.....( วิมานหมอก ).....
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑ https://pantip.com/topic/42554523
ตอนที่ ๒ https://pantip.com/topic/42556226
ตอนที่ ๓ https://pantip.com/topic/42558182
ตอนที่ ๔ https://pantip.com/topic/42560401
ตอนที่ ๕ https://pantip.com/topic/42562583
ตอนที่ ๖ https://pantip.com/topic/42564738
ตอนที่ ๗ https://pantip.com/topic/42566999
ตอนที่ ๘
อีกครั้งที่นายแก้วรู้สึกผิดในใจ เรื่องของปรางทำเขาขุ่นมัวขณะขับรถ จนต้องดึงสติกลับมามองทางอยู่หลายครั้ง และผ่านไปไม่ถึงนาที ความรู้สึกนั้นก็กลับมาอย่างเดิม
ความรักที่มีให้คนในครอบครัว สิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งอื่นคือความปลอดภัย ถ้าคนในครอบครัวมีข้าวกิน มีที่นอน แต่ไม่มีความปลอดภัย ผู้ใหญ่ต้องปกป้องอย่างเต็มกำลัง แม้ต้องแลกกับบางอย่างก็ยอม เพื่อคนที่รักอยู่ปกติร่มเย็น
ครั้งนี้ เพชรปลอดภัย ท่ามกลางความลำบากใจของทุกคน ความจริงแล้วบุญคุณปรางมีไม่น้อย แต่อาชีพของเธอทำให้ตะขิดตะขวงใจในการตอบแทน อีกทั้งหลานชายไปอยู่กับเธอ แม้เป็นเวลาสั้น ๆ แต่นิสัยของเพชร และสภาพจิตใจในขณะนั้น นายแก้วมั่นใจว่าต้องมีอะไรเกินเลย
ถ้าเป็นยามปกติ หลานชายเขาไปคบกับปราง เขามั่นใจว่าเรื่องคงไม่จบแค่ให้เลิกคบกัน อย่างน้อยต้องเป็นคำพูดที่แรงกว่านี้ และคงไม่มองหน้ากันต่อไป นายแก้วไม่สบายใจที่ต้องใจร้ายกับปราง แต่ชีวิตข้างหน้าของเพชรสำคัญกว่า คิดว่าสักวันหลายชายจะเข้าใจ เมื่อถึงวันนั้นเพชรจะโกรธลุง เขาก็ไม่ว่า เพราะรู้อยู่ว่าการฝืนใจใครเพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะออกมาดี คนนั้นย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
นายแก้วสลัดความคิดออกไปพร้อมกับมองกระจกหลัง เมื่อไม่เห็นใครตามมา จึงตั้งใจขับต่อไป กระทั่งขึ้นเนินก่อนถึงทางเข้าไร่ จึงมองอีกครั้ง และเมื่อจอดรถตรงลานหน้าบ้าน เขาลงมายืนมองย้อนไปกระทั่งแน่ใจจึงดึงพวงกุญแจซุกไว้ใต้เบาะ และเบนสายตามองหลานชาย
“ลุง”
เพชรได้ยินเสียงรถลุงแก้วมาแต่ไกล เขามายืนรอด้วยใจเต้นโครมคราม แต่ความกังวล กลับไม่ใช่คำบ่นว่าที่จะมาจากลุง
“ไป เข้าบ้าน แล้วกินข้าวหรือยัง”
ชายหนุ่มส่ายหน้าเนือย ๆ ก่อนก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไร ผู้เป็นลุงมองเขานิดหนึ่งแล้วเดินเอาของขึ้นไปเก็บบนบ้านขณะเพชรยืนมองอย่างแปลกใจ ที่ลุงไม่บ่นสักคำ
