังงานแสงอยู่แล้วเพราะฉะนั้นตราบใดที่มีแสง แบตเตอรี่ก็ไม่มีวันหมด มันก็สามารถส่งสัญญาณภาพไปที่ห้องผมในโรงแรมของเราได้ตลอดเวลา แยกย้ายกันไปเลย คอยสังเกตพฤติกรรมคนอื่นๆที่พบเห็นด้วย"

"ครับผม" สองลูกน้องหนุ่มตอบพร้อมกัน และแยกย้ายกันไปตามที่กัปตันสั่งทันที

เมื่อเห็นทั้งสองคนแยกย้ายกันไปแล้ว กัปตันจึงรีบวิ่งตรงไปยังตึกเก็บหนังสือข้างหน้า ช้าไม่ได้เพราะเครื่องพรางตัวทำงานได้ภายในเวลาจำกัด ล่าสุดเขาทำให้มันทำงานเพิ่มขึ้นจาก 15 นาทีที่เคยใช้ตอนยึดขบวนรถไฟนาซี เป็น 30 นาทีได้แล้ว แม้กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าน้อยอยู่ดี เพราะฉะนั้นต้องทำงานแข่งกับเวลา

เขาจับเวลาดูไปดด้วยขณะที่วิ่งไปจนถึงหน้าตึก 5 นาทีผ่านไปแล้วด้วยการวิ่งเหมือนวิ่งแข่งสี่คูณร้อยเมตร เข้าไปในตึกแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป ผ่านชั้นสอง...สาม...สี่...ห้า...แล้วก็ถึงชั้นหก ตรงไปที่ห้องมุมขวาเมื่ออมองจากข้างนอก ซึ่งลี ฮาร์ลีย์ ออสวอลด์ จะเข้าไปซุ่มยิงประธานาธิบดีในวันที่ 22 เดือนหน้า

และะเมื่อเขาเข้าไปในห้อง ก็พบว่า ในห้องมีคนสามคน หนึ่งคือ ลี ฮาร์ลีย์ ออสวอลด์ คนที่สอง คือชายในชุดดำซึ่งแซมได้ไล่กวด และบอกเล่ารูปพรรณสันฐานให้สาวเล็กสเก็ตช์ภาพให้ดู คนนั้นนั่นเอง ! ส่วนอีกคนหนึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็รู้สึกคุ้นๆ เหมือนจะเคยเห็น

กัปตันวันชนะ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องอย่างเงียบกริบ แล้วยืนนิ่งอยู่ข้างประตู ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา...เหลือ 20 นาทีสำหรับการพรางตัว ฟังการสนทนาของคนทั้งสอง

แต่แล้ว ก็ต้องงงงัน เพราะทั้งสองคนนั้น พูดกันเป็นภาษาซึ่งเขาฟังไม่ออก!

ด้วยไหวพริบที่ฉับไว กัปตันล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กเท่านิ้วก้อยขึ้นมา กดปุ่มบันทึกเสียงแล้วใส่ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นหยิบกล้องถ่ายวีดิโอวงจรปิดขนาดเล็กที่เตรียมมาติดตั้งไว้บนขอบประตูซึ่งพอมีพื้นที่ว่างให้วางได้และหลบสายตาคนได้ถ้าไม่สังเกตดูให้ดี กดปุ่มเปิดกล้องให้เริ่มถ่ายและส่งสัญญาณภาพสดกลับไปที่ห้องในโรงแรม แล้วหันมามองคนทั้งสองพลางมองดูนาฬิกาเช็คเวลาไปพลาง

และเมื่อเขามองหน้าชายคนที่สามซึ่งรู้สึกคุ้นๆคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็น อย่างเพ่งพินิจพิจารณา ก็จำได้ว่า นั่นคือ แจ็ค รูบี้ เจ้าของผับแห่งหนึ่งในเท็กซัส ผู้ซึ่งจะยิงลี ฮาร์ลีย์ ออสวอลด์ตาย หลังจากออลวอลด์ถูกจับกุมนั่นเอง!

บุคคลสำคัญสอองคนมาอยู่ต่อหน้ากัปตันแล้วในขณะนี้ และอีกคนหนึ่ง เขาก็มั่นใจว่า น่าจะสำคัญไม่แพ้กันแน่นอน!