ดวงตะวันคล้อยเรี่ยแนวไม้ เมฆฝนทอดตัวไล้สันเขา ลมเย็นพาใบไม้ไกวอ้อยอิ่ง กลิ่นไอชื้นหอมกรุ่นรอบตัว ละอองฝนบาง ๆ โปรยสัมผัสกายชายหนุ่ม ยามนี้ไม่มีพี่ปรางเคียงข้าง ใจเพชรจึงลอยไปไกล ลุงต้องเรียกสองครั้งเขาจึงได้ยินและหันไป
“เอ็งต้องอยู่ที่นี่วันสองวัน”
คำพูดลุง ทำเพชรนิ่งไปอึดใจ ก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ผมไม่อยู่ได้ไหมครับ”
ลุงแก้วมองหลานตาเขม็ง พลางถามห้วน ๆ ออกมา
“ทำไม”
เพชรไม่ตอบ ลุงแก้วอารมณ์เริ่มขุ่น ขณะเอ่ยออกมา
“ถ้าตำรวจเจอเอ็งก่อนมันจะเดือดร้อน ข้าต้องไปคุยกับพ่อเอ็งว่าจะเอาไง ที่มานี่จะบอกเอ็งอย่าเพิ่งไปไหน”
เพชรยืนเฉย ยิ่งทำให้ลุงหงุดหงิดจึงเอ่ยถามพร้อมจ้องหน้าหลานชาย
“แค่นี้ยังยุ่งยากไม่พอหรือเพชร”
ชายหนุ่มมองผู้เป็นลุงก่อนพูดห้วน ๆ ออกไป
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ลุงจะโทษผมทำเรื่องยุ่งได้ยังไง”
ผู้เป็นลุงถอนใจแรงก่อนเอ่ยออกมา
“ใครจะเริ่มเรื่องนี้มันไม่เกี่ยว แต่ดาบชิตไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่ ยิ่งเอ็งไปยุ่งกับเจ๊ปราง”
เพชรหน้าแดงเมื่อได้ยิน เขาเชื่อว่าเรื่องนี้ ถึงไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ทุกคนย่อมเดาออกถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่ปราง แต่ใครจะห้ามเขาได้ ถ้าหากเขายอมแลกทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับเธอ
“พี่ปรางไม่ได้เป็นของใคร พี่เขาบอกชอบผมคนเดียว”
เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ นายแก้วตวาดด้วยหมดความอดทน
“แกต้องเลิกยุ่งกับนังนั่น เดี๋ยวนี้”
“ผมไม่เลิก ผมจะไปหาพี่ปราง”
เพชรพูดสวนลุงทันควันก่อนหมุนตัวแล้ววิ่งออกไป นายแก้วก้าวยาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็ทัน จึงจับแขนชายหนุ่มแล้วรั้งกลับมา เท้าเพชรแทบลอยจากพื้นด้วยแรงกระชาก ชายหนุ่มดิ้นรนหายใจแรง พลางพูดเกือบตะโกนออกมา
“ผมไม่อยู่ ผมจะไปหาพี่ปราง ผมเบื่อที่นี่ เบื่อทุกคน”
นายแก้วจับข้อมือหลานแน่นขณะเพชรใช้อีกมือพยายามแกะออก แต่ไม่มีผลด้วยร่างกายนั้นผิดกันไกล
“เข้าบ้าน ข้าจะขังเอ็งไว้ เสร็จเรื่องแล้วค่อยคุยกัน”.
พูดจบเขากึ่งลากกึ่งจูงหลานชายซึ่งพยายามดิ้นจนสุดกำลัง ขณะมีเสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งมาจากหลังเนิน
นายแก้วหยุดยืนพร้อมกับมือคลายออก เพชรจึงสะบัดหลุดแล้ววิ่งเข้าใต้ถุนบ้านทันที
“ผมจะหนี ผมจะหนีลุงไปให้ไกล”
เพชรไม่ได้ยินเสียงรถซึ่งแล่นมาตามถนน ขณะลุงของเขาตั้งใจฟังด้วยรู้สึกคุ้นเสียงแต่นึกไม่ออก กระทั่งรถพ้นเนินแล้วแล่นลงมา เขาจึงพูดดัง ๆ ไปทางหลานชาย
“ไปหลบในป่า เพชร”
เพชรลังเลกับท่าทีของลุง แต่เมื่อมองไปบนถนนและเห็นรถตรวจการณ์จึงลนลานวิ่งเข้าป่าด้านหลังทันที
รถดาบชิตถึงอยู่ไกลก็มองออก แต่นี่ใกล้เข้ามาไม่ถึงครึ่งกิโลจึงเห็นชัดเจน นายแก้วก้าวไปทางบันได เหยียบข้ามขั้นไม่กี่ครั้งก็ถึงบนบ้าน และคว้าปืนลูกซองมาตั้งพิงข้างกรอบประตู ยืนจังก้ามองกระทั่งรถเข้าจอดข้างรถเขาและดาบชิตลงมามองรอบ ๆ ก่อนเงยหน้ามองนายแก้วเอ่ยเสียงเรียบ ๆ ออกมา
“ไงแก้ว ไอ้เพชรอยู่ไหน”
ดาบชิตยิ้มอย่างคนได้เปรียบ เพราะแน่ใจว่าเพชรอยู่ไม่ไกล ขณะตำรวจที่มาด้วยอีกสองคน ลงรถแล้วยืนกวาดสายตาไปมา
“ไม่มี ใครบอกดาบว่ามันมานี่”
ดาบชิตไม่ตอบ มองใต้ถุนบ้าน ก่อนเงยมองนายแก้วซึ่งจ้องตากลับมาอย่างไม่เกรง มือห่างจากปืนที่พิงอยู่ไม่ถึงคืบ เขาภาวนาให้ใครคนใดคนหนึ่งชักปืนออกมาก่อน จะได้มีข้ออ้างในการสางแค้นที่สะสมมานาน รวมทั้งเรื่องเจ้าเพชร จะได้จบพร้อมกันในคราวเดียว
อารมณ์ขุ่นมัวของนายแก้วยังไม่จางเพราะคุยกับเพชรไม่เข้าใจ พอดีดาบชิตกับพวกเข้ามา เหมือนยั่วให้เขาเลิกใส่ใจผลที่จะเกิด และเริ่มคิดว่า ชีวิตเขาอยู่อย่างปกติไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ไม่มีใครสักคนเอามือเข้าใกล้ปืนที่เอว
“ตอนนี้ยังพอคุยกันได้นะแก้ว ถ้าข้าเจอเด็กนั่น เรื่องมันจะยาว”
ดาบชิตยืนกอดอก ทำหน้ายิ้ม ๆ ตามองนายแก้วซึ่งลังเลหยั่งท่าที มือไม่ห่างปืนข้างตัว ลูกน้องดาบเดินแยกย้ายเพื่อตามหาเพชร คนหนึ่งเดินไปข้างบ้าน อีกคนไปทางเรือนเล็กใต้ต้นมะปราง ไม่ถึงอึดใจก็เดินหิ้วกระเป๋าชายหนุ่มมา ดาบชิตยักไหล่พลางเอ่ยเสียงเรียบ ๆ ย้ำให้นายแก้วรู้ว่าตกเป็นรอง
“เอาไงดีแก้ว ถ้าเจอตัวข้าไม่คุยแล้วนะ”
นายแก้วคิดตามช้า ๆ มองท่าทีของทุกคน เมื่อเห็นคนหนึ่งขยับจะขึ้นบันไดมา เขาจึงคว้าปืนทำท่าพร้อมยิง
“คิดดี ๆ แก้ว เอ็งติดคุกไปคน เรื่องจะยุ่งไปใหญ่”
ดาบปรามอย่างใจเย็น ใบหน้ายังยิ้มแย้มอย่างเดิม นายแก้วใคร่ครวญคำที่ได้ยิน ขณะปรายตามองช้า ๆ ทีละคนพลางเอ่ยออกมา
“แล้วจะจบไหมล่ะดาบ จบจริงก็คุย ไม่จบก็ไม่ต้องพูดกัน”
เจ้าคนหน้าบันไดเห็นสีหน้าจริงจังของนายแก้ว ชักเท้ากลับช้า ๆ พลางชำเลืองมองดาบชิตรอท่าที
เพชรนั่งย่อตัวอยู่หลังต้นมะม่วงไม่ห่างตัวบ้านนัก คอยโผล่หน้ามองเป็นระยะและได้ยินตลอดการสนทนาขณะใจเต้นโครมคราม
ดาบชิตโบกมือลงสองสามครั้งให้ลูกน้อง ทั้งสองจึงหายใจออกยาวแล้วไปยืนข้างรถฟังลูกพี่พูดกับนายแก้วต่อไป
“เรื่องมันคุยกันได้แก้ว อย่าให้มันบานปลายไปกว่านี้ ตอนนี้เอ็งอยู่สบายแล้ว แค่เงินไม่เท่าไร จะเอาทั้งชีวิตแลกเลยเหรอ”