จนกระทั่งเวลาแห่งการพรางตัวเหลือ 12 นาทีสุดท้าย กัปตันจึงเห็นคนทั้งสามพยักหน้าให้กันและกัน และลุกขึ้นจากเก้าอี้ กำลังจะเดินมาที่ประตู เขาจึงชิงออกจากห้องก่อน รีบวิ่งลงบันไดไป

คนทั้งสามซึ่งกำลังเดินลงบันได พากันฉงนเมื่อได้ยินเสียงวิ่งลงบันได แต่เมื่อชะโงกดูข้างล่างกลับมองไม่เห็นใครสักคน เลยได้แต่มองหน้ากันและกัน ต่างคนต่างหาคำอธิบายไม่ได้

เมื่อลงมาถึงข้างล่าง เวลาการพรางตัวเหลือ 10 นาทีสุดท้าย กัปตันรีบออกจากประตูทางเข้าด้านหน้าตึกตรงไปยังถนนที่จากมา จิ้มนิ้วมือเข้าไปในหูกดปุ่มวิทยุสื่อสารแล้วเรียกลูกน้องทั้งสองคน

"เอก แซม เรียบร้อยหรือยัง ?"

"เรียบร้อยครับ" เสียงแซมตอบเข้ามาในหู "เอกก็เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน เราอยู่ที่ริมถนนจุดเกิดเหตุแล้วครับ"

"โอเค วิ่งไปที่หัวมุมถนนทางแยกแล้วไปเจอกันตรงนั้น อย่าเพิ่งปิดเครื่องพรางตัว อาจมีคนตามเสียงผมอยู่แต่พวกเขาไม่เห็นตัว"

"ครับผม" แซมตอบรับแล้วชวนเพื่อน "ไปกันเลยเอก ตรงหัวมุมถนนโน้น อย่าเพิ่งปิดเครื่องพรางตัว"

ทั้งสองออกวิ่งตรงไปยังจุดนัดหมาย เมื่อถึงแล้วจึงปิดเครื่องพรางตัว ร่างของทั้งคู่จึงปรากฏ ณ หัวมุมถนนนั้น ครู่หนึ่งทั้งสองจึงเห็นกัปตันปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าด้วยอาการเหนื่อยหอบ

"ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับ ?" แซมเอ่ยถาม

"เรียบร้อย แซม แถมได้อะไรที่มากเกินคาดด้วย"

"อะไรหรือครับ ?"

"เอาไว้กลับไปคุยกันที่โรงแรมดีกว่าครับ แซมกับเอกก็เรียบร้อยทุกอย่างใช่ไหม ?"

"ใช่ครับผม"

"งั้นเรากลับโรงแรมกันเลย"

เอกเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง จากนั้นทั้งสามจึงนั่งแท็กซี่คันนั้นกลับโรงแรมแห่งใหม่ซึ่งห่างออกไปจากที่เดิมเล็กน้อย

ขณะที่กำลังนั่งแท็กซี่ แซมเหลียวกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะๆ เพื่อตรวจดูว่าจะมีใครติดตามมาหรือไม่ แต่ก็เห็นว่าทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต

"เอกคอยดูลาดเลาอยู่ข้างนอกนี่ก่อนนะ สักสิบนาที ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ค่อยขึ้นไปที่ห้องผม" กัปตันสั่งหลังจากถึงโรงแรมแล้ว "ทีแรกผมคิดจะให้แซมอยู่ แต่นึกขึ้นได้ว่าแซมถูกพบเห็นแล้วที่โรงแรมโน้น เพราะฉะนั้นให้เอกอยู่ดีกว่า"

"โอเคครับผม" เอกตอบรับ

"ระวังตัวด้วยครับ สังเกตรอบข้างให้ดี แล้วเจอกันอีกสิบนาที" กัปตันตบไหล่ลูกน้อง แล้วหันมาพยักหน้ากับแซม

"ไปแซม ไปที่ห้องผมกัน"

ทั้งสองเข้าไปในโรงแรม ปล่อยให้เอกเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ข้างนอก เอกจึงเดินไปนั่งที่ลานเบียร์ สั่งเบียร์มาดื่มพลางกวาดสายตามองไปทั่ว

เอกนั่งจิบเบียร์มองผู้คนเข้าๆออกๆโรงแรม ห้านาทีต่อมา เขาเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลเข้มและหมวกสีเดียวกันลงจากแท็กซี่ที่มาจอดหน้าโรงแรมแล้วรีบเข้าไปในโรงแรมอย่างเร่งรีบ เขารู้สึกสะดุดตาสะดุดใจกับอาการเร่งรีบนั้น จึงวางเงินค่าเบียร์บนโต๊ะแล้วรีบลุกขึ้น ก้าวเดินเข้าโรงแรมตามชายคนนั้นไปห่างๆ

ชายคนนั้นไปเข้าแถวรอติดต่อพนักงานฟร้อนท์ มีคนอยู่ข้างหน้าเขาสองคน และด้านหลังเขาอีกหนึ่งคนเป็นคนสุดท้าย เอกก้าวเข้าไปต่อแถวทันที

เมื่อชายคนนั้นเข้าไปคุยกับฟร้อนท์ จึงเหลือคนเพียงคนเดียวข้างหน้าเอกที่รอต่อคิวอยู่ เอกพยายามเงี่ยหูฟังสิ่งที่ชายคนนั้นพูด แล้วก็หูผึ่ง เมื่อได้ยินเขาพูดภาษารัสเซีย!