ดาบชิตเผยไต๋ให้อีกฝ่ายเบาใจ นายแก้วคิดตามและเริ่มผ่อนคลาย ถ้าจบตรงนี้อย่างไม่รุนแรง ก็ตรงกับที่เขาคิดไว้พอดี ว่าดาบชิตต้องการแค่เงิน จึงพิงปืนไว้ที่เดิมและเอ่ยถามออกไป
“เท่าไรล่ะดาบ ถ้ามากไปก็ไม่มีให้นะ”
ดาบชิตยิ้มกว้างพยักหน้าเป็นเชิงให้นายแก้วลงไปคุยใกล้ ๆ พลางหันไปพูดกับลูกน้อง
“เอาแค่พอดีนะพวกเรา หนักนักเขาไม่ไหว มันก็ไม่จบสักที”
สองคนรับปากเห็นด้วย พลางยืนลดมือลงอย่างผ่อนคลาย
นายแก้วถอนใจขณะก้าวลงบันได พลางคิดถึงเงินเก็บที่เขามีอยู่พร้อมกับเดาว่าดาบชิตต้องการเท่าไร
เมื่อนายแก้วเดินเข้าใกล้รถ ดาบชิตยิ้มนิดหนึ่งก่อนโบกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้อง คนหนึ่งก้าวสองก้าวก็ถึงตัวนายแก้วพร้อมกดปืนเข้าข้างลำตัว อีกคนตามมาติด ๆ ดันปืนเข้าท้ายทอยและกดหน้าลงกับฝากระโปรง
“ไอ้ชิต...ไอ้...ไอ้”
นายแก้วโมโหสุดขีด แต่ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าคำรามในลำคอ เพราะปืนสองกระบอกไม่รู้จะลั่นออกมาเมื่อไร
“ด่าไป ด่าไปแก้ว เอาให้เต็มที่ ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน ให้ที่พักพิงแก่คนร้าย พยายามฆ่า เท่าไรดีล่ะทีนี้ หรือจะติดคุกยาว ๆ”
ดาบชิตหัวเราะร่วนขณะลูกน้องจับมือนายแก้วรวบเข้าด้วยกันสวมกุญแจมือเข้าข้อมือทั้งสองข้างกดจนแน่นพร้อมกับดึงคอเสื้อให้ยืนตัวตรง นายแก้วกัดฟันจ้องหน้าตาเขม็ง พร้อมกับคำรามออกมาอย่างเดือดดาล
“เจอกันแน่ไอ้ชิต ข้าไม่ปล่อยเอ็งแน่นอน”
ดาบชิตหัวเราะร่วนโยกหัวเป็นสัญญาณให้ลูกน้องพานายแก้วขึ้นรถ ขณะหนุ่มใหญ่ดิ้นรนจนสุดแรง เมื่อเขาสู้แรงทั้งสองไม่ไหว จึงถูกดันขึ้นนั่งบนเบาะอย่างจำยอม และถูกกุญแจมืออีกพวงคล้องพวงแรกก่อนล็อกเข้ากับเหล็กใต้เบาะนั่ง ทำให้นายแก้วต้องนั่งก้มหลังทำอะไรไม่สะดวกอีกต่อไป
เพชรมองเหตุการณ์ตรงลานหน้าบ้านชาไปทั้งตัว เขานั่งนิ่งขณะความคิดมากมายวนในหัว ก่อนสะดุ้งคล้ายถูกไฟช็อต เมื่อได้ยินดาบชิตพูดเสียงดังฟังชัดเจน
“เอ็งไปดูไอ้เด็กนั่น มันอยู่ไม่ไกลหรอก”
สองคนพยักหน้าแทบพร้อมกัน คนหนึ่งวิ่งขึ้นบันไดไปบนบ้าน อีกคนเดินวนด้านล่าง กวาดสายตาไปทั่วและมองเข้ามาตรงเพชรซ่อนตัว
“อย่าแรงนักนะ เอาไปเป็น ๆ ได้ตัวแล้วขับรถไอ้แก้วไป”
เพชรได้ยินเสียงรับคำจากคนหนึ่ง ก่อนอึดใจต่อมารถดาบชิตจึงเคลื่อนกลับไปตามทาง ชายหนุ่มแข็งใจลุกขึ้นช้า ๆ ตั้งสติขณะขาชาไปข้างหนึ่ง ก่อนวิ่งเต็มที่เข้าป่าลึก ท่ามกลางความมืดโรยรอบตัว เสียงย่ำสวบสาบลงกอหญ้า เรียกเสียงจากใต้ถุนบ้านดังก้องมา
“เฮ้ย มันอยู่นั่น”....
( มีต่อครับ )
..........วิมานหมอก........ตอนที่ ๘........@@ โดย ลุงแผน
อีกครั้งที่นายแก้วรู้สึกผิดในใจ เรื่องของปรางทำเขาขุ่นมัวขณะขับรถ จนต้องดึงสติกลับมามองทางอยู่หลายครั้ง และผ่านไปไม่ถึงนาที ความรู้สึกนั้นก็กลับมาอย่างเดิม
ความรักที่มีให้คนในครอบครัว สิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งอื่นคือความปลอดภัย ถ้าคนในครอบครัวมีข้าวกิน มีที่นอน แต่ไม่มีความปลอดภัย ผู้ใหญ่ต้องปกป้องอย่างเต็มกำลัง แม้ต้องแลกกับบางอย่างก็ยอม เพื่อคนที่รักอยู่ปกติร่มเย็น
ครั้งนี้ เพชรปลอดภัย ท่ามกลางความลำบากใจของทุกคน ความจริงแล้วบุญคุณปรางมีไม่น้อย แต่อาชีพของเธอทำให้ตะขิดตะขวงใจในการตอบแทน อีกทั้งหลานชายไปอยู่กับเธอ แม้เป็นเวลาสั้น ๆ แต่นิสัยของเพชร และสภาพจิตใจในขณะนั้น นายแก้วมั่นใจว่าต้องมีอะไรเกินเลย
ถ้าเป็นยามปกติ หลานชายเขาไปคบกับปราง เขามั่นใจว่าเรื่องคงไม่จบแค่ให้เลิกคบกัน อย่างน้อยต้องเป็นคำพูดที่แรงกว่านี้ และคงไม่มองหน้ากันต่อไป นายแก้วไม่สบายใจที่ต้องใจร้ายกับปราง แต่ชีวิตข้างหน้าของเพชรสำคัญกว่า คิดว่าสักวันหลายชายจะเข้าใจ เมื่อถึงวันนั้นเพชรจะโกรธลุง เขาก็ไม่ว่า เพราะรู้อยู่ว่าการฝืนใจใครเพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะออกมาดี คนนั้นย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
นายแก้วสลัดความคิดออกไปพร้อมกับมองกระจกหลัง เมื่อไม่เห็นใครตามมา จึงตั้งใจขับต่อไป กระทั่งขึ้นเนินก่อนถึงทางเข้าไร่ จึงมองอีกครั้ง และเมื่อจอดรถตรงลานหน้าบ้าน เขาลงมายืนมองย้อนไปกระทั่งแน่ใจจึงดึงพวงกุญแจซุกไว้ใต้เบาะ และเบนสายตามองหลานชาย
“ลุง”
เพชรได้ยินเสียงรถลุงแก้วมาแต่ไกล เขามายืนรอด้วยใจเต้นโครมคราม แต่ความกังวล กลับไม่ใช่คำบ่นว่าที่จะมาจากลุง
“ไป เข้าบ้าน แล้วกินข้าวหรือยัง”
ชายหนุ่มส่ายหน้าเนือย ๆ ก่อนก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไร ผู้เป็นลุงมองเขานิดหนึ่งแล้วเดินเอาของขึ้นไปเก็บบนบ้านขณะเพชรยืนมองอย่างแปลกใจ ที่ลุงไม่บ่นสักคำ
ดวงตะวันคล้อยเรี่ยแนวไม้ เมฆฝนทอดตัวไล้สันเขา ลมเย็นพาใบไม้ไกวอ้อยอิ่ง กลิ่นไอชื้นหอมกรุ่นรอบตัว ละอองฝนบาง ๆ โปรยสัมผัสกายชายหนุ่ม ยามนี้ไม่มีพี่ปรางเคียงข้าง ใจเพชรจึงลอยไปไกล ลุงต้องเรียกสองครั้งเขาจึงได้ยินและหันไป
“เอ็งต้องอยู่ที่นี่วันสองวัน”
คำพูดลุง ทำเพชรนิ่งไปอึดใจ ก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ผมไม่อยู่ได้ไหมครับ”