เอกเห็นพนักงานที่ฟร้อนท์ส่ายหน้าและถามชายคนนั้นเป็นภาษาอังกฤษ

"คุณพูดอังกฤษได้ไหมคะ ?"

"นิดหน่อยครับ"

"จะให้ดิฉันช่วยอะไรคะ ?"

"เมื่อเช้านี้ มีชาวเอเชีย 5 คนมาเข้าพักที่นี่ไหมครับ ?"

"มีค่ะ"

"พวกเขาพักอยู่ห้องไหนครับ ?"

"บอกไม่ได้ค่ะ พวกเขาขอร้องให้ปิดเป็นความลับ ขออภัยด้วยนะคะ"

ชายลึกลับล้วงกระเป๋าเสื้อของตัวเอง ยื่นบัตรอย่างหนึ่งให้พนักงานดูแล้วแนะนำตัวเอง

"ผมเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ โปรดให้ความร่วมมือด้วย!"

พนักงานหญิงมองดูบัตรนั้น แล้วหันไปปรึกษากับพนักงานอีกคนหนึ่งซึ่งท่าทางเหมือนเป็นเจ้านาย ครู่หนึ่งเอกมองเห็นเขาพยักหน้า และพนักงานหญิงหันกลับมาพูดกับชายคนนั้น "รอสักครู่นะคะ"

เท่านั้นเอง เอกรีบออกจากการเข้าแถวทันทีแล้วเดินตรงไปยังประตูลิฟท์ กดปุ่มเปิดประตูลิฟท์เข้าไปข้างในแล้วรีบกดปุ่มปิดประตู กดหมายเลข 7 ซึ่งเป็นชั้นที่ตนและพรรคพวกพักอยู่ แล้วจิ้มนิ้วมือเข้าไปในหู กดปุ่มวิทยุสื่อสารถึงกัปตันขณะที่ลิฟท์กำลังขึ้น

"กัปตันครับ อยู่ไหมครับ ?"

ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเจ้านายตอบเข้ามาในหู

"อยู่ครับ ว่าไงเอก ?"

"ผู้ชายคนนั้นตามมาที่นี่แล้วครับ เขาอ้างว่าเป็นซีไอเอ โชว์บัตรประจำตัวให้พนักงานฟร้อนท์ดู และขอเบอร์ห้องพวกเราครับ ผมรีบขึ้นลิฟท์มาก่อน เขาคงตามขึ้นมาในไม่ช้านี้"

"จัดการส่งมันไปไกลๆเลยเอก!"

"โอเคครับผม! จัดการเรียบร้อยแล้วจะมาหากัปตันครับ"

จบคำพูดนั้น ลิฟท์ก็ขึ้นมาถึงชั้น 7 พอดี

"ปิ๊งง"

ประตูลิฟท์เปิด เอกก้าวออกมาข้างนอกโดยไม่มีใครเห็นตัวเพราะเขาเปิดเครื่องพรางตัวอีกครั้ง มันยังเหลือเวลาให้ใช้ได้อีกประมาณห้านาที

ออกจากลิฟท์แล้วเขาก็ยืนอยู่บริเวณหน้าลิฟท์ หยิบปากกาเทเลพอร์ทออกมาจากกระเป๋าเสื้อถือไว้ ตั้งระยะทางไปสูงสุด 2 พันไมล์ นิ้วโป้งแตะไว้ที่ปุ่มพร้อมจะยิงแสงเทเลพอร์ทได้ทันที

ไม่ถึงสามนาทีต่อมา ประตูลิฟท์อีกด้านหนึ่งก็เปิด ชายคนนั้นก้าวเดินออกมาให้เห็นชัดๆในระยะใกล้ เอกชี้ปลายปากกาไปยังตัวเขาแล้วกดยิงแสงเทเลพอร์ทเข้าใส่ทันทีที่เห็น

"แว่บบ"

เพียงไม่กี่วินาที ร่างของชายคนนั้นก็หายวับ ไปปรากฏอยู่อีกสถานที่หนึ่งซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ห่างออกไปจากโรงแรมนั้น 2 พันไมล์!