ลุงแก้วมองหลานตาเขม็ง พลางถามห้วน ๆ ออกมา
“ทำไม”
เพชรไม่ตอบ ลุงแก้วอารมณ์เริ่มขุ่น ขณะเอ่ยออกมา
“ถ้าตำรวจเจอเอ็งก่อนมันจะเดือดร้อน ข้าต้องไปคุยกับพ่อเอ็งว่าจะเอาไง ที่มานี่จะบอกเอ็งอย่าเพิ่งไปไหน”
เพชรยืนเฉย ยิ่งทำให้ลุงหงุดหงิดจึงเอ่ยถามพร้อมจ้องหน้าหลานชาย
“แค่นี้ยังยุ่งยากไม่พอหรือเพชร”
ชายหนุ่มมองผู้เป็นลุงก่อนพูดห้วน ๆ ออกไป
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ลุงจะโทษผมทำเรื่องยุ่งได้ยังไง”
ผู้เป็นลุงถอนใจแรงก่อนเอ่ยออกมา
“ใครจะเริ่มเรื่องนี้มันไม่เกี่ยว แต่ดาบชิตไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่ ยิ่งเอ็งไปยุ่งกับเจ๊ปราง”
เพชรหน้าแดงเมื่อได้ยิน เขาเชื่อว่าเรื่องนี้ ถึงไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ทุกคนย่อมเดาออกถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่ปราง แต่ใครจะห้ามเขาได้ ถ้าหากเขายอมแลกทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับเธอ
“พี่ปรางไม่ได้เป็นของใคร พี่เขาบอกชอบผมคนเดียว”
เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ นายแก้วตวาดด้วยหมดความอดทน
“แกต้องเลิกยุ่งกับนังนั่น เดี๋ยวนี้”
“ผมไม่เลิก ผมจะไปหาพี่ปราง”
เพชรพูดสวนลุงทันควันก่อนหมุนตัวแล้ววิ่งออกไป นายแก้วก้าวยาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็ทัน จึงจับแขนชายหนุ่มแล้วรั้งกลับมา เท้าเพชรแทบลอยจากพื้นด้วยแรงกระชาก ชายหนุ่มดิ้นรนหายใจแรง พลางพูดเกือบตะโกนออกมา
“ผมไม่อยู่ ผมจะไปหาพี่ปราง ผมเบื่อที่นี่ เบื่อทุกคน”
นายแก้วจับข้อมือหลานแน่นขณะเพชรใช้อีกมือพยายามแกะออก แต่ไม่มีผลด้วยร่างกายนั้นผิดกันไกล
“เข้าบ้าน ข้าจะขังเอ็งไว้ เสร็จเรื่องแล้วค่อยคุยกัน”.
พูดจบเขากึ่งลากกึ่งจูงหลานชายซึ่งพยายามดิ้นจนสุดกำลัง ขณะมีเสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งมาจากหลังเนิน
นายแก้วหยุดยืนพร้อมกับมือคลายออก เพชรจึงสะบัดหลุดแล้ววิ่งเข้าใต้ถุนบ้านทันที
“ผมจะหนี ผมจะหนีลุงไปให้ไกล”
เพชรไม่ได้ยินเสียงรถซึ่งแล่นมาตามถนน ขณะลุงของเขาตั้งใจฟังด้วยรู้สึกคุ้นเสียงแต่นึกไม่ออก กระทั่งรถพ้นเนินแล้วแล่นลงมา เขาจึงพูดดัง ๆ ไปทางหลานชาย
“ไปหลบในป่า เพชร”
เพชรลังเลกับท่าทีของลุง แต่เมื่อมองไปบนถนนและเห็นรถตรวจการณ์จึงลนลานวิ่งเข้าป่าด้านหลังทันที
รถดาบชิตถึงอยู่ไกลก็มองออก แต่นี่ใกล้เข้ามาไม่ถึงครึ่งกิโลจึงเห็นชัดเจน นายแก้วก้าวไปทางบันได เหยียบข้ามขั้นไม่กี่ครั้งก็ถึงบนบ้าน และคว้าปืนลูกซองมาตั้งพิงข้างกรอบประตู ยืนจังก้ามองกระทั่งรถเข้าจอดข้างรถเขาและดาบชิตลงมามองรอบ ๆ ก่อนเงยหน้ามองนายแก้วเอ่ยเสียงเรียบ ๆ ออกมา
“ไงแก้ว ไอ้เพชรอยู่ไหน”
ดาบชิตยิ้มอย่างคนได้เปรียบ เพราะแน่ใจว่าเพชรอยู่ไม่ไกล ขณะตำรวจที่มาด้วยอีกสองคน ลงรถแล้วยืนกวาดสายตาไปมา
“ไม่มี ใครบอกดาบว่ามันมานี่”
ดาบชิตไม่ตอบ มองใต้ถุนบ้าน ก่อนเงยมองนายแก้วซึ่งจ้องตากลับมาอย่างไม่เกรง มือห่างจากปืนที่พิงอยู่ไม่ถึงคืบ เขาภาวนาให้ใครคนใดคนหนึ่งชักปืนออกมาก่อน จะได้มีข้ออ้างในการสางแค้นที่สะสมมานาน รวมทั้งเรื่องเจ้าเพชร จะได้จบพร้อมกันในคราวเดียว
อารมณ์ขุ่นมัวของนายแก้วยังไม่จางเพราะคุยกับเพชรไม่เข้าใจ พอดีดาบชิตกับพวกเข้ามา เหมือนยั่วให้เขาเลิกใส่ใจผลที่จะเกิด และเริ่มคิดว่า ชีวิตเขาอยู่อย่างปกติไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ไม่มีใครสักคนเอามือเข้าใกล้ปืนที่เอว
“ตอนนี้ยังพอคุยกันได้นะแก้ว ถ้าข้าเจอเด็กนั่น เรื่องมันจะยาว”
ดาบชิตยืนกอดอก ทำหน้ายิ้ม ๆ ตามองนายแก้วซึ่งลังเลหยั่งท่าที มือไม่ห่างปืนข้างตัว ลูกน้องดาบเดินแยกย้ายเพื่อตามหาเพชร คนหนึ่งเดินไปข้างบ้าน อีกคนไปทางเรือนเล็กใต้ต้นมะปราง ไม่ถึงอึดใจก็เดินหิ้วกระเป๋าชายหนุ่มมา ดาบชิตยักไหล่พลางเอ่ยเสียงเรียบ ๆ ย้ำให้นายแก้วรู้ว่าตกเป็นรอง
“เอาไงดีแก้ว ถ้าเจอตัวข้าไม่คุยแล้วนะ”
นายแก้วคิดตามช้า ๆ มองท่าทีของทุกคน เมื่อเห็นคนหนึ่งขยับจะขึ้นบันไดมา เขาจึงคว้าปืนทำท่าพร้อมยิง
“คิดดี ๆ แก้ว เอ็งติดคุกไปคน เรื่องจะยุ่งไปใหญ่”
ดาบปรามอย่างใจเย็น ใบหน้ายังยิ้มแย้มอย่างเดิม นายแก้วใคร่ครวญคำที่ได้ยิน ขณะปรายตามองช้า ๆ ทีละคนพลางเอ่ยออกมา
“แล้วจะจบไหมล่ะดาบ จบจริงก็คุย ไม่จบก็ไม่ต้องพูดกัน”
เจ้าคนหน้าบันไดเห็นสีหน้าจริงจังของนายแก้ว ชักเท้ากลับช้า ๆ พลางชำเลืองมองดาบชิตรอท่าที
เพชรนั่งย่อตัวอยู่หลังต้นมะม่วงไม่ห่างตัวบ้านนัก คอยโผล่หน้ามองเป็นระยะและได้ยินตลอดการสนทนาขณะใจเต้นโครมคราม
ดาบชิตโบกมือลงสองสามครั้งให้ลูกน้อง ทั้งสองจึงหายใจออกยาวแล้วไปยืนข้างรถฟังลูกพี่พูดกับนายแก้วต่อไป
“เรื่องมันคุยกันได้แก้ว อย่าให้มันบานปลายไปกว่านี้ ตอนนี้เอ็งอยู่สบายแล้ว แค่เงินไม่เท่าไร จะเอาทั้งชีวิตแลกเลยเหรอ”