เอกปิดเครื่องพรางตัว แล้วเดินไปยังห้องกัปตัน เคาะประตูสามครั้งแล้วยืนรอ

ประตูเปิดโดยเจ้าของห้อง เขารีบก้าวเข้าไปข้างใน และพบว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า

"ส่งมันไปที่อื่นแล้วใช่ไหม ?"

"ครับ กัปตัน"

"แสดงว่ามันเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเราและสงสัยตั้งแต่แรก ถึงได้ตามมา"

"ผมได้ยินมันพูดภาษารัสเซียกับพนักงานฟร้อนท์ในตอนแรก"

"เอกฟังออกเหรอ ?"

"พอได้นิดหน่อยครับ"

"ดีเลย ผมสงสัยว่าผมได้อัดเสียงคนพูดรัสเซียเหมือนกัน จากห้องที่ชั้น 6 บนตึกเก็บหนังสือ งั้นเปิดให้เอกฟังแล้วแปลดูนะ"

กล่าวแล้ว กัปตันก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา ส่งสัญญาณเสียงออกทางลำโพงในกระเป๋ายังชีพ

ทุกคนนั่งฟัง โดยมีเอกเป็นคนแปล ประโยคต่อประโยค

"นายต้องมาอยู่ในห้องนี้ ก่อนเวลาเที่ยง เพื่อเตรียมพร้อม เอาปืนมาเก็บซ่อนไว้ก่อนหน้านั้นจะดีมาก"

"ไม่เป็นไรครับ ปืนมันถอดประกอบได้ ใส่กระเป๋าหิ้วขึ้นมาได้ไม่มีใครรู้หรอก"

"ดี! เวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ถ้าเห็นรถประธานาธิบดีเริ่มแล่นเข้ามาได้ระยะ นายก็ยิงก่อนเลย"

"ตรงนี้มันยิงยากนะครับ ต้นไม้มันบังเยอะอยู่นา ผมว่าย้ายไปห้องที่สามารถมองเห็นได้ชัดกว่านี้ไม่ดีกว่าหรือ?"

"ห้องอื่นไม่ได้เลย จะมีคนเข้าไปทำงานกันหมด มีห้องนี้ห้องเดียวที่ว่างและเราจองไว้แล้ว"

"ผมคิดว่า ยากมากที่ผมจะยิงเขาให้ตายได้จากที่นี่"

"ไม่เป็นไร คนของเราข้างนอกจะะไปอยู่อีกสองจุด นายยิงไปเถอะ สักสามนัด เท่าที่จะสามารถยิงได้ แล้วก็รีบหนี"

"โอเคครับ"

"รอดูสัญญาณจากคนของเราคนหนึ่งก่อนจะยิงนะ"

"สัญญาณแบบไหนครับ ?"

"จะมีผู้ชายคนหนึ่ง สวมชุดดำ และถือร่มสีดำ อยู่ใกล้ๆถนน นายต้องมองหาเขาให้เจอ เขาจะกางร่มขึ้นครั้งหนึ่ง แล้วจะหุบร่มลงทันที นั่นคือสัญญาณบอกว่าให้ยิงได้"

"โอเคครับ เข้าใจแล้ว"

"อย่าลืมนะ ยิงแค่สามนัดเท่านั้นพอ แล้วรีบหนีออกไป และอย่ายิงใครข้างนอกอีกเป็นอันขาด"

"ถ้าผมเจอตำรวจล่ะ ?"

"ก็หลีกเลี่ยงสิวะ! อย่าใช้ปืน ถ้านายใช้ปืน จบเห่แน่ นายจะถูกตามจับจนได้"

"ถ้ามันจวนตัว หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็ต้องยิง"

"แล้วแต่นายก็แล้วกันเว้ยถ้ายังงั้น หนีให้รอดก็แล้วกัน และจำไว้อีกข้อ ถ้านายถูกจับ ชีวิตนายจะไม่ยืนยาวแน่! เพราะพวกเราจะไม่ยอมให้นายถูกสอบสวนอย่างแน่นอน อย่าปากมากถ้าถูกจับ จำไว้!"

เสียงการสนทนาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงมีต่อ

"เอ้า นี่ค่าจ้างของนาย รับไปก่อนครึ่งหนึ่ง เมื่องานสำเร็จ นายจะได้รับเพิ่มอีกสองเท่า!"

"ขอบคุณครับ"

"ด้วยความยินดี! เอาละ ไปกันได้แล้วพวกเรา"

"เดี๋ยวครับ คุณหาตัวชาวต่างชาติที่ไปด้อมๆมองๆบริเวณพื้นที่ที่พวกเราจะลงมือได้หรือยัง ?" เป็นเสียงของชายอีกคนหนึ่ง


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่