ดาบชิตเผยไต๋ให้อีกฝ่ายเบาใจ นายแก้วคิดตามและเริ่มผ่อนคลาย ถ้าจบตรงนี้อย่างไม่รุนแรง ก็ตรงกับที่เขาคิดไว้พอดี ว่าดาบชิตต้องการแค่เงิน จึงพิงปืนไว้ที่เดิมและเอ่ยถามออกไป
“เท่าไรล่ะดาบ ถ้ามากไปก็ไม่มีให้นะ”
ดาบชิตยิ้มกว้างพยักหน้าเป็นเชิงให้นายแก้วลงไปคุยใกล้ ๆ พลางหันไปพูดกับลูกน้อง
“เอาแค่พอดีนะพวกเรา หนักนักเขาไม่ไหว มันก็ไม่จบสักที”
สองคนรับปากเห็นด้วย พลางยืนลดมือลงอย่างผ่อนคลาย
นายแก้วถอนใจขณะก้าวลงบันได พลางคิดถึงเงินเก็บที่เขามีอยู่พร้อมกับเดาว่าดาบชิตต้องการเท่าไร
เมื่อนายแก้วเดินเข้าใกล้รถ ดาบชิตยิ้มนิดหนึ่งก่อนโบกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้อง คนหนึ่งก้าวสองก้าวก็ถึงตัวนายแก้วพร้อมกดปืนเข้าข้างลำตัว อีกคนตามมาติด ๆ ดันปืนเข้าท้ายทอยและกดหน้าลงกับฝากระโปรง
“ไอ้ชิต...ไอ้...ไอ้”
นายแก้วโมโหสุดขีด แต่ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าคำรามในลำคอ เพราะปืนสองกระบอกไม่รู้จะลั่นออกมาเมื่อไร
“ด่าไป ด่าไปแก้ว เอาให้เต็มที่ ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน ให้ที่พักพิงแก่คนร้าย พยายามฆ่า เท่าไรดีล่ะทีนี้ หรือจะติดคุกยาว ๆ”
ดาบชิตหัวเราะร่วนขณะลูกน้องจับมือนายแก้วรวบเข้าด้วยกันสวมกุญแจมือเข้าข้อมือทั้งสองข้างกดจนแน่นพร้อมกับดึงคอเสื้อให้ยืนตัวตรง นายแก้วกัดฟันจ้องหน้าตาเขม็ง พร้อมกับคำรามออกมาอย่างเดือดดาล
“เจอกันแน่ไอ้ชิต ข้าไม่ปล่อยเอ็งแน่นอน”
ดาบชิตหัวเราะร่วนโยกหัวเป็นสัญญาณให้ลูกน้องพานายแก้วขึ้นรถ ขณะหนุ่มใหญ่ดิ้นรนจนสุดแรง เมื่อเขาสู้แรงทั้งสองไม่ไหว จึงถูกดันขึ้นนั่งบนเบาะอย่างจำยอม และถูกกุญแจมืออีกพวงคล้องพวงแรกก่อนล็อกเข้ากับเหล็กใต้เบาะนั่ง ทำให้นายแก้วต้องนั่งก้มหลังทำอะไรไม่สะดวกอีกต่อไป
เพชรมองเหตุการณ์ตรงลานหน้าบ้านชาไปทั้งตัว เขานั่งนิ่งขณะความคิดมากมายวนในหัว ก่อนสะดุ้งคล้ายถูกไฟช็อต เมื่อได้ยินดาบชิตพูดเสียงดังฟังชัดเจน
“เอ็งไปดูไอ้เด็กนั่น มันอยู่ไม่ไกลหรอก”
สองคนพยักหน้าแทบพร้อมกัน คนหนึ่งวิ่งขึ้นบันไดไปบนบ้าน อีกคนเดินวนด้านล่าง กวาดสายตาไปทั่วและมองเข้ามาตรงเพชรซ่อนตัว
“อย่าแรงนักนะ เอาไปเป็น ๆ ได้ตัวแล้วขับรถไอ้แก้วไป”
เพชรได้ยินเสียงรับคำจากคนหนึ่ง ก่อนอึดใจต่อมารถดาบชิตจึงเคลื่อนกลับไปตามทาง ชายหนุ่มแข็งใจลุกขึ้นช้า ๆ ตั้งสติขณะขาชาไปข้างหนึ่ง ก่อนวิ่งเต็มที่เข้าป่าลึก ท่ามกลางความมืดโรยรอบตัว เสียงย่ำสวบสาบลงกอหญ้า เรียกเสียงจากใต้ถุนบ้านดังก้องมา
“เฮ้ย มันอยู่นั่น”....
( มีต่อครับ )